เรื่องมาม่า​ เอ้ย​ ดราม่า​ในวงการเกมนี่เกมเมอร์คนไหนก็ชื่นชอบ​ โดยเฉพาะเรื่องเกมใหม่ที่คาดหวังสูงแต่ออกมาห่วยแตกนี่เป็นประเด็นที่เหมาะกับการเป็นขี้ปากในหมู่คนเล่นเกมนักแล​ อย่างไรก็ดี​ ช่วงหลังนี้วงการเกมมีเทรนด์ที่แปลก​ (แต่ดี)​ เทรนด์หนึ่งผุดขึ้นมาให้เห็นอยู่เรื่อยๆ​ นั่นคือการที่เกมซึ่งกาลครั้งหนึ่งถูกถ่มถุยและลงแขกจนเละไม่มีชิ้นดี​ หันมากลับตัวกลับใจพัฒนาตัวเองใหม่จนกลายเป็นเกมชั้นเยี่ยม​ ​ถึงขนาดเกมเมอร์ต้องยอมใจอ่อนแห่กันกลับไปเล่นแทบไม่ทัน​ แล้วทั้งสองฝ่ายก็มีความสุขไปด้วยกันตลอดกาล… 

เอิ่มมม… ทำไมพวกเอ็งไม่ทำเกมให้มันเสร็จดีๆ ล่ะคร้าบ

ต่อไปนี้คือรายชื่อเกมผู้ไม่ยอมแพ้ที่กลับมาขอคืนดีกลับเกมเมอร์ได้สำเร็จ แม้แต่คุณเองก็ควรให้โอกาสมันอีกซักครั้งเพราะมันดีมากเว่อร์!​ แล้วคุณจะได้พบกับความสนุกแบบที่ไม่เคยคิดเลยว่าจะเจอะเจอได้ในเกมเหล่านี้

นินจาเหงาๆ…

อันดับ​ 5: Warframe 

เกราะชีวะผอมกะหร่องที่อัดฉีดฟีเจอร์จนกลายเป็นเกราะกายเวอร์มหาประลัย

  • ระดับความดราม่าตอนแรก: นินจาไร้นายที่ไม่มีใครเอา
  • ระดับความสนุกตอนนี้: นินจามหาประลัยไล่สับทุกคำครหา

Warframe​ ออกมาเผยโฉมให้เกมเมอร์เห็นบนพีซีเป็นครั้งแรกในปี​ 2013 และผลลัพธ์ที่ออกมาในตอนแรกก็ดูไม่ค่อยงามเท่าไหร่​ เพราะฟีเจอร์ในเกมมีน้อยมาก​ ศัตรูก็สู้ไม่มันส์​ ฟาร์มของก็น่าเบื่อ​ ที่สำคัญสกิลเก่ง ๆ​ ของตัวละครยังต้องใช้เงินซื้อเท่านั้น​ เมื่อบวกกับการที่เกมมีบั๊กเยอะแยะเลยทำให้คะแนนรีวิวจากสื่อค่อนข้างจืดจาง​ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นฐานผู้เล่นก็เลยมีอยู่แค่หยิบมือเดียว​จนหาเพื่อนออนไลน์ด้วยยาก

นินจาเกราะเพชรเจ็ดสีกลับมาแล้ว!

อย่างไรก็ตาม​ Warframe​ ค่อย ๆ​ ใช้เวลาปรับปรุงตัวเองนานกว่า​ 3 ปี​ด้วยการ “ฟัง” ทุกอย่างที่กลุ่มแฟนของพวกเขาต้องการ​ เริ่มตั้งแต่การโละระบบ​ Pay-to-win​ ทั้งหมด​ทิ้ง​ ปรับของซื้อของขายด้วยเงินจริงให้กลายเป็นของแต่งสวย ๆ​ งาม ๆ​ และคลาสพิเศษเท่ๆ ที่มาพร้อมสกิลใหม่ ให้อารมณ์การเล่นต่างออกไปจาก Warframe ตัวอื่น แล้วเกมยังเติมฟีเจอร์ใหม่เข้ามาเป็นตัน​ ไม่ว่าจะเป็นแผนที่ใหม่​ โซน​ Open-World​ ใหม่​ และที่สำคัญที่สุดคือเพิ่มระบบ​ “Parkour​ 2.0” ที่ทำให้เกมเพลย์รวดเร็วจนแทบมองไม่ทัน​ เรียกได้ว่าใครเล่นเก่ง ๆ​ นี่ได้อารมณ์เป็นนินจาสายฟ้าอวกาศของแท้เลยเชียว​ ซึ่งมันส่งผลให้ตอนนี้เกมมีฐานผู้เล่นทั่วโลกเกือบ​ 50​ ล้านคน! และทีมพัฒนาก็ยังคงไม่หยุดหยอดฟีเจอร์สนุกๆ​ เข้ามาเรื่อย ๆ​ ใครที่อยากลองเกมแอ็กชันเล่นยาว ๆ​ ที่มีฉากบู๊รวดเร็วต่อเนื่องได้อีก​ ขอบอกว่าตอนนี้แหละเหมาะที่สุดแล้วที่จะกลับไปสวมเกราะชีวะ​ Warframe

โถ… Master Chief… ไม่น่าเลย

อันดับ​ 4: Halo: The Master Chief Collection

พระเอกเกราะเขียวแห่ง​ Xbox​ นั่งแก้บั๊ก​อยู่​ 4 ปีจนได้ดี

  • ระดับความดราม่าตอนแรก: บั๊ก​ The​ flood ระบาดทั่วโหมดมัลติเพลเยอร์
  • ระดับความสนุกตอนนี้: Chief​ แห่งเกมยิงมัลติเพลเยอร์กลับมาแล้ววว

เมื่อยามที่ทีมพัฒนา​ 343 Industries ประกาศออกมาเป็นครั้งแรกว่าจะนำเกม​ Halo​ ทุกภาคมารีมาสเตอร์มัดแพ็กขายบนเครื่อง​ Xbox​ One​ แฟน ๆ​ ซีรีส์นี้ต่างตื่นเต้นจนตัวสั่น​ เพราะนอกจากพวกเขาจะได้กลับไปเล่นแคมเปญสุดสนุกรวดเดียว​ 4 ภาคติด​ พวกเขายังจะได้หวนกลับไปเล่นศึกมัลติเพลเยอร์สุดคลาสสิกระหว่างทีมสีฟ้ากับสีแดงด้วย… แต่โลกแห่งความจริงมันโหดร้าย​ เมื่อเกมที่ออกมาเต็มไปด้วยบั๊กร้ายประหนึ่ง​เผ่า​ The​ Flood ที่ทำให้เกมไม่สามารถเล่นออนไลน์ได้เลย​ ส่งผลให้ระบบจับคู่แมตช์ระหว่างผู้เล่นพังโดยสมบูรณ์แบบ​ จนทีมพัฒนาเองต้องออกมาขอโทษขอโพยยกใหญ่​ ออกแพตช์เกมรัว ๆ​ แล้วยังแถมเกมภาค​ ODST ให้ฟรี​เป็นการขออภัย​ แต่ถึงอย่างนั้น​ โหมดผู้เล่นหลายคนของเกมนี้ก็ตกอยู่ในสถานะผีเข้าผีออกนานกว่า​ 4 ปี​ จนแฟน ๆ​ ได้แต่นั่งรอนอนรออยู่ในแดนสนธยาอย่างไร้ความหวัง

เย่! ได้เวลาทีมฟ้าทีมแดงอัดกันอีกแล้ว!

จนในปี​ 2018​ ที่เกมตัดสินใจรื้อระบบและ​ UI ครั้งใหญ่นี่แหละ​ ที่ทำให้​ Master​ Chief กลับมายืนหยัดในวงการมัลติเพลเยอร์ได้อย่างเต็มภาคภูมิ​ เพราะมันทำให้เกมเมอร์สามารถเข้าถึงโหมดต่าง ๆ​ ของแต่ละภาคได้โดยง่าย​ เซิร์ฟเวอร์และระบบจับคู่ก็ราบรื่นไม่มีปัญหา​ และที่สำคัญที่สุดคือเกมให้เกมเมอร์เลือกได้หมดว่าจะเก็บโหมดเนื้อเรื่องหรือโหมดมัลติเพลเยอร์ของภาคไหนเอาไว้​ในเครื่อง​ ซึ่งช่วยประหยัดเนื้อที่บนเครื่องได้ดียิ่งนัก​ นอกจากนี้เกมยังออก​ Event​ มัลติเพลเยอร์พิเศษเข้ามาให้ผู้เล่นมีอะไรทำไม่หยุด​ จนทำให้มันกลับมาปังในหมู่เกมยิงออนไลน์ ฮิตจนทีมพัฒนาต้องพอร์ตเกมมาลงพีซี​และรีมาสเตอร์​ Halo​: Reach​ มาเพิ่ม​ ถ้าคุณไม่เคยเล่น​ Halo​ มาก่อนหรืออยากกลับไปเล่นโหมดมัลติเพลเยอร์ของเกมนี้ล่ะก็​ โอกาสทองมาถึงแล้ว! 

เอ๊ะ ทำไมอวกาศมันเหงาอย่างนี้เนี่ย?

อันดับ​ 3: No Man’s Sky

อวกาศร้างในวันก่อน​ กลายเป็นแดนมหัศจรรย์ในวันนี้

  • ระดับความดราม่าตอนแรก: อุกกาบาตพุ่งชนจนดาวแตก
  • ระดับความสนุกตอนนี้: เสร็จซะทีนะ​ เกมสำรวจอวกาศในฝัน! 

หลายคนอาจจะยังจำประโยคขายของของเกม​ No​ Man’s Sky ที่ถูกประโคมผ่านสื่อกันได้​ “เกมเมอร์จะได้ออกสำรวจดาว​ 18 ล้านล้านล้านดวง” มั่ง, “ผจญภัยในอวกาศไร้ที่สิ้นสุดเต็มไปด้วยสภาพแวดล้อมหลากหลาย” มั่ง, “ออกสำรว​จ​ เอาชีวิตรอด​ ต่อสู้​ และค้าขาย” ในเกมสุดล้ำที่ไม่มีใครเคยทำได้มาก่อนมั่ง​ ซึ่งหลังจากเกมเสร็จออกมาให้เล่นจริงในวันแรก​ หลายคนอาจจะเริ่มตระหนักได้ว่าบางทีทีมพัฒนาอาจจะพูดเว่อร์ไปหน่อย… ไม่หน่อยล่ะ!​ นี่แม่มโม้ชิบเป๋งเลยนี่หว่า!!? 

อ้าวเฮ่ย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่นา

เรื่องแรกเลย​ อวกาศในเกมนี้กว้างใหญ่ไพศาลก็จริง​ แต่มันช่างรกร้างว่างเปล่าเสียนี่กระไร​ ดาวต่างๆ​ ก็มีสภาพแวดล้อมหรือสิ่งมีชีวิตต่างกันเพียงนิดๆ​ หน่อย​ๆ​ ​ และที่แย่คือมันไม่ได้สวยงามน่ามองเอาซะเลย​ เรื่องที่สองคือกิจกรรมที่ผู้เล่นทำได้ก็แสนซ้ำซากน่าเบื่อ​ วัน ๆ​ ทำได้แต่ถือปืนสารพัดประโยชน์มาฟาร์มแร่​ (จะเอาไปยิงศัตรูก็ได้​ แต่ระบบแอ็คชั่นในเกมก็จืดสนิท)​ แต่เรื่องที่สามที่แย่ที่สุดก็คือการที่ทีมพัฒนา​ Hello​ Games​ ออกมาโกหกเรื่องระบบมัลติเพลเยอร์ในเกมด้วยการตอบบ่ายเบี่ยงว่าผู้เล่นสามารถเล่นด้วยกันได้​​ แต่อวกาศในเกมนี้มันใหญ่เกินไปจนยากที่จะหากันเจอ​ (???) ​ทั้งที่ในความเป็นจริงเกมยังไม่ได้ใส่โหมดหลายผู้เล่นเข้ามาด้วยซ้ำ​ ทำให้​ No Man’s Sky โดนตราหน้าว่าเป็นหนึ่งในเกมที่​ “ขี้ฮกเบเบี้” ที่สุดในวงการไปอย่างปฏิเสธไม่ได้

No Man’s Sky ทำได้แบบที่โม้แล้วเว้ยย

โดนเฉ่งหนักขนาดนี้ใคร ๆ​ ก็นึกว่าทีมพัฒนาจะตัดหางปล่อยวัดเกมนี้ซะแล้ว​ แต่พวกเขากลับตัดสินใจยืนหยัดแก้ไขสิ่งที่ตัวเอง​ “โม้” ไปสารพัด​ และทำให้คำโม้ทั้งหมดเป็น​ “ของจริง” ขึ้นมา จนสุดท้ายจึงได้เกมสำรวจอวกาศที่สมบูรณ์แบบอย่างที่พวกเขาวาดฝันเอาไว้​ โดยทีมพัฒนาทยอยออกอัปเดตไซส์บิ๊กชื่อเท่ใส่เกมเข้ามาเรื่อย ๆ​ เช่น​ Foundation, Path Finder, Atlas Rises ฯลฯ ของใหม่เหล่านี้ช่วยปรับปรุงเกมและเพิ่มฟีเจอร์เข้ามาอีกสารพัดด้าน​ ตั้งแต่เติมระบบมัลติเพลเยอร์ให้เกมเมอร์เล่นด้วยกันได้จริงๆ​ ซะที​ รื้อกราฟิกเอนจิ้นใหม่ให้ภาพสวยขึ้นและบั๊กน้อยลง​ เติมยานพาหนะภาคพื้นดิน​ เติมระบบสร้างฐาน​ แม้แต่ฟีเจอร์ที่ทำให้เล่นเกมด้วยแว่น​ VR ได้ก็ยังมี​ ​และดูเหมือนอวกาศแห่งนี้จะยังมีของใหม่ทยอยเข้ามาไม่หยุด ทำให้​ No Man’s Sky กลายเป็นฝันที่เป็นจริงสำหรับเกมเมอร์ที่แสวงหาเกมแนวสำรวจจักรวาลอันไกลโพ้นได้แล้ว

เย่! ไฟนอลแฟนตาซีแบบออนไลน์เหรอ ไหนลอง… อะ อะไรกัน…

อันดับ​ 2: Final Fantasy XIV

ห่วยนักใช่ไหม? งั้นโละสร้างใหม่ทั้งเกมแม่ม! 

  • ระดับความดราม่าตอนแรก: เผลอทำเวทย์ล้างโลกตกใส่หัวตัวเอง
  • ระดับความสนุกตอนนี้: นี่แหละประสบการณ์​ FF​ ​ออนไลน์ที่แฟน​ JRPG ถวิลหา

เกม​ Final​ Fantasy ภาคแรกที่ผันตัวเองมาเป็น MMORPG เต็มรูปแแบบ​บนพีซี แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความอ่อนประสบการณ์ในการพัฒนาเกมออนไลน์หรือความทะเยอทะยานเกินไปของมัน ที่ทำให้เกมนี้สะดุดขาตัวเองล้มไม่เป็นท่าตั้งแต่ก้าวแรก​ ช่วงก่อนที่เกมวางตลาดก็เริ่มมีเค้าลางไม่ดีจากการที่เวอร์ชั่น​ Xbox​ 360​ โดนยกเลิก​ และเวอร์ชัน​ PS3 ก็โดนเลื่อน​ พอเกมเวอร์ชันพีซีออกมาในปี​ 2010 เท่านั้นแหละ​ อื้อหือ… สื่อเกมต่างแห่กันด่าระงม เทคะแนนเฉลี่ยแค่​ 5 เต็ม​ 10 แฟนๆ​ ก็ไม่วายแห่มาด่าด้วย ด่าทั้งเรื่องระบบเกมเพลย์​ อินเตอร์เฟซ และที่ร้ายที่สุดคือทีมพัฒนา Optimize เกมมาแย่มากจนเหมือนยังทำเกมไม่เสร็จเลยด้วยซ้ำ​ (มีชมแค่​ 2 เรื่องคือ​ภาพสวยเพลงเพราะ)​  เกมโดนถล่มหนักจน​ Square Enix ต้องปิดระบบสมัครรายเดือน​ ไล่หัวหน้าทีมพัฒนาเดิมออก​ แล้วปิดเซิร์ฟเวอร์เกมลงในปี​ 2012… ก่อนที่จะกู้ชีพ​ FF​ XIV​ ขึ้นมาอีกครั้งในปี​ 2013… 

โลกไฟนอลเกิดใหม่ ไฉไลกว่าเดิม

คราวนี้​ Square Enix กลับมาแบบเอาจริง นอกจาก​ชื่อ​ Final​ Fantasy​ XIV​ (โดยมีชื่อห้อยเพิ่มนิดนึงว่า​ A Realm Reborn) ที่เก็บเอาไว้​ อย่างอื่นในเกมถูกรื้อสร้างใหม่เรียบ​ เอนจิ้นเกมมีปัญหาเหรอ? พัฒนาขึ้นมาใหม่สิ​ เกมเพลย์กับอินเตอร์เฟซก็ห่วยใช่มะ? ทำใหม่โลด​ เออ​ แล้วก็ไหน ๆ​ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว​ เขียนเส้นเรื่องใหม่ให้ต่อจากภาค 14 เวอร์ชั่นแรกไปด้วยเลยก็แล้วกัน ​คือทำขนาดนี้จะเรียกว่ามันเป็นเกมใหม่ในชื่อเดิมก็ได้​ แต่ผลที่ออกมาก็ดีเกินคาด​ เพราะเกมเมอร์ต่างชื่นชมที่หัวหน้าทีมพัฒนาคนใหม่พลิกวิกฤติเป็นโอกาสจนมอบเกม​ Final​ Fantasy​ Online​ แบบที่แฟน ๆ​ ต้องการได้ เกมเวอร์ชั่นใหม่นี้มีเควสต์ให้เกมเมอร์ทำเยอะแยะ​ ลงดันก็สนุก​ บอสก็สู้มันส์​ ฉากก็อลังการ​ ซึ่งความสำเร็จของการตายแล้วฟื้นครั้งนี้ทำให้เกมออกภาคเสริมใหญ่มาอีก​ 3 ตัวรวด​ จนรวบรวมฐานผู้เล่นได้มากกว่า​ 18 ล้านคน​ คอ FF​ ที่อยากเล่นออนไลน์กับเพื่อนไม่ต้องหาที่ไหนไกล​ กระโดดเข้ามาในเกมนี้เร็ว

ไหนใครไม่เคยได้ยินมาม่าเกม Battlefront II ยกมือขึ้น

อันดับ​ 1: Star Wars: Battlefront II​

มหากาพย์ดราม่าเกมระดับจักรวาล​ พลิกตัวเองมาเป็นเกมมัลติเพลเยอร์สนุกสุดมันส์​ นะ… หน่านี้! 

  • ระดับความดราม่าตอนแรก: Death​ Star​ ยิงโลกดับ
  • ระดับความสนุกตอนนี้: เกม​ Star​ Wars​ ในอุดมคติที่ทำให้ความฝันในวัยเด็กของคุณเป็นจริง! 

ใครเป็นเกมเมอร์คงจะไม่มีทางพลาดข่าวโคตะระมาม่าแห่งวงการเกมในปี 2017​ กับคำว่า​ “Battlefront​ 2”, “Loot Box” และ​ “EA” ความดราม่าของมันหนักขนาดทำให้บริษัทเกมรายยักษ์ทั่วโลกต้องแห่กันเปลี่ยนโมเดลธุรกิจ​ และหลายประเทศถึงกับออกกฎหมายเพื่อป้องกันระบบการพนันในเกมที่อาจล่อลวงเยาวชน​เลยทีเดียว

อะไรฟระ ซื้อเกมตาร์วอร์สมาแต่เล่นท่านพ่อเวเดอร์ไม่ได้เนี่ยนะ???

สาเหตุก็เพราะระบบ​การซื้อของภายในเกม​ (Micro transaction) ในเกม​ Battlefront​ 2 ตอนออกมาครั้งแรกนั่นขายหนัก​ ขายตรง​ ยิ่งกว่าธุรกิจลูกโซ่​ สกิลใหม่ทุกแบบได้มาจากการเปิดกล่องสุ่ม​ สกิลพิเศษทุกแบบของแต่ละคลาสก็ได้มาจากการเปิดกล่องสุ่ม​ แม้แต่ฮีโรตัวดัง ๆ​ อย่าง​ Luke​ หรือ​ Darth​ Vader​ ก็ยังต้องลุ้นเอาจากกล่องสุ่ม​ ถึงเกมจะอ้างว่าผู้เล่นสามารถเล่นเกมไปเรื่อย ๆ จนได้มาเองก็ได้​ แต่เอาเข้าจริงเกมเมอร์ต้องตะบี้ตะบันเล่นจนหน้ามืดกว่าจะได้!​ ในขณะที่สายเปย์สามารถกดจ่ายเงินแล้วได้ทั้งตัวละครและสกิลโหด ๆ​ ที่ต้องการเพียงปลายนิ้ว​ อีหรอบนี้ความสมดุลในเกมก็พังกระจาย​สิครับ ใครมีตังค์มากกว่า​ ใจปล้ำกว่า​ ก็เก่งกว่าซะอย่างนั้น​ แล้วใครมันจะอยากไปเล่นกันล่ะ

ฮะ! อะไรนะ! Battlefront II กลายเป็นเกมสนุกแล้วเรอะ!!!

อย่างไรก็ตาม​ ดั่งมีอุบัติการณ์แห่งพลังด้านสว่าง​ที่มอบความหวังให้​ Battlefront​ 2 และแฟนสตาร์วอร์ส​ในยุคมืด เมื่อ​ DICE เลาะระบบ​ Loot Box​ ของเดิมทิ้งแม่มหมด​ แล้วค่อยๆ​ เพิ่มของเล่นใหม่เข้ามา​ไม่หยุดเพื่อซื้อใจแฟน ๆ​ กลับมา​ ทั้งสกินใหม่​ แผนที่ใหม่​ ฮีโรใหม่​ ปืนใหม่​​ จนตอนนี้เกมมีของใหม่ให้เล่นได้ฟรีมากกว่าเดิมเกือบเท่าตัว!​ และที่เด็ดคือเกมเพิ่มโหมดใหม่เอี่ยมสุดอลังการเข้ามาด้วย​ ทั้ง​ Capital Supremacy และ​ Co-op ตอบโจทย์เกมเมอร์ที่อยากรบในสมรภูมิอลังการ และสายที่อยากจับมือกับเพื่อนตื้บบอท​ ซึ่งเท่าที่ดูรูปการณ์เกมคงจะไม่หยุดอัพเดตของใหม่ในเร็ว ๆ​ นี้แน่​ ทำให้ตอนนี้พูดได้เต็มปากว่า​ Battlefront​ 2 เวอร์ชั่นปี​ 2017​ สามารถมอบประสบการณ์​ Star​ Wars​ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ จนเกือบจะเทียบเท่า​ Battlefront​ 2 ภาค​คลาสสิกที่เคยออกมาในปี​ 2005​ เลยด้วยซ้ำ! 

 

*โบนัส… และอีก​ 3 เกมกาก​ ที่วันนั้นห่วยยังไง​ วันนี้ก็ยังกากอย่างนั้น

อันดับ​ 3: ANTHEM ที่ไม่มีใครร้องสรรเสริญ

เกม Open World RPG ที่บินมั่วซั่วจนถึงวันนี้ก็ยังจับต้นชนปลายตัวเองไม่ถูก​ นอกจากภาพกราฟิกที่สวยดีและระบบบินที่สนุกใช้ได้​ เกมนี้มีแต่ความซ้ำซากจำเจจากเกมเพลย์และภารกิจที่เล่นวน ๆ​ แบบเดิม ๆ​ ​มีแต่บั๊กน้อยใหญ่​ แถมเกมยังแทบไม่มีเนื้อเรื่อง​หรือ​ End-game content ใดๆ​​ อีกต่างหาก​ ก็ได้แต่หวังว่า​ Bioware และ​ EA​ จะรีบจับเกมนี้มาล้างไพ่ชุบตัวเร็ว ๆ​ นี้นะ​ ไม่งั้นฐานผู้เล่นได้บินหนีหมดแหง

อันดับ​ 2: Fallout 76 ตายสนิทในโลกนิวเคลียร์

เกมโลกหลังหายนะนิวเคลียร์ที่ถึงจะเล่นตอนโลกแตกก็คงไม่สนุกอยู่ดี​​ เอาจริง ๆ​ แค่คอนเซ็ปต์ที่เอาเกม​ Fallout​ 4​ มาให้เล่นกับเพื่อนแบบออนไลน์ได้ก็น่าสนุกแล้ว​ แต่ไม่รู้ทำไมสิ่งที่ออกมาคือเกมออนไลน์ที่ภาพกาก​อุดมไปด้วยบั๊กสารพัดชนิด​ โลกหลังหายนะในเกมก็ร้างจนแทบไม่มีอะไรให้ทำ​ ยังไม่พอ​ เกมยังมีข่าวเสียๆ​หายๆ​ ออกมาไม่หยุดหย่อน​ ทั้งเรื่องแพตช์ที่เพิ่มมีปัญหาให้เกมกว่าเดิม​ สินค้าของเกมที่​คุณภาพห่วยแตก​ และการให้ผู้เล่นจ่ายรายปีประมาณสามพันกว่าบาท​ถึงจะเปิดเซิร์ฟเวอร์เล่นคนเดียวได้​ เอาเป็นว่าอยู่ห่าง ๆ​ กากนิวเคลียร์ก้อนนี้ไว้เหอะ

อันดับ​ 1: Metal Gear Survive ไม่รอด! 

เกม​ Metal​ Gear จอมปลอมที่เอาชื่อซีรีส์ดังของ​ Hideo Kojima มาย่ำยีซะไม่เหลือชิ้นดี​ ไม่รู้​ Konami คิดอะไรถึงได้เปลี่ยนเนื้อเรื่องพื้นหลังให้​ Metal​ Gear​ กลายเป็นเกมสู้กับซอมบี้ต่างมิติ​ไปซะได้ แล้วยังใส่ระบบเกมเพลย์ที่ทั้งซ้ำซากทั้งน่าเบื่อ​ ให้ผู้เล่นค่อย ๆ​ เก็บหอมรอมริบทรัพยากรมาสร้างฐาน​ แล้วใช้อาวุธเดิม ๆ​ จิ้มซอมบี้ไปเรื่อย​ กว่าจะมีของเล่นใหม่ให้ใช้ได้ก็ต้องตะบี้ตะบัน​เล่นจนหน้ามืด​ (อยากได้ของใหม่ให้เกมเล่นง่ายขึ้นเร็ว ๆ​ เหรอ? จ่ายเงินเพิ่มผ่านระบบ​ Micro​transactions สิ!)​ ถึงจะอยากเล่นคนเดียวก็ยังต้องออนไลน์ตลอดเวลา​ ที่ร้ายที่สุดคือแทบไม่มีส่วนไหนในเกมนี้เลยที่เน้นให้เกมเมอร์​ “ลอบเร้น” หลบศัตรู​ ซึ่งนั่นมันคือลายเซ็นของเกมซีรีส์นี้เลยนะเฟ้ย!​ ทุกวันนี้คุณสามารถหาเกมนี้ได้ในราคาสุดถูกตามกระบะแผ่นเกมลดราคาทั่วไป​ แต่จะให้ดีลืม ๆ​ ไปเถอะว่าเคยมี​ MG ภาคนี้อยู่บนโลก

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส