เคยจำบรรยากาศนอนตัวขดในผ้าห่ม เอานิ้วมือปิดตา ขนหัวลุกกับละครสั้นสยองขวัญที่มีผี หรือเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ ซึ่งน่ากลัวแบบไม่บันยะบันยัง ในช่วงรายการทีวีหลังละครภาคค่ำกันได้มั้ยครับ เมื่อก่อนนี่ฮิตมากพอถึงคืนวันอังคาร วันพุธ ต้องจับกลุ่มเพื่อนหรือพี่น้องมาล้อมวงดูทุกสัปดาห์ บรรยากาศเหล่านั้นเริ่มห่างหายไป เพราะรายการเจ้าหลักในตอนนี้อย่าง คนอวดผี ก็ยังไม่ตอบโจทย์ความน่ากลัวแบบเก่าๆได้พอ ปีนี้ช่อง 7 สี ที่เคยมีผลงานรายการสยองขวัญที่เคยคุกคามหัวจิตหัวใจคนดูในช่วงค่ำคืนหลังละครจบมาแล้ว ทั้งมิติลี้ลับ ชั่วโมงพิศวง ซึ่งสืบสานรายการแนวเดียวกันระดับตำนานทั้งหลายอย่าง ชมรมขนหัวลุก อาถรรพ์วันอาทิตย์ เขย่าขวัญวันพุธ ด้วย โดยได้ทางค่ายกันตนา ที่เชี่ยวชาญในวงการโทรทัศน์มาอย่างยาวนานมาผลิตให้ และได้ เต๊นท์-กัลป์ กัลย์จาฤก บอสใหญ่แห่ง กันตนา...
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทางสหมงคลฟิล์มที่ให้โอกาสในการได้ไปชมรอบพิเศษนี้ครับ และต้องบอกว่าเป็นความเซอร์ไพรส์ขั้นสุดสำหรับผมเลยทีเดียว รุนแรงระดับที่หน้าหนัง แฟนเดย์ฯ หลอกคนดูว่าเป็นหนังใสๆแต่ดันดาร์คมาซะเครียด แต่สำหรับก็อดซิลล่ากำเนิดใหม่นี้เรียกว่าผิดคาดไปไกล ในระดับที่ผมมั่นใจมากว่าแฟนหนังส่วนใหญ่ต้องก่นด่าตัวหนังแน่ๆ แต่สำหรับผม หนังมันโคตรกล้าที่จะยกระดับตัวเองไปอีกขั้นของหนังสัตว์ประหลาดเลยทีเดียว ชอบมากครับ แน่นอนผมว่าหนังมันเลือกผู้ชมระดับหนึ่งครับ คิดว่าถ้าถูกกลุ่มนี่หนังมันน่าคลั่งไคล้มากๆครับ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าคนที่ไปดูจะตรงกลุ่มนั้นไหม รีวิวนี้ก็เลยจะพยายามช่วยคัดกรองครับว่าคุณเหมาะกับหนังนี้ไหม
Kubo and the Two Strings เป็นผลงานสร้างสรรค์ลำดับที่สี่ แห่ง Laika studios สตูดิโอนี้ทำหลายคนเป็นแฟนพันธุ์แท้มาแล้ว จากหนังขวัญใจมหาชนอย่าง Coraline (2009) ParaNorman (2012) และ The Boxtrolls (2014) เรียกว่าสร้างงานที่มีเอกลักษณ์สไตล์สต๊อปโมชั่นที่น่าจดจำมากๆ ยิ่งโดยเฉพาะในยุคหลังๆที่แบบว่าหนังอนิเมชั่นสามมิติครองพิภพจบสากล และการจากไปของ เรย์ แฮร์รี่เฮาเซน เจ้าพ่อสเปเชี่ยลเอฟเฟกต์ในปี 2013 ที่เคยใช้เทคนิคสต็อปโมชั่นในหนังฮอลลีวู้ดสมัยก่อนหลายเรื่องอย่าง Jason and the Argonauts (1963) ก็เหมือนเป็นระฆังบอกการเสื่อมความนิยมของเทคนิคยุคเก่าด้วย ด้วยความที่ต้องใช้ช่างฝีมือจำนวนมาก วัตถุดิบการปั้นหุ่นและโรงถ่ายขนาดใหญ่ ตลอดจนระยะเวลาการถ่ายทำแบบอักโข...
หลายคนที่เข้าไปชมภาพยนตร์เรื่อง มหาลัยเที่ยงคืน ขอค่าย M๓๙ คงได้รับชมอนิเมชั่นขนาดสั้นเปิดหัวหนัง เรื่องนี้กันมาแล้ว ผมเองได้ยินพูดถึงกันมาสมควร เพิ่งมีโอกาสได้ดูเพราะทาง ALTERNATE STUDIO เพิ่งได้อัพลงช่อง Vimeo ของตนเอง งานนี้เป็นเช่นไรเรามาดูกันเลย
ก่อนจะเข้าสู่การรีวิวตัวหนัง Kingsglaive: Final Fantasy XV เราคงต้องมาว่ากันยาวๆถึงที่มาที่ไป และอะไรคือหนังเรื่องนี้กันก่อนครับ ไฟนอลแฟนตาซี เป็นเกมแนวสวมบทบาท หรือ RPG ของบริษัท Square Soft ที่โด่งดังอันดับต้นๆของโลก แข่งกันมากับ Dragon Quest ของบริษัท Enix Corporation ตั้งแต่ภาคแรกที่ลงให้กับเครื่องแฟมิคอมเมื่อปี 1987 จนมาถึงภาคล่าสุดในปี 2016 กับภาค XV หรือภาค 15...
ในภาค 13 นี้พิเศษตรง นอกจากจะนำเข้ามาฉายโรงที่ปกติเข้าไทยยากมากๆๆๆ แล้วยังฉายหลังจากญี่ปุ่นเพียงเดือนเดียวเท่านั้น ปกติรอกันไปครึ่งปีถึงหนึ่งปีนู่นเลยนะ นี่ก็คงยืนยันความสำเร็จและความนิยมในไทยได้เป็นอย่างดี ส่วนที่ญี่ปุ่นและระดับโลกนี่คงไม่ต้องพูดถึงแล้วมั้ง เรื่องนี้ดังมากขนาดโอลิมปิกเกมที่ญี่ปุ่นในอีก 4 ปีข้างหน้าได้ประกาศให้เป็น 1 ในเหล่าทูตวัฒนธรรมที่จะใช้สำหรับการโปรโมทด้วย ว้าววว!
เนื้อหานั้นก็จะเป็นการแนะนำตัวละคร เด่นชัย ซึ่งในหนังได้ เต๋อ ฉันทวิชช์ มาแสดงนำเป็นหลักครับ พร้อมกับแนะนำทีมไอทีประจำบริษัทที่เป็นเหมือนแก๊งตัวฮาด้วย เราจะได้เห็นนิสัยความคิดของพระเอก รวมถึงมุมมองด้านความรักที่มีทั้งหวานขมและทำไมจากหนุ่มเนิร์ดๆ ไร้ตัวตนถึงอยากเจอความรักและได้ทำดีให้ใครสักคนเข้าสักที ซึ่งก็จะชงเข้าในหนังถึงการพบเจอกับนางเอก นุ้ย ที่ในหนังรับบทโดย มิว นิษฐา ด้วยครับ มุกตลกกับฉากซึ้งๆยังทำได้เยี่ยมเหมือนเดิมครับ ด้านภาพก็อ่านค่อนข้างสบาย ลายเส้นสะอาดๆ ออกแนวใสๆน่ารักดี ตัวหนังสือแถมพินอัพสี่สีมาให้ 1 หน้าครับ สำหรับการ์ตูนไทยก็ถือว่าพิเศษทีเดียว
โผล่มาแบบงงๆ กับหนังไทยเรื่องใหม่ อย่าง อาม่า ผลงานที่เข้าใจไปเองว่าหนังใหม่ของ หม่ำ จ๊กม๊ก ซึ่งห่างหายจากโปรแกรมหนังไทยกว่า 2 ปี แต่พอดูให้ดีนี่กลับเป็นหนังผลงานของผู้กำกับหน้าใหม่นาม จืด-บดีกร โลหะชาละ ที่ฝึกวิชากับ ค่ายบาแรมยู ของ สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล มาหลายปี มาคราวนี้ก็เปิดตัวในฐานะผู้กำกับเต็มตัวกับ ค่ายบั้งไฟฟิล์ม ของหม่ำนั่นเอง สำหรับหนังไทยเรื่องนี้ก็เป็นสไตล์ตีหัวเข้าบ้านมาเลยครับ ผี ตลก ครอบครัว คนทำคงคิดว่ายังไงก็ต้องโดนสักจุดล่ะ ตามคำให้การของผู้กำกับบอกว่าหนังเรื่องนี้เป็นแนวผีตลก เรื่องราวของครอบครัวจีนขนาดใหญ่ครอบครัวหนึ่ง ที่ลูกหลานก็มากมายหลายสายตามแบบฉบับจีนเลย บ้านอาม่ามีลูก...
เจอหนังสือการ์ตูนออกใหม่เรื่อง เซลล์ขยันพันธุ์เดือด (Hataraku Saibou - Cells at Work!) ผลงานของ Akane Shimizu ยอมรับว่าพลิกดูปกไปมาวันแรกที่มันวางแผง ก็รู้สึกว่าคงเป็นการ์ตูนที่เอาเรื่องราวเซลล์ในร่างกายมายำๆ มั่วๆ ให้เป็นเรื่องเป็นราวแบบไม่ได้อะไรเท่านั้น จนผ่านมาสัปดาห์ลองตัดใจซื้อมาอ่านดู จึงได้พบว่า เฮ้ย สนุกกว่าที่คิดนี่หว่า
มาเงียบๆแบบไม่ได้ทันตั้งตัวกับ Deadstock รัก ปี ลึก เพิ่งรู้จักหนังเรื่องนี้ก็เพราะมีตัวอย่างฉายในโรงก่อนหน้านี้นั่นล่ะ ซึ่งตอนดูเทรลเลอร์นี่รู้เลยว่าหนังเรื่องนี้มีของแน่ๆ ด้วยงานภาพที่ถือว่าประณีต พล็อตหนังที่ว่าด้วยวงการค้าของเก่าที่หนังไทยยังไม่เคยลงไปสำรวจถึง และเป็นหนังที่รวมดารารับเชิญระดับงานฝีมือและไม่ค่อยรับเล่นหนังมาได้แน่นขนัด ถึงขนาดเฟซ จ่าพิชิต ขจัดพาลชน แห่งดราม่าแอดดิกต์ ยังเปรยว่าน่าดูมาก ซึ่งก็เชื่อว่ามีหลายคนที่รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้น่าจะมีอะไรสักอย่าง แต่ก็คงหวั่นใจกับคุณภาพหนังไทยที่ปีนี้เรียกได้ว่าแทบจะเฟลติดกันหนักๆมาตลอด แม้แต่ พริกแกง ที่ทำเทรลเลอร์มาสวยหยดก็มาตกม้าตายเอากับบทที่ขบมาไม่แตกพอ งานนี้เราเลยไปเสี่ยงตายซุยไซด์สควอดแทนแฟนแบไต่ให้รู้กันไปเลยว่าหนังเรื่องนี้โซแซ่บ หรือโซแซดกันแน่
นับว่าน่าตกใจมากครับ ตกใจที่เพลงนี้ยังเป็นเพลงจากอัลบั้มล่าสุด dharmajāti ดัม-มะ-ชา-ติ ซึ่งออกวางแผงมาตั้งแต่ 25 กันยายน 2557 คือเกือบๆจะครบ 2 ปีแล้ว แต่พี่แกยังปล่อยเอ็มวีมาไม่หมดอีกเหรอเนี่ย เป็นโมเดลการตลาดที่แปลกสวนกระแสมากครับ จากศิลปินคนอื่นๆที่มักทยอยปล่อยซิงเกิ้ลมาเรื่อยๆ ขายไปทีละเพลง พอครบทำอัลบั้มได้ค่อยรวมแพ็กขายอีกที แต่ระดับวงร๊อกแห่งชาติอย่างบอดี้สแลมนั้นกลับใช้การปล่อยอัลบั้มออกมาก่อนเลย แล้วค่อยยิงขายเป็นซิงเกิ้ลเอาเรื่อยๆแทน
ที่หลายคนอาจยังไม่ทราบคือ หนังเรื่องนี้มีพี่น้องที่เป็นผลงานของผู้กำกับ ยอน ซังโฮ เช่นกัน ในฉบับอนิเมชั่นด้วย โดยเล่าเรื่องอีกฟากฝั่งที่เราอาจยังสงสัยอยู่ว่า เชื้อโรคมันมาระบาดในกรุงโซลที่พระเอกเทรนทูปูซานอยู่ตอนต้นเรื่องได้อย่างไร
วันนี้ขอมาแนะนำการ์ตูนที่น่าสนใจมากอีกเรื่องหนึ่งครับ จริงๆตั้งใจจะมาแนะนำตั้งแต่ฉบับลิขสิทธิ์เล่มแรกออกมาวางแผงแล้ว แต่กว่าจะได้เขียนเล่มสองก็ออกตามติดมาไม่ได้ทันตั้งตัวเลยทีเดียว เรื่องนี้มีแฟนติดตามตั้งแต่ยังไม่ประกาศลิทสิทธิ์ในไทยพอสมควรเลย ด้วยพล็อตที่บรรเจิดและมุกตลกที่โดนสุดๆไปเลย ในการยียวนเสียดสีวงการไอดอลที่กำลังฮอตฮิตติดลมบนวงการบันเทิงเอเชียขณะนี้
หนังดัดแปลงจากนิยายชื่อเดียวกันเมื่อปี 2010 ซึ่งเป็นผลงานเรื่องที่ 22 ของสุดยอดนักเขียนแนวธริลเลอร์สายลับและอาชญากรรมอย่าง John le Carré ที่ผลงานก่อนๆของเขาเคยถูกนำมาสร้างเป็นหนัง
"จากเรื่องจริงสุดเหลือเชื่อแห่งประวัติศาสตร์วงการหนังโลก จากประสบการณ์ไม่มีวันลืมลงของ ชินซางอ๊ก สุดยอดผู้กำกับแห่งยุค 1960 เจ้าของฉายา "เจ้าชายแห่งวงการหนังเกาหลีใต้" กับ ชเวอึนฮี นางเอกเบอร์หนึ่งขวัญใจผู้ชม ซึ่งถูก คิมจ็องอิล ผู้นำเกาหลีเหนือลักพาตัวไปกักขังถึง 5 ปีเต็ม เพื่อ "ช่วยพัฒนาวงการหนังเกาหลีเหนือ"!
ต้องเล่าย้อนกันสักนิดกับ อลิซในแดนมหัศจรรย์ ฉบับดิสนีย์ ที่ภาคแรกได้ ทิม เบอร์ตัน ผู้กำกับสายแหวกแนวมานำเสนอมุมมองใหม่ จากเรื่องราวในหนังสือของนักเขียนชื่อดังอย่าง ลูอิส คาร์รอลล์ ที่ว่าด้วยเด็กหญิง อลิซ วัย 7 ขวบที่หลงเข้าไปในดินแดนใต้พิภพ และพบกับตัวละครแปลกประหลาดมากมาย รวมถึงบททดสอบต่างๆด้วย
หนังสารคดีเรื่องล่าสุดจาก Documentary Club ที่เอาเข้ามาให้คอหนังบ้านเราได้ชมกัน สำหรับเรื่องนี้นับว่าถูกคอคนรักหนังสัตว์ประหลาด หรือเหล่าคนที่หลงใหลวงการสเปเชี่ยลเอฟเฟ็กต์แน่ๆ
ที่งานคอมมิคคอนล่าสุด มีข่าวน่าสนใจมากๆเรื่องหนึ่งคือ ผู้กำกับ Adam Wingard จากหนัง You're Next (2011)ได้นำโปรเจ็กใหม่ที่ชื่อ The Woods มาฉายรอบทดสอบในงานด้วย และหลายๆ สื่อที่ได้ชมก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่า แท้จริงแล้วมันคือภาคต่อของ The Blair Witch Project หนังสยองขวัญอินดี้คลาสสิค ซึ่งหลังจากกรฉายนั้น ทางค่ายหนัง Lionsgate ก็ออกมาประกาศชื่อหนังที่แท้จริงว่าคือ Blair Witch...
ที่ไม่ต้องลุ้นเลยก็คือตัวหนังได้ประกาศ อัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์ออกมาแล้ว โดยจนถึงตอนนี้ก็ได้ประกาศเพลงแล้วทั้งสิ้น 14 เพลง และเพลงตัวโปรโมทก็ทยอยออกมาให้ได้ฟังมากขึ้นด้วย เราเลยจะเอามารีวิวแบบเดาทางกันเล่นๆจากเพลงว่าหนังจะเป็นไงด้วย ป่ะลุยกันเลย (แปะลิ้งค์ยูทูบของเพลงเท่าที่มีโปรโมทออกมานะครับ)
David F. Sandberg ผู้กำกับหนัง Lights Out ที่กำลังหลอกหลอนคนดูในโรงช่วงนี้ แม้จะมีผลงานทำหนังยาวได้เพียงเรื่องเดียวก็ตาม แต่ถ้าลองเข้าไปดูแชนนอลยูทูบที่โชว์ผลงานส่วนตัวของแกแล้ว ต้องบอกว่ามีงานหลอนๆให้ชมกันแบบรัวเลยๆทีเดียว เรียกว่ากะเอาดีกันทางนี้แต่ไหนแต่ไรเลยล่ะ นับเป็นคนมีไอเดียในการหลอกชาวบ้านล้ำๆ ประยุกต์เอาจากไลฟ์สไตล์และความเชื่อร่วมสมัยมาอยุ่ในหนังได้ลงตัวมากๆ วันนี้เลยจะขอแนะนำหนังสั้นตัวพีคๆของเฮียแกมาให้ชมทั้ง 8 เรื่อง 8 รสกันเลย ม่ะ!! 1. Cam Closer เมื่อหญิงสาวเอามือถือไอโฟนถ่ายรูปแอปเปิ้ล แต่ดันมองไม่เห็นลูกแอปเปิ้ลในหน้าจอทั้งๆที่แอปเปิ้ลมันก็วางอยู่บนโต๊ะที่เดิม เหตุการณ์เริ่มสยองขวัญ เมื่อเธอเริ่มกวาดกล้องไปรอบๆตัว...