อยู่ ๆ เลขาธิการพรรคอมมิวนิสต์เวียดนาม เหงียน ฟู้ จ่อง (Nguyen Phu Trong) ประธานพรรคประชาชนกัมพูชาและนายกรัฐมนตรีกัมพูชาสมเด็จฮุน เซน (Hun Sen) และเลขาธิการใหญ่พรรคประชาชนปฏิวัติลาวและประธานประเทศ ทองลุน สีสุลิด (Thongloun Sisoulith) ได้นัดประชุมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาในกรุงฮานอย 

นัยสำคัญคือต้องการบอกกับประชาโลกว่าสามทหารเสือพรรคอินโดจีนในอดีตกำลังจะฟึ้นขึ้นมาใหม่ เขี้ยวเล็บที่หดหายไปถึง 3 ทศวรรษได้กลับมาอีกครั้งหนึ่งแต่อาจจะไม่เล็บคมเหมือนเดิม

อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ผู้นำพรรคทั้ง 3 ประเทศมาพบกันแบบไม่มีการเกริ่นกันมาก่อน วิเคราะห์ให้ดีจะพบว่าทั้ง 3 ประเทศจะเป็นกลุ่มประเทศที่จะถูกกระทบกระเทือนมากที่สุดในอนาคต ถ้าความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนยังไม่มีแววจะกระเตื้องดีขึ้น มีความจำเป็นต้องปรับความเข้าใจกันระหว่างผู้นำพรรคทั้ง 3 ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้

อย่าลืมในช่วงสงครามเย็น 3 พรรคอินโดจีนให้ความร่วมมือช่วยเหลือซึ่งกันและกันต่อสู้กับจักรวรรดินิยมอเมริกา จนได้ชัยชนะ ตอนนี้สถานการณ์การเมืองและยุทธศาสตร์เปลี่ยน หน้ามือเป็นหลังมือ สหรัฐอเมริกาได้ชนะใจหนึ่งใน 3 ทหารเสือเรียบร้อยคือเวียดนาม ทำให้เกิดอาการปั่นป่วนมากพอสมควรระหว่าง 3 ทหารเสือ ในเรื่องของการวางตัวเพราะอีก 2 เสือดันไปสนิทกับจีน 

ช่วงหลังสิบกว่าปีที่ผ่านมา ทั้งลาวและกัมพูชามีประวัติที่อยู่กับฝั่งจีนมาตลอด ถึงแม้นว่าจะมีบางเวลาที่เบนตัวออกห่างไป เช่นในช่วงสงครามกัมพูชารัฐบาลของนายกรัฐมนตรีฮุนเซ็นกับจีนต้องเป็นคู่อริกันเนื่องจากกรุงปักกิ่งสนับสนุนกลุ่มเขมรแดง ส่วนเวียดนามยังช่วยฮุนเซ็นอยู่ข้างหลัง สายสัมพันธ์อันลึกซึ้งนี้ยังอยู่ ถึงแม้ว่าจะเจือจางลงไปบ้าง 

ในปีหน้ากัมพูชาจะเป็นประธานอาเซียน มีบทบาทสูงในการกำหนดแนวทางอาเซียนและประเด็นใหญ่ที่คั่งค้างยังไม่ได้สะสาง เช่น วิกฤตในเมียนมาและความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ เวียดนามไม่อยากเห็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนเมื่อ 10 ปีก่อน ในตอนนั้นกัมพูชาเป็นประธานอาเซียนไม่ยอมออกแถลงการณ์ร่วมเพราะตกลงถ้อยแถลงเกี่ยวกับสถานการณ์ในทะเลจีนใต้

ส่วนประเทศลาวต้องเจอกับทางสองแพร่งเพราะยังพึ่งทั้งจีนและเวียดนามในทุกมิติ แถมยังติดกับดักลัทธิสังคมนิยมอยู่ และนี่เป็นสาเหตุหลักที่ 3 ทหารเสือต้องมาพบกันเพื่อปรับสภาพสายสัมพันธ์พิเศษที่ยังคุกรุ่นอยู่ ไม่ให้ดับมอดไป

ฝ่ายเวียดนามเป็นห่วงเรื่องความเหนียวแน่นของสายใยกับลาวที่กำลังจะมีปัญหา ที่ผ่านมาหลายปีลาวได้พึ่งพาเศรษฐกิจจีนโดยเฉพาะการลงทุนจากจีนมาตลอด สิ้นปีนี้รถไฟความเร็วสูงที่จีนเป็นผู้ลงทุนในลาวก็จะออกวิ่ง  สามารถเชื่อมนครเวียงจันน์กับคุนหมิงในยูนนาน หลังเปิดบริการจะทำให้การไปมาระหว่างประชาชนจีนและชาวภูมิภาคแม่โขงมีมากและสะดวกขึ้น รวมทั้งการขนถ่ายสินค้าระหว่างจีนกับประเทศในลุ่มแม่น้ำโขงที่รวดเร็วมากขึ้นด้วย

ในสภาพที่มีการเชื่อมโยงแบบนี้ มีความจำเป็นที่ทั้งสามประเทศยังต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน สิ่งท้าทายของทั้งสามสหายนั้นมีลักษณะคล้ายกันมากคือ ต้องรักษาสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน ส่วนที่เกี่ยวข้องกับมหาอำนาจก็ต้องมีดุลภาพเช่นกัน

โชคดีทั้ง 3 ทหารเสือได้เป็นสมาชิกอาเซียนเรียบร้อย มีที่หลบกำบังสำหรับจะต้านแรงเสียดทานจากมหาอำนาจทั้งสหรัฐอเมริกาและจีนได้อย่างดี ตั้งแต่นี้ต่อไปต้องพบปะกันบ่อยมากขึ้น โดยเฉพาะความร่วมมือระหว่างพรรคและกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีต่อกัน ยกตัวอย่างเช่น ในลาวจะมีศูนย์วัฒนธรรมเวียดนามที่เรียกว่า สถาบันเหงียนอายกว๊อก (Nguyen Ai Quoc) ซึ่งไม่ได้รับความเอาใจใส่เท่าไรในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา ปีต่อ ๆ ไปคงจะมีการจัดกิจกรรมมากขึ้น ทั้ง 3 ประเทศมีสถาบันขงจื้อของจีนเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมและความสนิทชิดเชื้อระหว่างประชาชนต่อประชาชนด้วยกัน

การประชุมครั้งนี้ยังสามารถตอกย้ำถึงความสำคัญที่สามทหารเสือยังต้องร่วมมือกันต่อสู้กับโรคระบาดโควิด-19 มากขึ้น โชคดีที่เวียดนามในขณะนี้เริ่มมีขีดความสามารถในการพัฒนาวัคซีนโดยได้รับความช่วยเหลือจากรัสเซีย ทั้งสามประเทศได้รับวัคซีนสปุตนิกวีจากรัสเซีย ซึ่งมีการฉีดอย่างกว้างขวาง อีกไม่นานเวียดนามคงต้องบริจาควัคซีนให้กับลาวและกัมพูชาอย่างแน่นอน

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส