การที่สมาร์ตโฟนสักรุ่นจะเป็นเรือธงของค่ายได้นั้น ความสามารถรอบด้านก็ต้องเก่งที่สุดเท่าที่เทคโนโลยีในปัจจุบันนั้นจะมีได้นะครับ อย่าง Huawei Mate 40 Pro 5G สมาร์ตโฟนตระกูลเรือธงล่าสุดจากหัวเว่ยในปีนี้ ก็จัดเต็มทั้งความสามารถกล้องที่ร่วมพัฒนากับ Leica แถมมาพร้อมชิปประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูงสุดของหัวเว่ยในปัจจุบัน ซึ่งสามารถรวมโมเด็มเชื่อมต่อ 5G ให้อยู่ในชิปประมวลผลได้ ทำให้ประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้น พร้อมระบบปฏิบัติการที่หัวเว่ยพัฒนาต่อยอดขึ้นเพื่อให้ลงตัว ทำงานได้ดีที่สุดบนฮาร์ดแวร์ที่หัวเว่ยพัฒนา

ประสิทธิภาพที่แรงและเร็วกว่าด้วยชิปเช็ต 5G ขนาดเล็กที่สุดในโลก

หัวใจสำคัญของสมาร์ตโฟนก็คือชิปเซ็ต และตอนนี้ชิปเซ็ตที่กำลังมาที่แรงสุดในหมู่สมาร์ตโฟนด้วยกันก็ไม่พ้นชิปเซ็ตที่รองรับเทคโนโลยีโครงข่ายความเร็วสูง “5G” ที่เริ่มเปิดให้บริการอย่างแพร่หลายในประเทศไทย ส่งมอบความเร็วอินเทอร์เน็ตที่สูงถึง 20 Gbps (ในขณะที่โครงข่าย 4G รองรับความเร็วสูงสุดแค่ 100 Mbps เท่านั้น) ทั้งนี้ชิปเซ็ตที่

สมาร์ตโฟน HUAWEI Mate 40 Pro 5G ใช้ประมวลผลคือ 5G SoC Kirin 9000 รุ่นใหม่ล่าสุด หน่วยประมวลผลตัวแรกที่มีขนาดเล็กเพียง 5 นาโนเมตร โดยยิ่งขนาดเล็กก็ยิ่งสามารถลดการใช้พลังงานได้มากกว่า โดดเด่นทั้งในด้านประสิทธิภาพการประมวลผล การประหยัดพลังงาน และการเชื่อมต่อความเร็วสูงไปพร้อมกันในตัว โดย CPU ตัวนี้ได้รับการออกแบบให้ประหยัดพลังงานได้ถึง 3 ระดับ มีแกนหลักที่มีความเร็วสัญญาณนาฬิกาถึง 3.13 GHz ซึ่งทำงานผสานกับแกน GPU 24-Core Mali-G78 และมีนวัตกรรม NPU ที่ช่วยยกประสิทธิภาพการทำงานของ AI ให้ดีขึ้น (ประกอบไปด้วยแกนขนาดใหญ่ 2 แกน และแกนขนาดเล็กอีก 1 แกน)

ชิปเซ็ตตัวนี้ตัวเดียวสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครอบคลุมทั้งในด้านการนำไปใช้เล่นเกมที่มีความละเอียด การใช้พลังงานน้อยลง ใช้งานได้อย่างลื่นไหลเพื่อให้เจ้าของเครื่องใช้งานได้ต่อเนื่องยาว ๆ เต็มวัน และการรองรับ 5G สำหรับผู้ที่ต้องการทั้งความสุดยอดด้านฮาร์ดแวร์และความเร็วการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่แรงที่สุดในตอนนี้ 

ระบบปฏิบัติการใหม่ไฟแรงแห่งวงการสมาร์ตโฟน

นอกจากเรื่องฮาร์ดแวร์ HUAWEI Mate 40 Pro 5G ยังมาพร้อมกับซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการที่น่าสนใจ EMUI 11 ซึ่งเป็นตัวอัปเดตล่าสุด เน้นการพัฒนาจุดเด่นใน 2 เรื่องหลัก ได้แก่ เรื่องประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ที่ได้รับการยกระดับให้ดีขึ้นในด้าน multi-tasking และเรื่องฟังก์ชันการรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนตัวของเจ้าของเครื่อง ในเรื่องประสบการณ์การใช้งาน ต้องขอบคุณความแรงของหน่วยประมวผล Kirin 9000 ที่ทำให้สมาร์ตโฟนตัวนี้สามารถรันแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด มีอินเตอร์เฟซที่ดูสบายตาขึ้น

ทั้งยังมีฟีเจอร์การควบคุมการสั่งการที่สะดวกสบายอย่าง Smart Gesture Control ที่ใช้ท่าทางของมือสั่งการโดยไม่ต้องสัมผัสหน้าจอ เช่น ปัดไปทางซ้ายหรือขวาเพื่อเลื่อน หรือทำท่าวางมือ (Press) เพื่อรับสายหรือหยุดหรือเล่นเพลง การเปิดเครื่องให้อยู่ในโหมด Always On แค่เพียงใช้สายตามองไปที่เครื่องหรือที่เรียกว่า Eyes On Display และ Multi-screen Collaboration ที่จะช่วยให้คุณควบคุมสมาร์ตโฟนและเชื่อมต่อกับดีไวซ์ต่างๆ ได้อย่างง่ายดายขึ้น ทั้งยังรองรับการเปิดแอปพลิเคชันใช้งานพร้อมกันได้ถึง 3 ตัว พร้อมรองรับการวิดีโอคอลระหว่างอุปกรณ์ของหัวเว่ยด้วย MeeTime ที่ให้คุณภาพของภาพและเสียงที่คมชัด แม้ในจุดอับสัญญาณ 

huawei mate 40 pro multi-screen collaboration

ส่วนในด้านฟังก์ชันการรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล EMUI 11 ใช้ระบบ Trusted Execution Environment ซึ่งมีความปลอดภัยสูงในระดับ CC EAL5+ ถือว่าเป็นระดับสูงที่สุดของซอฟต์แวร์ไมโครเคอร์เนลเพื่อความปลอดภัยสำหรับการพาณิชย์ และยังมาพร้อมฟีเจอร์รักษาความเป็นส่วนตัวใหม่ในด้านการส่งรูป ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานสามารถปิดข้อมูลส่วนตัว บนไฟล์ อย่างเช่น สถานที่ เวลา และรายละเอียดของเครื่อง ก่อนที่จะส่งให้คนอื่นได้  

“HMS” บริการสำหรับผู้ใช้สมาร์ตโฟนหัวเว่ย อัดแน่นไปด้วยแอปฯ ยอดฮิตใน HUAWEI AppGallery 

อีกจุดหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญไม่แพ้สเปกเครื่องและระบบปฏิบัติการของสมาร์ตโฟนก็คือ “แอปฯ” เพราะถึงเครื่องจะแรงยังไงหากไม่มีแอปพลิเคชันดี ๆ ให้ใช้ก็อาจเป็นได้แค่ที่ทับกระดาษ เข้าใจว่าก่อนหน้านี้หลายคนอาจจะกล้า ๆ กลัว ๆ กับการใช้สมาร์ตโฟนของหัวเว่ย เนื่องจากกลัวจะไม่มีแอปฯ ที่อยากใช้

แต่เดี๋ยวนี้ HUAWEI AppGallery ในระบบปฏิบัติการ Huawei Mobile Services (HMS) ได้รับการพัฒนาจนมีแอปฯ ฮิต ๆ ทั้งในไทยและเทศอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นแอปเกมสุดฮิตอย่าง Garena Free Fire แอปโซเชียลเน็ตเวิร์กชื่อดังอย่าง TikTok, LINE แอปธนาคารต่าง ๆ เช่น K Plus, SCB, KrungThai Next ไปจนถึงแอปชอปปิ้งชื่อดังอย่าง Lazada, Shopee หรือ JD Central  ไม่เว้นแม้กระทั่งแอปใหม่ ๆ ที่ทุกคนต้องมีเพื่อใช้โอนเงิน อย่าง แอปเป๋าตัง (Paotung) ที่สำคัญมันยังมาพร้อมกับวิดเจ็ต Petal Search ที่เป็นเสมือน Search Engine ในตัวเอง

และสามารถใช้ค้นหาแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้อีกด้วย นอกจากนี้หัวเว่ยยังมีการเพิ่มเติมบริการต่าง ๆ ให้ใน HMS อย่างเช่น HUAWEI Docs ที่ให้ดูแลเอกสารทั้งหมดครบจบในที่เดียว เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้สมาร์ตโฟน ซึ่งดูจากแนวโน้มแล้ว ในอนาคตหัวเว่ยจะยังคงเดินหน้านำแอปฯ ยอดฮิตในหมู่ผู้ใช้ชาวไทยมาลงใน HMS มากขึ้นจนไม่ต่างจากสโตร์อื่น เรียกได้ว่าตอนนี้ HMS ก็มีของดีไม่แพ้ Google Play ใน GMS สักเท่าไหร่แล้ว 

สมาร์ตโฟนคู่ใจสำหรับสายนวัตกรรมจำเป็นต้องตอบโจทย์ความล้ำหน้าด้านนวัตกรรมอย่างรอบด้าน ทั้งในด้านฮาร์ดแวร์ที่รองรับการใช้งานในอนาคต ด้านระบบปฏิบัติการที่เต็มไปด้วยฟีเจอร์น่าสนใจใหม่ ๆ และด้านอีโคซิสเต็มของแอปพลิเคชันที่ครบสมบูรณ์ พร้อมรองรับทุกไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่ ซึ่ง HUAWEI Mate 40 Series ก็ดูจะตอบโจทย์

3 เรื่องหลักนี้ได้อย่างครบถ้วน หากคุณคือคนที่ต้องการเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีอยู่เสมอ สมาร์ตโฟนระดับเรือธง HUAWEI Mate 40 Pro 5G จะเป็นมือถือคู่ใจที่จะทำให้คุณนำผู้อื่นอยู่หนึ่งก้าวไปอีกนาน HUAWEI Mate 40 Pro 5G พร้อมให้ทดลองและจับจองเป็นเจ้าของได้แล้วที่ HUAWEI Online Store, HUAWEI Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการทั่วประเทศ โดยมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Black และ Mystic Silver ในราคา 34,990 บาท

พิเศษสำหรับผู้ที่สั่งซื้อระหว่างวันที่ 3 – 31 ธันวาคม 2563 นี้ รับฟรีของสมนาคุณสุดพิเศษรวมมูลค่า 7,970 บาท ประกอบด้วย ปากกา HUAWE M-Pen 2, เคสไฟวงแหวน HUAWEI Ring Light Case, แท่นชาร์จไร้สาย HUAWEI SuperChargeTM Wireless Charger Stand, และบริการเอ็กซ์คลูซีฟจากหัวเว่ยมูลค่า 1,619 บาท โปรดติดตามข้อมูลข่าวสารที่อัปเดตล่าสุดก่อนใครได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ HUAWEIMobileTH , ยูทูบ HUAWEIMobileTH, เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ และ official account ในไลน์ HUAWEI Mobile Thailand รวมถึงสามารถติดตามอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้ที่ https://consumer.huawei.com/th/shop/product/huawei-mate-40-pro/

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส