วันที่ 1 ก.ย.​ 65 บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ประกาศปรับกลยุทธ์ขยายธุรกิจให้หลากหลายขึ้น ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มบริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันและดิจิทัลแพลตฟอร์ม เน้นสร้างการเติบโตแบบ Organic Growth ควบคู่กับการสร้างการเติบโตแบบ Inorganic Growth ผ่านการควบรวมกิจการ (Mergers and Acquisitions: M&A) กิจการร่วมค้า (Join Venture: JV) และการจัดตั้งบริษัทย่อย นำเสนอบริการและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีทั้งในและต่างประเทศ เป็นพันธมิตรด้านดิจิทัลทรานสฟอร์เมชันครบวงจรให้กับองค์กรธุรกิจอย่างแท้จริง หรือ Truly End-to-End Digital Transformation Partner

นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการสำรวจพบว่า นับจากปี 2022-2024 การลงทุนในส่วนดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันขององค์กรต่าง ๆ มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น 16.5% ต่อปี และ 65% ของ GDP โลก จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในปีนี้ และแน่นอนว่าจะส่งผลให้ตลาดนี้ในไทย เติบโต 14.9% ดังนั้น การปรับแผนกลยุทธ์ จึงมีความจำเป็นอย่างมากในการดำเนินธุรกิจของบลูบิค ผ่าน4 แผนงานหลัก 

ขยายธุรกิจบริการหลักให้ครบวงจรเป็น Truly End-to-End Services

เน้นให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพการให้บริการควบคู่กับการขยายธุรกิจรูปแบบใหม่โดยเฉพาะในกลุ่มบริการหรือเทรนด์เทคโนโลยีสำคัญหลังจากเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่ระบบดิจิทัล (Post Digital Transformation) ล่าสุดได้ขยายบริการที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบและความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security and Solution Implementation Services) เนื่องจากองค์กรธุรกิจเริ่มเห็นความสำคัญในเรื่องการลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามไซเบอร์ที่ไม่น้อยไปกว่าการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน ฉะนั้นจึงจัดตั้งบริษัท บลูบิค ไททันส์ จำกัด ขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจดังกล่าว 

ลงทุนในธุรกิจเกี่ยวกับดิจิทัลแพลตฟอร์ม

สร้างโอกาสทางธุรกิจ ผ่านการให้บริการที่เกี่ยวกับดิจิทัลแพลตฟอร์มและไอทีโซลูชันที่สามารถรองรับความต้องการและเทรนด์ธุรกิจใหม่ เพื่อปูทางสู่การสร้างรายได้แบบประจำ (Recurring Income) และขยายฐานลูกค้าที่ครอบคลุมทั้งกลุ่มลูกค้าขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ ทำให้บริษัทฯ ได้มีการอนุมัติจัดตั้ง บริษัท บลูบิค เน็กซัส จำกัด เพื่อรุกธุรกิจด้านพัฒนาระบบแพลตฟอร์มดิจิทัลและบล็อกเชนโซลูชัน (Digital Platform and Blockchain Solutions) 

ขยายธุรกิจต่างประเทศ

ล่าสุดมีการขยายธุรกิจบริการด้านพัฒนาระบบดิจิทัลและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี (Digital Excellence and Delivery) ไปยังตลาดยุโรป ผ่านการจัดตั้ง บริษัท บลูบิค (สหราชอาณาจักร) จำกัด ที่สหราชอาณาจักร ซึ่งปัจจุบันเริ่มดำเนินการจนเกิดมูลค่าแล้วประมาณ​ 40 ล้านบาท ขณะเดียวกันก็กำลังศึกษาเพื่อจัดตั้งบริษัทย่อยในต่างประเทศเพิ่มเติม ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศของบริษัทเป็น 15-20% จากปัจจุบันอยู่ที่ 10-15%

ควบรวมกิจการ (M&A) และกิจการร่วมค้า (JV)

โดยจะเน้นการลงทุนร่วมกับพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งและเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่สามารถต่อยอดด้านบริการและธุรกิจ ยกตัวอย่างเช่น การลงทุนจัดตั้ง บริษัท ออร์บิท ดิจิทัล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บลูบิค และ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ เมื่อปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อปิดดีล M&A ธุรกิจพัฒนาแพลตฟอร์มในไทยอย่างน้อย 1 ราย โดยจะใช้เงินลงทุนในหลักร้อยล้านบาท ซึ่งจะเริ่มเห็นความชัดเจนในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า

สำหรับผลประกอบการคาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 70% ซึ่งหลังจากช่วง 5 ปีที่มามีอัตรเติบโตเฉลี่ย 70% เช่นกัน ทั้งนี้ล่าสุด บริษัทฯ มียอดรอรับรู้รายได้จากแบ็คล็อก (Backlog) สะสมแล้ว 448 ล้านบาท โดยจะมียอดรับรู้รายได้ของปีนี้ถึง 226 ล้านบาท สำหรับผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2565 บริษัทฯ มีรายได้รวม 243.19 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 62 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (YoY) ที่มีรายได้ 126.9 ล้านบาท หรือเติบโต 92% และมีกำไรสุทธิ 30 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 105% โดยมีสัดส่วนการรับรู้รายได้แบบประจำ (Recurring Income) ราว 46% ของรายได้รวม ในขณะเดียวกันผลประกอบการรายได้ของปี 2564 อยู่ที่ 303 ล้านบาท 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส