บอกตรงๆว่าจนกระทั่งเมื่อวานนี้ ผมไม่ได้มีความคิดจะไปงาน Thailand Game Show BIG Festival ปีนี้เลย ส่วนนึงเพราะเข้าใจว่าที่ผ่านมางานนี้น่าจะเน้นแต่เกมออนไลน์หรือเกมมือถือ แต่ทว่า! ด้วยความเฟื่องฟูของตลาดคอนโซลในบ้านเราหรือจะด้วยเมตตาจิตอันใดของโซนี่กับบันไดแนมโคก็ไม่อาจทราบ ทำให้ในงานนี้เรามีบูธให้เล่นเดโมเกมถึงสองโซนแล้วก็มีเกมให้ลองเยอะไม่ใช่เล่นๆเลย แต่ที่สะดุดตาผมและทำให้ผมยอมปลีกเวลาปั่นงานเพื่อไปงานในปีนี้ ก็คือเดโม่ Monster Hunter : World ที่มาให้เราได้เล่นถึงที่ราวปาฏิหาริย์นี่แหละครับ

โดยในพรีวิวนี้ ผมจะเล่าลักษณะของเดโม ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ และประสบการณ์คร่าวๆของผมจากการลงเควสไปรอบหนึ่งให้ฟัง เผื่อใครที่มางานไม่ได้อยากจะอ่านแก้อยาก หรือใครที่สนใจจะมาลองเดโม่อยู่แล้ว ก็จะได้รู้ว่าต้องเจออะไรบ้าง เพราะเควสในเดโม่มันมีเวลาแค่ 20 นาที ซึ่งอาจจะไม่พอให้ลองทำนั่นทำนี่มากนักครับ

สำหรับตัวบูธจะมีเครื่องให้ลองเล่นทั้งหมด 3 เครื่องครับ โดยสองเครื่องทางซ้ายจะเป็นเครื่องสำหรับคนทั่วไป ส่วนเครื่องทางขวาจะไว้สำหรับคนที่มาในนามสื่อหรือเว็บต่างๆครับ แต่หากไม่มีสื่อหรือเว็บต่างๆมาลงเล่นในจังหวะนั้น ก็จะเปิดให้คนทั่วไปเข้าเล่นเครื่องขวาเหมือนกัน

ในตอนเริ่มต้นของเดโม่นั้น เราจะมาเริ่มที่แคมป์แรกของ Ancient Forest ครับ ในตรงนี้ถ้าเราจะออกไปสู้มอนสเตอร์มั่วๆแบบไม่สนเควสเองจริงๆก็ทำได้ แต่ทีมงานที่ดูแลอยู่น่าจะไม่ให้ทำอย่างนั้นครับ เพราะจะเป็นการเอาเปรียบคนอื่นๆที่มารอ เพราะกติกาคือเราจะได้เล่นแค่เควสเดียวต่อคนเท่านั้นครับ

จากจุดนี้ ทีมงานและตัวเกมก็จะสอนให้เราเข้าไปเปลี่ยนอาวุธอุปกรณ์ในแคมป์ตามที่ชอบครับ จากนั้นที่ข้างๆเต้นจะมีจุดทานข้าว สำหรับใครที่ไม่เคยเล่นมอนสเตอร์ ฮันเตอร์มาก่อน ในเกมนี้เราจะมีระบบทานข้าวเพื่อเอาบัฟมาเสริมพลังเวลาลงเควสครับ ถ้าใครเคยเล่น Final Fantasy 15 ก็จะอารมณ์คล้ายๆกัน โดยในเดโม่นี้ก็จะมีเมนูให้เลือกได้อยู่สามสี่แบบที่ให้บัฟไม่เหมือนกันครับ ก็เลือกได้ตามใจชอบ จะไม่กินก็ได้ หรือจะไปกินหลังจากลงเควสไปแล้วก็ได้

หลังจากเลือกอาวุธที่จะใช้กับทานข้าวแล้ว คราวนี้ทีมงานก็จะให้เราคุยกับ Handler สาวน้อยผู้ช่วยของเราเพื่อเลือกเควสที่จะเล่นในเดโม่นี้ครับ โดยจะมีด้วยกันสามเควสตามระดับความยาก คือ

  1. ระดับง่ายสุด – เควสปราบ Great Jagras ในแมพ Ancient Forest
  2. ระดับปานกลาง – เควสปราบ Barroth ในแมพ Wildspire West
  3. ระดับยากสุด – เควสปราบ Anjanath ในแมพ Ancient Forest

โดยลักษณะเงื่อนไขของเควสจะมีดังนี้ครับ

  • ทั้งสามเควสจะมีเวลาจำกัดอยู่ที่ 20 นาที
  • เราสามารถตายได้ทั้งหมด 9 ครั้ง! (ของจริงตายได้แค่ 3)
  • เวลาตายแล้ว บัฟจากอาหารไม่หาย
  • ตัวบอสทั้งสามตัวจะถูกปรับให้ตีเบาและตัวบางลงเยอะจากเวอร์ชั่นจริง

ส่วนตัวผมได้เลือกเควส Anjanath ครับ อาวุธที่ผมใช้นั้นก็เป็น Chargeblade ซึ่งเป็นอาวุธเมนของผมนั่นเอง

เมื่อลงเควสมาแล้ว Handler จะบอกให้เราไปแกะรอย Anjanath ที่โซนสองครับ ซึ่งพอเราไปถึงแล้วก็จะพบรอยเท้าที่เราสามารถใช้ Scoutfly (แมลงนำทาง) เพื่อแกะรอยพาไปหา Anjanath ได้ โดยระหว่างทางเราก็ต้องสำรวจเบาะแสที่ Scoutfly พาเรามาพบเรื่อยๆด้วยครับ ที่สุดแล้วเราก็จะเจอกับ Anjanath ที่นอนอยู่ในถ้ำครับ โดยในเดโมตัวนี้นั้น เกมจะบังคับให้เราต้องทำตามขั้นตอนนี้เท่านั้น Anjanath ถึงจะเกิดครับ ถ้าเราเดินหาเองมั่วๆ ถึงจะไปยังจุดที่ Anjanath นอนอยู่ก็จะไม่เจอครับ อันนี้ผมเจอมากับตัว ทำให้เสียเวลาเถลไถลไปเป็น 5 นาทีเลย

หลังจากนั้นก็บู๊กันตามปกติครับ สู้จนกว่ามันจะกระเผกแล้วก็ตามไปกระทืบมันถึงรัง ก็เป็นอันเคลียร์เควสครับ ส่วนตัวผมจบเควสที่นาทีที่ 16 กว่าๆ ทันเฉียดฉิวนิดนึง หลักๆของเควสก็จะประมาณนี้

ที่นี้เรามาพูดถึงรายละเอียดและความรู้สึกที่ผมมีต่อเกมเพลย์กัน

อย่างแรก แมพภาคนี้ใหญ่และค่อนข้างชวนหลงกว่าภาคก่อนๆ มาก ด้วยความที่มันเชื่อมกันหมดไม่มีตัดฉากแยกแมพแล้ว ทำให้ทางเชื่อมระหว่างโซนมันไม่ชัดเจนเหมือนภาคก่อนๆ แล้วป่าคือเป็นป่า ถ้ำคือเป็นถ้ำ ไอ้ความเป็นธรรมชาติของมันทำให้ยิ่งยากที่จะรู้ทิศว่าตนนี้เราตรงไหนอะไรยังไง ดังนั้น ระบบ Scoutfly จึงมีบทบาทกว่าที่คิดมาก เพราะในช่วงแรกที่เรายังไม่คุ้นกับแมพ เจ้า Scoutfly นี่แหละครับ ที่จะช่วยไม่ให้เราหลงและทำเควสต์ผ่านได้ราบลื่น

อย่างที่สอง ระบบ Slingshot นั้นเราจะกด L2 เป็นการเล็งยิง และกด R2 เป็นการยิง โดยวัตถุดิบที่ใช้ยิงนั้นก็จะเป็นพวกก้อนหินที่สามารถเก็บได้จากตามทาง โดย Slingshot นั้นนอกจากที่เราจะเอาไว้ใช้ยิงมอนสเตอร์แล้ว เรายังสามารถเอามายิงสิ่งต่างๆในฉากเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับเราอย่างเช่นการยิงหินให้ตกลงมาทับมอนสเตอร์ได้ ส่วนตัวผมมัวแต่ลนลานกับการฆ่าบอสให้ทันไปหน่อยเลยไม่ค่อยได้ลองยิงไอ้นั่นไอ้นี่เท่าไหร่ เลยพูดอะไรไม่ได้มากครับ

อย่างที่สาม ระบบ Jump Attack ภาคนี้ค่อนข้างสะดวกขึ้นมากครับ สำหรับคนที่ไม่เคยเล่นภาค 4 เป็นต้นไปมาก่อน ในเกมนี้เราจะสามารถใช้เหลี่ยมมุมของพื้นสำหรับกระโดดโจมตีศัตรูได้ครับ หรือบางอาวุธอย่าง Insect Glaive ก็จะมีท่าโจมตีที่เป็นการกระโดดโจมตีด้วยตัวมันเองเลย ซึ่งการโจมตีลักษณะนี้จะทำให้เราสามารถขี่มอนสเตอร์ได้ เมื่อขี่มันแล้ว หากเรายื้อตัวเองให้อยู่บนหลังมอนสเตอร์พร้อมๆกับพยายามเอามีดจิ้มมันได้มากพอ เราจะทำให้มอนสเตอร์ล้มแล้วได้ฟันฟรีเต็มๆได้ครับ ซึ่งด้วยความที่งานออกแบบฉากของภาคนี้มันดูเป็นธรรมชาติขึ้น เลยมีพวกเนินพวกเหลี่ยนมุมให้เราใช้สำหรับทำ Jumping Attack เต็มไปหมด แถมในเดโม่นี้ดูเหมือนจะเอาค่าความต้านทาน Jump Attack ออกครับ ทำให้โดดตีมอนสเตอร์ทีเดียว เราก็ขี่มันได้แล้วตลอด อันนี้ก็ไม่แน่ใจว่าในตัวเกมเต็มจะเป็นแบบไหน

อย่างที่สี่ ในเรื่องของอาวุธ ผมจะพูดถึง Chargeblade ที่ผมได้ลองใช้เท่านั้นนะครับ โดยจะมีจุดเปลี่ยนสำคัญที่ผมติดใจเป็นพิเศษคือ

  1. การเปลี่ยนปุ่มป้องกันจาก R1 บน 3DS มาเป็น R2 บนจอย PS4 นั้นทำให้ไม่คุ้นมือพอสมควร เนื่องจากเดิมทีตอนเราเล่นบน 3DS เราจะใช้ชิ้วชี้ในการกดปุ่มป้องกันซึ่งเป็นปุ่มที่ใช้ในการกดท่าหลายๆท่าของ Chargeblade ครับ พอมาในเวอร์ชั่นนี้เราต้องเปลี่ยนมาใช้นิ้วกลางเพื่อกดปุ่ม R3 ก็ค่อนข้างต้องปรับตัวกันพอสมควร
  2. การเพิ่มเข้ามาของท่าสไลด์ข้างแล้วฟันขวาง ซึ่งเป็นท่าที่ผมคิดว่าดีมากๆเพราะมันทำให้ Chargeblade สามารถเคลื่อนไหวระหว่างคอมโบได้ดีขึ้นเยอะ แต่มันก็พาปัญหามาเหมือนกัน เพราะวิธีกดท่านี้คือการกดปุ่มวงกลมพร้อมโยกอนาล๊อคไปในทิศทางที่เราต้องการสไลด์ ซึ่งปกตินั้น คอมโบพื้นฐานของคนเล่น Chargeblade จะเน้นที่ท่าชาร์จวงกลมเป็นตัวเชื่อมคอมโบเสมอๆ การเข้ามาของท่าสไลด์นี้จึงทำให้หากเราเผลอโยกอนาล๊อคโดยไม่ตั้งใจระหว่างจะต่อคอมโบ แทนที่จะเป็นท่าชาร์จฟันก็จะกลายเป็นการสไลด์ไปแทน ทำให้ต้องปรับตัว ดูจังหวะโยกอนาล๊อคให้ละเอียดขึ้น

เสียดายที่ผมรีบไปหน่อยเลยไม่มีโอกาสได้ลองท่า Condensed Elemental Discharge ซึ่งเป็นท่าใหม่สำหรับชาร์จน้ำยาใส่ตัวดาบ ถ้ามีโอกาสอีกทีจะลองดูครับ

สรุปโดยรวมแล้ว ก็ยังประทับใจมากๆอยู่ดีครับ สมกับที่คาดหวังไว้ แน่นอนว่าผมไม่ได้รู้สึกหวือหวาอะไรมากเนื่องจากตามข่าวมาตลอดอยู่แล้วเลยไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์เป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ได้ผิดหวังแต่ประการใดครับ ถือว่าโอเคสำหรับเดโม่สั้นๆ นี้แล้ว ส่วนตัวผมนั้นเดย์วันเกมนี้แน่ๆ อยู่แล้ว ก็อยากเชิญชวนเพื่อนๆ ที่ยังไม่เคยสัมผัสซีรี่ส์นี้แต่มาเริ่มสนใจที่ภาคนี้ได้ลองกันดูครับ ภาคนี้ถือว่ามีระบบใหม่ๆที่เอื้ออำนวยสำหรับผู้เล่นหน้าใหม่มากทีเดียว

สำหรับใครที่สนใจมาลองเดโมที่งาน TGSBIG 2017 นั้น ต้องเตรียมตัวเตรียมใจที่จะรอนานหน่อยนะครับ เพราะแถวของเกมนี้นั้น ยาวมากๆๆๆๆๆๆ แค่วันแรกนี่ก็ขดกันสองสามตลบแล้วครับ แล้วคนนึงเล่นกันประมาณสิบกว่ายี่สิบนาที เพราะฉะนั้น เตรียมรอกันเป็นหลักชั่วโมงได้เลยครับ ใครที่จะมา ถ้าไม่รีบมาแต่เช้าก็แนะนำให้หาอะไรมาทำระหว่างยืนรอยาวๆเลยครับ แต่ขอบอกเลยว่า คุ้มค่ากับการรอคอยแน่นอน!