ในที่สุด มหากาพย์ความขัดแย้งเรื่อง TikTok ระหว่างสหรัฐฯ และจีนก็เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุด เมื่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ได้มีการบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นกับจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทำให้แอปพลิเคชัน TikTok สามารถดำเนินกิจการในสหรัฐฯ ได้ต่อไป โดยไม่ถูกแบน ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ที่ต้องการหาทางออกให้แพลตฟอร์มยอดนิยมนี้รอดพ้นจากมาตรการทางกฎหมายที่กำหนดให้บริษัทแม่สัญชาติจีนต้องขายกิจการในสหรัฐฯ หรือถูกแบน
นายสกอตต์ เบสเซนต์ (Scott Bessent) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ข้อตกลงนี้เป็นผลมาจากการเจรจาทางการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้งสองประเทศที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน และย้ำว่าการเจรจาครั้งนี้ได้รับคำแนะนำโดยตรงจากประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้ข้อตกลงนี้เกิดขึ้นได้ และเป็นไปตามความต้องการของทั้งสองฝ่าย ที่จีนจะได้มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนในสหรัฐฯ ในขณะที่สหรัฐฯ ก็สามารถมั่นใจได้ว่าความมั่นคงของชาติจะยังคงเป็นอันดับแรก
ความพยายามในการจัดการกับ TikTok ของรัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มต้นมาตั้งแต่ในสมัยที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งแรก โดยในขณะนั้นเขาพยายามผลักดันให้มีการแบน TikTok ในสหรัฐฯ
ทว่าในสมัยอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน (Joe Biden) ได้มีการลงนามในกฎหมายที่ให้อำนาจประธานาธิบดีในการแบน TikTok ได้ หากบริษัท ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทแม่สัญชาติจีนไม่ยอมขายกิจการในสหรัฐฯ ให้กับผู้ประกอบการชาวอเมริกันภายในระยะเวลาที่กำหนด
แต่จุดพลิกผันที่ทำให้ทรัมป์เปลี่ยนท่าที คือการที่เขาเชื่อว่า TikTok เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เขาเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่และได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2024 ที่ผ่านมา
เมื่อขึ้นดำรงตำแหน่งสมัยที่สอง เขาจึงไม่ได้เดินหน้าตามกฎหมายดังกล่าว แต่กลับใช้อำนาจในการเลื่อนกำหนดการแบนออกไปหลายครั้ง โดยให้เหตุผลว่าเพื่อเปิดโอกาสให้มีการเจรจาข้อตกลง ซึ่งการเจรจาครั้งล่าสุดที่กรุงมาดริดถือเป็นรอบที่ 4 ในรอบ 4 เดือน
แม้ข้อตกลงเบื้องต้นจะดูเป็นข่าวดี แต่รายละเอียดทางการค้ารวมถึงเงื่อนไขต่าง ๆ ยังไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะ โดยกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า ข้อตกลงนี้จะถูกสรุปขั้นสุดท้ายเมื่อประธานาธิบดีทรัมป์ได้หารือกับ นายสี จิ้นผิง (Xi Jinping) ผู้นำจีน ในวันศุกร์ที่จะถึงนี้