เรียกว่าเอาใจแฟนเกมสยองขวัญกันแบบรัว ๆ กันเลยทีเดียว เพราะในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาทางสองหัวเกมยักษ์ใหญ่ของวงการเกมอย่างซีรีส์เมืองห่าผี ‘Silent Hill’ กับซีรีส์ผีชีวะ ‘Resident Evil’ ได้เปิดเผยข้อมูลเกมในซีรีส์ของตัวเองเพื่อสร้างกระแสให้แฟน ๆ ทั้งสองซีรีส์นี้ได้รู้ว่าอนาคตทั้งสองเกมนี้จะมีอะไรใหม่ ๆ บ้าง จนทำให้เกิดวลีที่ถูกถามคนในวงการเกมและชมภาพยนตร์ว่าถ้าเลือกได้ระหว่างเมืองที่มีแต่ผีสัตว์ประหลาดจากนรกอย่าง ‘Silent Hill’ กับเมืองที่เต็มไปด้วยซอมบี้และสัตว์ประหลาดทดลองใน ‘Raccoon City’ คุณจะเลือกไปที่ไหนกัน (ไม่เอาคำตอบที่ 3 ว่าไม่ขอไป) ซึ่งก่อนจะตัดสินใจเลือกเราก็มีตัวเลือกให้คุณได้อ่านว่าทั้งสองเมืองนี้มีข้อดีข้อเสียอะไรให้คุณ ๆ ที่อยากไปเที่ยวเดินเล่นของสองเมืองนี้ได้รู้ว่าเมืองไหนน่าสนใจกว่ากัน ถ้าพร้อมแล้วก็ตามมาดูสองเมืองนรกในโลกวิดีโอเกมภาพยนตร์ ‘Silent Hill’ กับ ‘Raccoon City’ เมืองไหนที่คุณควรไปเที่ยวกว่ากัน มาดูไปพร้อมกันเลย

ทำความรู้จักเมืองทั้งสองอย่างละเอียด

Silent Hill
Resident Evil

เริ่มต้นเรื่องแรกเรามาทำความรู้จักเมืองทั้งสองก่อนว่าทั้งสองเมืองนี้มีความเหมือนแตกต่างกันอย่างไร โดยเริ่มจากเมือง ‘Raccoon City’ เมืองอุตสาหกรรมขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในเทศมณฑล ‘Arklay’ ที่ตั้งอยู่แถวเขตภูเขาแถบมิดเวสต์ของสหรัฐฯ ที่เริ่มต้นจากเมืองเล็ก ๆ ในช่วงปี 1960 ที่แทบไม่มีคนรู้จัก จนเมื่อ ‘Umbrella Pharmaceuticals’ มาถึงเมืองก็เริ่มพัฒนาจนกลายเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้การควบคุมของ ‘Umbrella’ ที่ใช้เป็นฐานในการสร้างห้องทดลองมากมาย ตั้งแต่ที่ภูเขาไปจนถึงใต้เมืองโดยที่ประชาชนไม่รู้เรื่องนี้ เพราะทางบริษัท ‘Umbrella’ ได้ซื้อข้าราชการระดับสูงทุกคนเอาไว้จึงสามารถปิดข่าวไม่ให้รั่วไหลออกไปได้ ซึ่งภายใต้ความเจริญก็มีเรื่องนักท่องเที่ยวหายตัวผู้คนโดนอุ้มเมื่อรู้เรื่องราวของ ‘Umbrella’ มากเกินไป จนเมื่อทุกอย่างสุกงอมความชั่วที่ปิดไม่มิดจึงเกิดขึ้นตามที่เราได้เห็นในเกม

ส่วนเมือง ‘Silent Hill’ เป็นเมืองชนบทในอเมริกาและมีอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นหัวใจหลักที่ทำให้ผู้คนมาเที่ยวที่นี่ตลอดทั้งปี และภายใต้เมืองที่สวยงามนี้ก็มีกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังเมืองสวยทะเลสาบใสนี้ที่เรียกว่า ‘The Order’ ซึ่งเป็นคนตระกูลเก่าแก่ของที่นี่ซึ่งได้วางรากฐานและความเชื่อที่สืบต่อกันมาในการปลุกพระเจ้าซึ่งตายไปแล้วให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง โดยมี ‘Halo of the Sun’ เป็นสัญลักษณ์ที่เหมือนใจกลางของศาสนา ที่ถ้าให้เจาะลึกลงไปคงต้องใช้ทั้งบทความเพื่ออธิบายถึงสิ่งนี้ เอาเป็นว่าสิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับเมืองนี้คือมีกลุ่มคนที่คลั่งในพระเจ้าอยู่ในเมืองนี้ และสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดในเกมก็มาจากกลุ่มคนเหล่านี้เป็นต้นเหตุทั้งทางตรงทางอ้อมที่ไม่ต่างกับ ‘Raccoon City’ เลย

Silent Hill
Resident Evil

การเดินทางไปยังทั้งสองเมือง

Silent Hill 2
Resident Evil 2

มาถึงการเดินทางเข้าเมืองทั้งสองนั้นเรียกว่าเข้าง่ายมาก ๆ (แต่ออกไปยาก) เพราะทั้งสองเมืองนี้จะมีรูปแบบที่เหมือนกันคือความเงียบงัน ที่คนนอกไม่รู้ว่าในเมืองนี้เกิดอะไรขึ้น เพราะหายนะของทั้งสองเมืองนั้นเกิดขึ้นมาในยุคที่ข่าวสารยังไม่ทันสมัยแบบในตอนนี้ โดยเรื่องราวใน ‘Raccoon City’ จะเกิดขึ้นในปี 1998 ไม่ต่างกับเมือง ‘Silent Hill’ ที่ไม่ได้ระบุช่วงปีที่ชัดเจน แต่ที่เมื่อดูจากยุคสมัยที่เกมภาคแรกวางจำหน่าย ก็พอจะเดาได้ว่าเรื่องราวของทั้ง 2 เกมนี้น่าจะอยู่ยุคเดียวกัน และเมื่อเป็นยุคอดีตการติดต่อสื่อสารยังไม่รวดเร็ว จึงทำให้คนนอกเมืองไม่ทราบว่าตอนนี้ภายในเมืองเกิดอะไรขึ้น

ขณะที่เมือง ‘Silent Hill’ จะต่างออกไปตรงที่วินาทีแรกที่คุณเข้ามาในเมืองนี้คุณก็จะหลงมาโลกต่างมิติทันที ซึ่งโลกของทุกคนที่เจอจะต่างกันไปตามสภาพจิตใจของคน ๆ นั้น ยกตัวอย่าง ลอร่า (Laura) เด็กน้อยที่มายังเมือง ‘Silent Hill’ ในภาค 2 เธอก็ถูกส่งมายังต่างมิติและโลกสนิมเหมือนกับทุกคน แต่เด็กน้อยกลับไม่เจอสัตว์ประหลาดเลยแม้แต่ตัวเดียว นั่นก็เพราะจิตใจของเด็กน้อยนั้นไร้เดียงสายังไม่แปดเปื้อนด้วยความคิดรักโลภโกรธหลงแบบผู้ใหญ่ เมือง ‘Silent Hill’ จึงไม่สามารถสร้างสัตว์ประหลาดขึ้นมาได้

ดังนั้นถ้าคุณเข้ามาแล้วคุณเป็นคนดีถือศีลกินเจเข้าวัดทำบุญคุณก็ไม่รอด (อ้าว) เพราะนั่นเป็นเพียงเปลือกที่คุณแสดงแต่ในใจลึก ๆ คุณต่างหากที่เป็นการแสดงตัวตนของปีศาจออกมา ดังนั้นการเข้ามาในเมือง ‘Silent Hill’ คุณอาจจะเจอแค่เมืองหมอกธรรมดาหรือเจอเมืองที่เต็มไปด้วยหมอกและปีศาจก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณ หรือถ้าโชคดีคุณคือผู้ร่วมชะตากรรมที่ถูกเชิญจากเจ้าของจิตใจที่สร้างเมืองอย่างในภาคแรกที่เมือง ‘Silent Hill’ สร้างจากจิตใจอันเจ็บปวดของ อเลสซ่า กิลเลสพาย (Alessa Gillespie) แต่ตัวเอกของเกมถูกเชิญเข้าไปในโลกของเด็กสาวอันนี้ก็ถือว่าโชคร้ายไป หรือจะเป็นกรณีของตัวเอกภาค 3 ที่ถูกดึงเข้าไปในโลกต่างมิติทั้งที่ไม่ได้อยู่ในเมือง ‘Silent Hill’ หรือตัวเอกภาค 4 ที่อยู่ห้องดี ๆ ก็ถูกดึงไป ‘Silent Hill’ เพราะถูกเชิญไป สรุปสั้น ๆ คือสามารถนั่งรถเข้าไปได้หรือถ้าถูกเชิญก็ซวยไปแต่จะออกมาได้ไหมนั่นอีกเรื่อง ส่วน ‘Raccoon City’ ไม่ต้องคิดเยอะแค่ขับรถเข้าไปก็เจอแล้วไม่ต้องคิดซับซ้อนเมื่อเทียบกับ ‘Silent Hill’

Silent Hill 3
Resident Evil 2

สิ่งที่เราต้องเจอถ้าไปยังเมืองนี้

Silent Hill 5
Resident Evil 2

คราวนี้มาดูสิ่งที่เราต้องเจอเมื่อเข้าไปเดินเล่นทั้งสองเมืองนี้ว่าคุณจะได้เจออะไรบ้าง เริ่มจากเมือง ‘Raccoon City’ ที่หลายคนคุ้นเคย สิ่งที่คุณจะได้พบในเมืองนี้เยอะที่สุดเลยคือเหล่าซอมบี้ที่เกิดจากผู้ติดเชื้อ ‘T-Virus’ ที่กระจายตัวอย่างรวดเร็วจนเกินจะควบคุม และนอกจากมนุษย์แล้วก็ยังมี นก หนู หมา สัตว์ต่าง ๆ  ที่สามารถติดเชื้อเป็นซอมบี้ได้ (ถ้าคุณไปแถวสวนสัตว์ก็จะเจอสัตว์ซอมบี้) นอกจากนี้ก็ยังมีเหล่าสัตว์ประหลาดที่หลุดออกมาจากห้องทดลองต่าง ๆ ที่พร้อมจะมาไล่กินคุณเป็นอาหารว่าง ซึ่งข้อดีอย่างหนึ่งของการรอดชีวิตในเมืองนี้คือพวกสัตว์ประหลาดจะมีถิ่นที่อยู่ของมัน แค่คุณรู้ว่าตรงไหนมีตัวอะไรอยู่ก็พอจะรอดไปได้ ส่วนซอมบี้นั้นมีอยู่ทั่วเมืองที่ถ้าเจอตัวสองตัวก็พอว่าแต่ถ้าเจอหลาย ๆ ตัวโอกาสรอดก็น้อย

มาที่เมือง ‘Silent Hill’ ที่ทุกคนคงจะทราบดีว่าเมืองนี้มีทั้งหมด 2 แบบ อย่างแรกคือเมืองหมอกที่มีสัตว์ประหลาดออกมาเดินไปมาแต่มีจำนวนไม่มาก แต่พอเสียงไซเรนเตือนภัยดังขึ้นเราก็จะถูกส่งไปยังโลกต่างมิติที่เราเรียกว่าโลกสนิม ที่คราวนี้เราจะได้เจอสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ ๆ โหด ๆ เดินไปมาเต็มไปหมด แต่ของ ‘Silent Hill’ จะดีกว่าตรงที่พวกสัตว์ประหลาดมันไม่ค่อยสนใจมนุษย์ มันจะไม่ออกตามล่าแต่อยู่ในถิ่นของตัวเองและส่วนมากจะไม่ออกจากถิ่นที่อยู่ ซึ่งเราสามารถหนีออกมาได้ (ถ้าวิ่งทัน) และสามารถสู้ได้ง่ายกว่าของ ‘Raccoon City’ ที่พวกสัตว์ประหลาดเหล่านั้นมันถูกสร้างมาเพื่อล่าและฆ่าเหยื่อ แต่ของ ‘Silent Hill’ มันคือสิ่งที่สร้างจากจิตใจส่วนลึกของคน ๆ นั้นที่สร้างขึ้นมาพวกมันเลยไม่กระหายเลือดเป็นแค่สัตว์หวงถิ่น แถมหลายตัวก็ไม่มีความสามารถในการล่าที่เราสามารถฆ่ามันได้ง่าย ๆ แม้จะเป็นระดับหัวหน้าก็ตาม แต่ตัวโหด ๆ ก็มีแต่เมื่อเทียบกันแล้วของ ‘Silent Hill’ ยังเบากว่าของ ‘Raccoon City’

Silent Hill 3
Resident Evil 3

ดาวเด่นของทั้งสองเมือง

Silent Hill 2
Resident Evil 3

แน่นอนว่าอีกสิ่งที่ขาดไม่ได้ของทั้งสองเมืองนี้ก็คือดาวเด่นประจำเมือง ที่ถ้าพูดถึง ‘Raccoon City’ เราต้องคิดถึงพี่ เนเมซีส (Nemesis) อาวุธชีวภาพที่สามารถลงโปรแกรมเพื่อให้กำจัดเป้าหมายได้ แถมยังมีสามารถอีกหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นหนวดยาว ๆ ไว้จับศัตรูระยะไกล ความสามารถในการสร้างสัตว์ประหลาดจากซอมบี้แบบพิเศษ แถมยังใช้อาวุธต่าง ๆ ในการกำจัดศัตรูได้ และยังตายยากมีหลายร่างพร้อมครบจบในการล่า (แต่ในเกมฉบับ ‘Remake’  พี่เนเมซีสเราฆ่าใครไม่ได้เลย) และเขาก็ปรากฏแค่ใน ‘Resident Evil 3’ แต่แฟน ๆ ก็จดจำได้เหมือนเป็นดาราประจำซีรีส์

เหมือนอย่างพี่หัวพีระมิด (Pyramid Head) ที่ก็เป็นดาราหลักประจำซีรีส์ ‘Silent Hill’ ที่หลายคนคงจะคิดว่า ‘Pyramid Head’ คงจะไปปรากฏตัวทุกภาคในเกม แต่ความจริงแล้ว ‘Pyramid Head’ ปรากฏมาเพียงแค่ใน ‘Silent Hill 2’ เท่านั้น โดยตัวของ ‘Pyramid Head’ เกิดจากความรู้สึกทางเพศที่รุนแรง และเต็มไปด้วยความโกรธเกลียดในสิ่งที่เจอ หรือพูดง่าย ๆ  มันคือความรู้สึกลึก ๆ ของตัวเอกในภาค 2 ที่สร้างมันขึ้นมา โดยความสามารถของ ‘Pyramid Head’ คือการหายตัวไปตามฉากต่าง ๆ เพื่อฆ่าและข่มขืนสัตว์ประหลาดตัวอื่น (ใช่คุณอ่านไม่ผิดและในเกมก็มีฉากนี้ให้เราได้เห็นด้วยแค่มันไม่แสดงอย่างชัดเจน) ดังนั้นเมื่อคุณเจอมันสิ่งที่ควรทำคือวิ่งสถานเดียว แต่อาจจะโดนมันดักหน้าและใช้มีดตัดคุณขาดสองท่อนในดาบเดียว ดังนั้นถ้าคุณไม่ใช่ เจมส์ ซันเดอร์แลนด์ (James Sunderland) คนที่สร้างมันคุณก็เตรียมตัวตายสถานเดียว (ตามเนื้อเรื่อง ‘Pyramid Head’ จะไม่โจมตีเจมส์) เมื่อเป็นอย่างนั้น ‘Pyramid Head’ จึงได้คะแนนในส่วนนี้ไป ส่วนถ้าคุณเจอเนเมซีสคุณอาจจะรอดเพราะพี่เนเมซีสจะไม่ทำร้ายคนทั่วไปแต่จะฆ่าเฉพาะคนที่มันตั้งโปรแกรมมาเท่านั้น สรุปง่าย ๆ ก็คือถ้าคุณเจอดาวเด่นของทั้งสองเมืองเนเมซีสดูจะให้คุณมีโอกาสหนีมากกว่า

Silent Hill 2
Resident Evil 3

อาวุธที่ได้ในการเอาชีวิตรอด

Silent Hill 5
Resident Evil 2

และเมื่อต้องเอาตัวรอดอาวุธจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะขาดไม่ได้ เพราะถ้ามีเพียงมือเปล่าเราคงจะตายอยู่ในเมืองนี้แน่นอน แต่ไม่ต้องกลัวคุณสามารถพบอาวุธต่าง ๆ ได้ตามจุดต่าง ๆ ของทั้งสองเมืองนี้เริ่มจาก ‘Raccoon City’ ที่คุณจะได้พบปืนหลากหลายรูปแบบตามจุดต่าง ๆ ในเมืองรวมถึงกระสุนที่พร้อมให้คุณใช้ ประหนึ่งว่ามีคนมาวางเอาไว้รอคุณมาเก็บไปใช้ ซึ่งเมื่อกระสุนหมดคุณก็ยังมีมีดระเบิดแบบต่าง ๆ เพื่อเอาตัวรอดได้ แต่เมื่อคุณเข้ามาในเมืองนี้คุณจะไม่สามารถหยิบของต่าง ๆ มาใช้ต่อสู้ได้ จะมีเพียงมีดและปืนเท่านั้นที่หยิบมาป้องกันตัวได้

ส่วนเมืองห่าผี ‘Silent Hill’ จะผ่อนผันลงมา เพราะนอกจากปืนที่มีตามจุดต่าง ๆ เหมือนในเมือง ‘Raccoon City’ แล้ว ก็ยังมีอาวุธอื่น ๆ ให้ใช้โดยเราจะพึ่งปืนอย่างเดียวไม่ได้เพราะเกมนี้จะให้กระสุนน้อยมาก ๆ ซึ่งมันไม่เพียงพอต่อการกำจัดศัตรู ในเกมนี้เลยมีท่อเหล็กมีดทำครัวมาให้เราใช้ต่อสู้ หรือถ้าโชคดีหน่อยก็เห็นดาบซามูไรหรือขวานตกในฉากที่เอามาใช้สู้ได้ แต่เราไม่สามารถเอาอาวุธของสัตว์ประหลาดถือมาใช้ได้ (สัตว์ประหลาดบางตัวถือมีดมีปืน) แต่ของพวกนี้จะมีค่าความทนทานที่ตีไปไม่นานก็พังคุณต้องไปหาอาวุธอื่นมาใช้ ที่ถือว่าให้โอกาสรอดของเรามากกว่า เพราะถ้าเป็นคนธรรมดาอย่างเราที่ไม่เคยจับปืนมาก่อนการยิงปืนใส่ตัวประหลาดจึงทำได้ยาก แต่ถ้ามีไม้ในมือเราคงจะกล้าตีมากกว่า เมื่อเป็นอย่างนั้น ‘Silent Hill’ จึงได้คะแนนในส่วนนี้ไป

Silent Hill 4
Resident Evil 2

โอกาสรอดชีวิตของเราเมื่อเข้าไปในเมือง

Silent Hill 5
Resident Evil 1

เอาจริง ๆ ถ้ามองกันตามหลักแล้วถ้าคุณหลงเข้าไปในเมือง ‘Silent Hill’ คุณจะโอกาสรอดมากกว่าในเมือง ‘Raccoon City’ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนศัตรูที่เราต้องเจอน้อยกว่ามาก ๆ แถมพวกสัตว์ประหลาดใน ‘Silent Hill’ ก็ไม่ค่อยจะรวมตัวกัน แถมพวกมันยังอยู่ประจำถิ่นและในบางครั้งเราก็จะเห็นพวกมันสู้กันเองเมื่อมีอีกฝ่ายมาบุกถิ่นของมัน และที่สำคัญที่สุดพวกสัตว์ประหลาดใน ‘Silent Hill’ ค่อนข้างบอบบางตีไม่กี่ทีกระสุนไม่กี่นัดก็ตาย จะมีบางตัวที่โหด ๆ อย่างเหล่านักโทษหรือสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ ๆ ที่สร้างจากจิตใจอันหวาดกลัวโกรธเกลียดของคน ๆ นั้นที่ยิ่งมีมากสัตว์ประหลาดก็ยิ่งโหดและติดอาวุธมากเท่านั้น

ต่างกับของ ‘Raccoon City’ ที่มีจำนวนมากกว่าแถมยังสามารถทำให้เราติดเชื้อเพียงแค่โดนมันกัดหรือข่วน และอย่างที่เราได้บอกไปในตอนต้นว่าสัตว์ประหลาดใน ‘Raccoon City’ ถูกสร้างมาเพื่อฆ่าและล่าเราโดยเฉพาะ ดังนั้นทุกตัวจึงฆ่าได้ยากโอกาสรอดจึงน้อยกว่าของเมืองห่าผีมาก ๆ ไม่ว่าจะดูมุมไหนก็ตาม

Silent Hill 2
Resident Evil 3

ทางหนีออกจากเมือง

Silent Hill 1
Resident Evil 2

ปิดท้ายกับการหาทางหนีออกจากทั้งสองเมืองนี้ ที่ทั้งคู่จะมีทางหนีที่ต่างกันอย่างชัดเจน โดยเริ่มจาก ‘Raccoon City’ ที่ถ้าคุณเป็นเพียงตัวประกอบธรรมดาที่หลงเข้ามาโอกาสรอดก็มีน้อยมาก ๆ แต่ถ้าคุณคือเหล่าตัวเอกหรือร่วมเดินทางไปกับพวกเขาหรือเธอในเมือง โอกาสรอดก็จะสูงขึ้นมาอีกหน่อย ส่วนทางหนีออกมาจากเมืองนี้การวิ่งออกมาหรือขับรถหนีออกมาก็สามารถทำได้ แต่ถนนส่วนมากจะถูกปิดด้วยรถที่ชนกันช่วงชุลมุนตอนหนี การขับรถออกมาจึงเป็นไปได้ยาก สิ่งที่ควรทำได้คือออกทางรถรางใต้สถานีวิจัยหรือไม่ก็รอเฮลิคอปเตอร์มารับ ซึ่งคนที่จะได้ขึ้นแน่นอนว่าไม่ใช่คุณ ดังนั้นโอกาสรอดชีวิตของการเข้าและออกในเมือง ‘Raccoon City’ คือ 1% เท่านั้น ซึ่งคุณต้องดวงดีมีเพื่อนที่ดีและเป็นตัวเอกในเกมนี้

ส่วนของ ‘Silent Hill’ นั้นโอกาสรอดมีอยู่ 50/50 ที่คุณจะรอดออกไป แต่เงื่อนไขในการรอดชีวิตนั้นคุณต้องไปฆ่าพระเจ้าของตอนนั้น ๆ ก่อน คุณจึงจะสามารถทำลายมิติห่าผีนี้จึงจะออกมาได้ ซึ่งการเอาชนะนั้นก็ง่ายมากเพียงแค่คุณมีไม้กระบองมีดปืนที่เก็บมาตี ๆ ไปที่พระเจ้า (ในเรื่องเรียกว่าพระเจ้าแต่ดูยังไงก็สัตว์ประหลาด) และเมื่อชนะแล้วถ้าคุณโชคดีก็สามารถเดินออกมาจากเมืองแบบสบาย ๆ หรือตายในนั้นในเวลาต่อมา เพราะจิตใจของคุณที่ดำมืดก็จะสร้างโลกแบบนี้ขึ้นมาอีกแบบไม่รู้จบ แต่ถ้าคุณสำนึกผิดยอมรับบาปความชั่วในใจคุณก็สามารถรอดได้ ซึ่งส่วนมากคนที่เข้าไปจะรอดชีวิตกันแม้ตัวละครเสริม เพราะอย่างที่เราได้บอกไปว่าจิตใจของคุณเป็นตัวกำหนดปีศาจและพระเจ้าในเมือง จะเจอโหดเจอปกติหรือไม่เจอคุณคือตัวกำหนด สรุปสั้น ๆ ‘Raccoon City’ ไปวัดดวงเอา แต่ของ ‘Silent Hill’ ก็วัดความดีในใจคุณจึงทำให้ ‘Silent Hill’ ได้คะแนนในส่วนนี้ไป

Silent Hill 3
Resident Evil 3

ก็จบกันไปแล้วกับการเปรียบเทียบเชิงข้อมูลระหว่างเมือง ‘Silent Hill’ กับ ‘Raccoon City’ เมืองไหนน่าไปมากกว่ากัน เพราะเรามักจะถูกถามเสมอว่าระหว่างสองที่นี้ถ้าเลือกได้จะไปที่ไหน ซึ่งเราก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นตัวช่วยให้คุณเลือกตอบมากขึ้น โดยเนื้อหาของเมืองทั้งสองเมืองนั้นเราได้อ้างอิงจากตัวเกมเนื้อเรื่องและสิ่งต่าง ๆ ที่ตัวละครของสองซีรีส์นี้เจอในเมืองมาเป็นข้อมูล อ่านกันเอาสนุกไม่ต้องไปจริงจังมาก และพอเจอคนถามคุณว่าจะไปเมืองไหนก็งัดข้อมูลที่ได้จากบทความนี้มาบอก รับรองว่าคนที่ถามต้องอึ้งทึ่งงงและมองคุณเป็นคนรอบรู้เรื่องเกมมากขึ้นอย่างแน่นอน ส่วนคราวหน้าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไรในวงการเกมก็ติดตามกันได้ที่แบไต๋ได้เลย รับรองว่าคุณจะได้อ่านบทความแปลก ๆ น่าสนใจไม่ซ้ำกับที่ไหนนอกจากที่นี่แน่นอนกดติดตามแบไต๋เอาไว้ได้เลย หรือจะย้อนไปดูบทความเก่า ๆ ที่ผ่านมาก็ได้เพราะที่แบไต๋มีครบเครื่องเรื่องความบันเทิงให้คุณได้ติดตามแบบไม่มีเบื่อแน่นอน

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส