เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2565 สถานีโทรทัศน์ CCTV ของจีนรายงานว่าหน่วยงานความมั่นคงของมณฑลหางโจได้ใช้มาตรการบังคับคดีอาญากับชายคนหนึ่งที่มีนามสกุลว่า “หม่า” (Ma) เนื่องจากสงสัยว่าชายผู้นี้ “สมรู้ร่วมคิด” กับกองกำลังต่อต้านจีน อันเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ

ทั้งนี้ มีการคาดเดากันว่าชายคนดังกล่าวคือ แจ็ก หม่า (Jack Ma) โดยมีเหตุผลที่น่าสนใจ 2 ข้อคือ (1) นามสกุลที่เหมือนกัน และ (2) มณฑลหางโจคือที่ตั้งของสำนักงานใหญ่อาลีบาบา (Alibaba) แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีนที่ แจ็ก หม่า เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง ซึ่งการคาดเดาดังกล่าวส่งผลให้หุ้นของอาลีบาบาร่วงไปกว่า 9.4% เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (3 พฤษภาคม 2565) ทำให้มูลค่าการตลาดหายไป 26,000 ล้านเหรียญ (ประมาณ 887,000 ล้านบาท) ภายในเวลาไม่กี่นาที

ล่าสุด หู สีจิน (Hu Xijin) อดีตบรรณาธิการ Global Times สื่อของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ออกเปิดเผยว่ารายงานข่าวดังกล่าวเป็นความเข้าใจที่ผิด โดยชายต้องสงสัยผู้นี้ชื่อภาษาจีนของเขามี 3 คำ ในขณะที่ชื่อภาษาจีนของ แจ็ก หม่า นั้นมี 2 คำ คือ 马云 (Ma Yun) นอกจากนี้ หู สีจิน ยังกล่าวอีกว่าชายคนดังกล่าวเกิดในเมืองเหวินโจว เมื่อปี ค.ศ. 1985 ขณะที่ แจ็ก หม่า เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1964 ที่เมืองหางโจ

ภายหลังการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว แม้ว่าสถานีโทรทัศน์ CCTV ได้ทำการแก้ไขรายงานข่าวและอัปเดตข้อมูลเพิ่มเติมจาก หู สีจิน อย่างเงียบ ๆ แต่ราคาของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของจีนกลับโลดแล่นเหมือนรถไฟเหาะ แสดงถึงความกังวลของนักลงทุนที่มีต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจีน เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลจีนเล่นงานบริษัทเทคโนโลยีในประเทศอย่างหนักหน่วง และเพิ่งจะมาดีกันได้เมื่อไม่นานมานี้ หลังสหรัฐฯ เพ่งเล็งที่จะถอดหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีจีนที่จดทะเบียนในตลาดสหรัฐฯ (ADRs) หากไม่ยอมเปิดเผยความเป็นเจ้าของให้ ก.ล.ต. สหรัฐฯ ตรวจสอบ

หลายคนอาจกำลังสงสัยว่าทำไมนักลงทุนจึงปักใจเชื่อข่าวลือนี้อย่างรวดเร็วนัก? ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเรื่องนี้ “มีมูล” นั่นเอง โดยก่อนหน้านี้ แจ็ก หม่า เคยออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลจีนหลายครั้ง ซึ่งการกระทำดังกล่าวมีเหตุให้เห็นอยู่เสมอว่าส่งผลกระทบต่อธุรกิจของเขา เช่น การทำ IPO ของแอนต์ กรุ๊ป (Ant Group) บริษัทในเครือของอาลีบาบา ซึ่งได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบของจีนไปแล้ว แต่ถูกระงับโดยตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้

นอกจากนี้ การหายตัวไปของคนดัง ดารา และนักธุรกิจจีนนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เราเพียงแต่ต้องรอคอยเวลาว่าพวกเขาจะปรากฎตัวอีกครั้งเมื่อไร และมาพร้อมกับคดีความไหนนั่นเอง

อ้างอิง CNN Business, The New York Times

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส