[รีวิวเกม] “SINNER Sacrifice for Redemption” นี่มันคือ Dark Souls เวอร์ชันน่ารักชัดๆ!!
Our score
8.2

[รีวิวเกม] “SINNER Sacrifice for Redemption” นี่มันคือ Dark Souls เวอร์ชันน่ารักชัดๆ!!

จุดเด่น

  1. จุดขายบอสไฟต์ทำออกมาได้สนุกและท้าทายมาก
  2. งานภาพทำออกมาได้มีมิติและดีกว่าที่คิด
  3. สายฮาร์ดคอร์ต้องห้ามพลาด

จุดสังเกต

  1. เกมยังไม่ได้ให้ FPS ที่ลื่นไหลนัก
  2. เกมสั้นมาก คอนเทนต์มีอะไรให้ทำไม่ค่อยเยอะ
  3. มุมกล้องยังแอบเป็นปัญหาอยู่บ้าง

สำหรับใครที่กำลังโหยหาเกมยาก ๆ ที่ให้อารมณ์คล้าย ๆ Darksouls เล่นอยู่ล่ะก็ “SINNER Sacrifice for Redemption” ที่ผมได้นำมารีวิวในวันนี้ก็ถือว่าเป็นอีกเกมที่ให้อารมณ์ไม่แตกต่างกันสักเท่าไหร่นัก แม้ตัวเกมจะให้โทนสีหม่น ๆ มืด ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็นำเสนอภาพที่น่ารักน่าเอ็นดูในสไตล์ 3D ซึ่งต่างจากเกมรุ่นพี่อย่าง Dark Souls ที่ให้อารมณ์สมจริงกว่ามาก แต่ในแง่ของเกมที่เล่นแล้วอยากปาจอยทิ้งนั้นบอกเลยว่าไม่ต่างกันเลย และถือว่าเป็นอีกเกมที่ค่อนข้างจะมีราคาที่น่ารัก แต่ก็ต้องบอกก่อนว่าเกมเพลย์นั้นไม่ได้น่ารักตามราคาสักเท่าไหร่ และอาจจะเหมาะเฉพาะแค่ผู้เล่นสายฮาร์ดคอร์เท่านั้นนะครับผม

สามารถหาเล่นได้ผ่าน Platforms PS4 , Nintendo Switch , PC (Steam) , Xbox One

SINNER: Sacrifice for Redemption Launch Date Trailer

ปล. รีวิวนี้ผู้เขียนเล่นผ่านทาง Steam นะครับผม

GAME ABOUT

SINNER Sacrifice for Redemption คือเกมแนว Action RPG ที่ถูกพัฒนาโดยค่ายเกมสุดอินดี้อย่าง DARK STAR ซึ่งตลอดการเล่นเกมนี้จะไม่มีศัตรูมากมายให้เราต่อสู้เลย ผู้เล่นจะได้สู้กับศัตรูที่เป็นถึงระดับบอสเท่านั้น แน่นอนว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะต่อสู้กับบอสเหล่านี้ และสิ่งที่ผู้เล่นจะต้องพบเจอก็ไม่ต่างจากเกมตระกูล Souls อื่น ๆ ที่คุณจะต้องตายซ้ำตายซากหลายต่อหลายครั้งเพื่อเรียนรู้บอสเพียงตัวเดียว

ตัวเกมจะให้เราได้รับบทบาทเป็น อดัม นักรบผู้โดดเดี่ยวที่มีจิตใจขุ่นมัว เค้ามีความผิดอันใหญ่หลวงซึ่งนำพาเขาเดินทางมายังอาณาจักรที่กำลังล่มสลายให้มาเผชิญหน้ากับมหาปิศาจทั้ง 7 ที่ถูกเรียกว่าบาปทั้ง 7 โดยการต่อสู้แต่ละครั้ง อดัม จะต้องยอมสละส่วนหนึ่งของตัวเองเพื่อไถ่บาปที่ได้ก่อไว้

GAME PLAY

การควบคุมง่าย ๆ ไม่ซับซ้อนสักเท่าไหร่

หัวข้อแรกขอพูดถึงระบบการควบคุมตัวละครหลักของเราก่อนเลย ซึ่งก็ต้องบอกว่าสำหรับใครที่เคยผ่านเกม Dark Souls มาก่อนนี่แทบจะไม่ต้องปรับตัวอะไรมากมายเลย ทั้งยังสามารถออกแบบมาให้ทำความเข้าใจได้ง่ายกว่าด้วยซ้ำ โดยตัวละครเราจะสามารถทำได้แค่ โจมตี ป้องกัน ใช้ไอเทม เปลี่ยนอาวุธ วิ่ง และกลิ้งหลบ แค่นั้นเลย แต่ทว่าการเลือกทำอะไรสักอย่างนั้นก็ต้องแลกมากับค่าสเตมิน่าที่จะใช้มากหรือน้อยแตกต่างกันออกไปตามสิ่งที่เราทำ

โดยตัวเรานั้นหลัก ๆ จะสามารถใช้อาวุธได้ 2 ประเภทนั่นก็คือ ดาบโล่ และ ดาบใหญ่ และมีไอเทมให้ใช้แต่ละรอบอย่างจำกัด จะประกอบไม่ด้วย ไอเทมเพิ่มเลือด หอก ระเบิด และบัฟอาวุธให้กลายเป็นอาวุธธาตุ ซึ่งถ้าเราใช้ไอเทมเหล่านี้จนหมดคือหมดเลยไม่มีให้เติมหรือหาเก็บขณะเล่น นอกจากจะตายแล้วเกิดใหม่ก็จะได้รับไอเทมเหล่านั้นกลับมาเท่าเดิมครับผม นั่นจึงทำให้ความยากตกไปอยู่ที่การบริหารจัดการไอเทมเหล่านี้ขณะต่อสู้ ซึ่งต้องใช้ไหวพริบและสกิลเพลย์ของผู้เล่นพอสมควรเลย

การเดินทางที่ไม่เป็นเส้นตรง ผู้เล่นสามารถตัดสินใจในการเลือกสู้ได้อิสระ

อย่างที่บอกไปว่าเกมนี้จะมีแค่ศัตรูที่เป็นบอสเท่านั้น ถ้าให้นึกถึงสไตล์เกมที่ใกล้ ๆ กันก็คงเหมือนกับเกม Shadow Of The Colossus นั่นแหละครับ แต่สำหรับเกมนี้จะไม่ได้มีแมปที่กว้างใหญ่ขนาดนั้น โดยเริ่มแรกผู้เล่นจะถูกนำให้มาอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งที่มีประตูหลากหลายบานในแมปนั้น (ซึ่งแมปก็ไม่ได้กว้างมาก) ผู้เล่นจะสามารถเลือกได้เลยว่าอยากจะเข้าไปประตูไหนก่อน ซึ่งด้านหลังของประตูก็จะนำพาให้ผู้เล่นไปพบเจอกับบอสแต่ละประเภท ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่ให้อิสระผู้เล่นในการเลือกบอสที่จะสู้ได้อย่างอิสระ เพราะหากเราสู้บอสตัวนี้ไม่ได้เราก็เลือกที่จะสู้มันต่อไป หรือจะพักและไปสู้บอสตัวอื่นก่อนแล้วค่อยกลับมาสู้กับมันทีหลังก็ได้เช่นกัน

แต่ทว่าก่อนจะเข้าไปต่อสู้กับบอสแต่ละตัวนั้น ผู้เล่นจะต้องยอมเสียสละอะไรบางอย่างซะก่อนถึงจะสามารถเข้าไปสู้ได้ ไม่ว่าจะยอมแลกกับการลดพลังการโจมตี ยอมลด Max HP หรือเหนื่อยเร็วขึ้น เป็นต้น ซึ่งมันก็ทำให้ตัวเกมที่มันยากอยู่แล้วนั้นยากขึ้นไปอีก แต่ก็ถือว่าตอบโจทย์ผู้เล่นสายฮาร์ดคอร์ที่กำลังมองหาเกมที่มีความท้าทายได้อย่างยอดเยี่ยมมาก ๆ (รวมถึงผมด้วยฮ่า ๆ)

บอสไฟต์คือไฮท์ไลต์ของเกมนี้เลย!!

ต่อไปจะจะขอพูดถึงส่วนที่เป็นไฮไลต์ของเกมนี้เลย แต่ไม่รู้จะเรียกว่าไฮไลต์ได้รึเปล่านะเพราะเกมมันมีให้ทำแค่สิ่งนี้เนี่ยแหละ (ฮา) นั่นก็คือ บอสไฟต์ นั่นเอง ก็นะเกมนี้หลัก ๆ คือให้เราปะทะกับบอสอย่างเดียวเลย ไม่มีตีพวกมอนกีกี้ตามแมป ไม่มีเดินสำรวจหาไอเทมเสริม มินิบอสก็ไม่มี มาถึงจัดหนักใส่ผู้เล่นให้ได้ไปเจอบอสแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แบบเล่นยังไม่ทันเป็นก็ต้องเจอกับตัวอะไรก็ไม่รู้ตั้งแต่แรกแล้ว

แต่ก็ถือว่าเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก ตัวเกมจะให้เราได้เรียนรู้ด้วยตัวเองตั้งแต่แรก และค่อย ๆ เข้าใจเกมเพลย์ขึ้นไปเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่ตาย ไม่ว่าจะเป็นปุ่มกด เทคนิค จังหวะ แพตเทิร์นของบอส ไอเทมต่าง ๆ ที่ตัวเราใช้ได้ ซึ่งการดีไซน์วิธีการต่อสู้กับบอสแต่ละตัวก็ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ทุกตัวมีเสน่ห์และวิธีรับมือที่ต่างกันออกไปอย่างชัดเจน แม้จะต้องตายและกลับมาสู้กับบอสตัวเดิม ๆ ก็ไม่เคยเบื่อเลย และที่สำคัญเวลาปราบบอสได้แต่ละตัวคือเป็นอะไรที่รู้สึกดีมาก ๆ ใครที่เคยประทับใจการสู้บอสในเกม Dark Souls มาก่อนคือต้องลองเกมนี้จริง ๆ ให้ความรู้สึกท้าทายที่แทบไม่ต่างกันเลย เผลอ ๆ บอสบางตัวจะยากกว่า Dark Souls เลยด้วยซ้ำ

นอกจากนี้บอสแต่ละตัวจะมีคัตซีนเปิดตัวเป็นของตัวเอง และมีเนื้อเรื่องเป็นของตัวเองชัดเจนและนำเสนอภาพอาร์ตสไตล์โกธิค ที่ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมและน่าจดจำมาก

จุดสังเกตต่าง ๆ

มุมกล้อง ยังแอบเป็นปัญหาระดับนึง หลังจากที่เล่นมาสักพักผมรู้สึกว่ามุมกล้องมันค่อนข้างแคบเกินไปหน่อย เวลามองหาจังหวะต่าง ๆ นี่คือมองยากมาก (อาจจะเพราะผู้พัฒนาต้องการให้ตัวเกมมันยากด้วยแหละ) นอกจากนี้เวลาที่เราเดินผ่านฉากต่าง ๆ เช่นโขดหิน มันจะมีจังหวะหน่วงเล็ก ๆ ที่ทำให้เรามองไม่เห็นตัวเองทำให้เปิดโอกาสโดนศัตรูโจมตีบ่อยมาก ๆ นอกจากนี้ยังมีปัญหาด้าน FPS ที่จะตกเป็นช่วง ๆ เวลาบอสใช้สกิล หรือมีเอฟเฟกต์โผล่ขึ้นมาในเฟรม ซึ่งโดยรวมก็เป็นปัญหาเล็ก ๆ ที่พอรับได้อยู่บ้าง ไม่ถึงขั้นทำให้ตัวเกมหมดความสนุกสักเท่าไหร่

เกมจบไว้มาก ซึ่งอย่างที่บอกไปตอนแรกว่าเกมนี้มีบอสทั้งหมด 7 ตัวเท่านั้น แต่จริง ๆ ก็มีอีก 1 ตัวแหละที่สู้ได้แต่ขอไม่สปอยล์นะครับผม นั่นจึงทำให้เกมนี้มีคอนเทนต์น้อยมาก สู้บอสครบ จบเลิก เอาเป็นว่าถ้าใครเล่นเก่ง ๆ ปราบบอสเร็วนี่เผลอ ๆ เล่นไม่ถึง 2 ชั่วโมงก็จบเกมนี้ได้เลยนะ แต่โดยรวมเกมราคาหลักร้อยทำได้ขนาดนี้ผมก็ไม่เสียดายตังค์แล้วล่ะ

GRAPHIC

ด้านงานภาพถือว่าทำออกมาได้โอเคเลย การนำเสนอภาพทำออกมาในสไตล์โกธิค มืดหม่น ดาร์ก ๆ ให้ความรู้สึกลึกลับ แต่ในอีกแง่ก็มีภาพ 3D ที่ดูแล้วรู้สึกว่ามันก็แอบมีความน่ารักอยู่เหมือนกันนะเนี่ย (ฮา) ชวนให้รู้สึกย้อนแย้งเหมือนกับเห็นเกม Dark Souls ในอีกรูปแบบนึงไปเลย แต่ก็แอบเซ็งตรงที่ว่าตัวเกมไม่ได้ให้ค่า FPS ที่ลื่นไหลนัก เวลาเล่นก็จะมีจังหวะหน่วง ๆ ให้พบบ้างเล็กน้อย ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่มาก เล่นไปสักพักก็จะชินไปเอง

ดีไซน์บอสถือว่าทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมาก ประทับทุกตัวจริง ๆ การดีไซน์ไม่ใช่แค่ทำออกมาให้ความรู้สึกว่าบอสมันดูน่ากลัวเท่านั้น แต่ทุกดีไซน์ของบอสจะถูกเชื่อมโยงไปถึงสตอรี่ของตัวมันเอง รวมไปถึงฉากและท่าจู่โจมต่าง ๆ ที่ไม่ได้หลุดโทนกันเลย

สรุป

สำหรับใครที่เคยประทับใจการต่อสู้กับบอสในเกมจำพวกตระกูล souls มาก่อน หรือรู้ว่าตัวเองเป็นสายฮาร์ดคอร์ที่ชื่นชอบเกมที่มีความท้าทายสูงแล้วล่ะก็ “SINNER Sacrifice for Redemption” คืออีก 1 เกมที่จะให้ประสบการณ์การเล่นเกมที่น่าประทับใจไม่ต่างจากเกมเหล่านั้นเลย ระบบต่าง ๆ ไม่มีความซับซ้อนมากมาย เนื้อเรื่องที่ต้องอาศัยการตีความในระดับนึง บอสแต่ละตัวคือสู้สนุกมาก ๆ แม้ตัวเกมจะสั้นไปหน่อยและไม่มีคอนเทนต์อะไรให้ทำเยอะมาก แต่โดยรวมคือคุ้มค่ากับราคาที่ขายอยู่หลักร้อยแน่นอน!!

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส