ข่าวใหญ่ปีที่แล้วคือ ในเดือนพฤษภาคม อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถูกแบนไม่ให้ใช้โซเชียลมีเดียทวิตเตอร์ เนื่องจากมีนิสัยชอบโพสต์ข้อความที่ไม่ได้เป็นข้อเท็จจริง ข่าวนี้ช็อกทุกวงการ ไม่น่าเชื่อว่าบุคคลระดับนี้ยังถูกแบนได้

ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาปรากฏว่ามีนักการเมืองฝ่ายขวาในสหรัฐอเมริกาอีกหลายคนถูกบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ เช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ตัดสิทธิ์ไม่ให้ใช้บริการ จนมีผู้ประกาศข่าวและนักจัดรายการสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ออกมาประณามว่า ที่แท้มันก็คือ “เรือนจำดิจิทัล” (Digital Jail) ดีดีนี่เอง เพราะไม่สามารถแสดงความคิดเห็นในโซเชียลมีเดียกระแสหลักได้

นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ทุกวันนี้มีโซเชียลมีเดียใหม่ ๆ เกิดขึ้นมาเป็นทางเลือกราวกับดอกเห็ดและกำลังได้รับความนิยม ท้าทายโซเชียลมีเดียเจ้าเก่า ๆ

ที่น่าสนใจที่สุดคือ “Truth Social” ของทรัมป์ที่เพิ่งออกมา ทำให้แฟน ๆ สนับสนุนผู้นำคนนี้ดีใจสมัครเข้ามาเป็นผู้ติดตามกันมากมาย นอกจากนั้นยังมีนักจัดรายการขวาจัดบางคนที่อาศัยเทรนด์นี้ออกแพลตฟอร์มสื่อโซเชียลของตัวเอง เพื่อสู้กับกระแสความคิดทางด้านเสรีนิยม ตัวอย่างคือ “เก็ตเตอร์” (Gettr)

เก็ตเตอร์กำลังมาแรงเพราะมีสมาชิกใหม่มาจากคนมีชื่อเสียงในวงการการเมืองและสื่อเข้ามาร่วมเป็นสมาชิก    สื่อโซเชียลในสหรัฐอเมริกาแบ่งขั้วชัดเจน คือฝ่ายทรัมป์ กับฝ่ายที่ไม่เอาทรัมป์ สื่อหลักเช่นซีเอ็นเอ็นก็ไม่เอาทรัมป์ ส่วนฟ็อกซ์นิวส์ไม่เอาประธานาธิบดีโจ ไบเดน สื่อที่ออกมาเป็นกลาง ๆ แทบจะไม่มีที่ยืน

กลุ่มโซเซียลมีเดียใหม่มักตอกย้ำว่า พวกเขาต่อสู้เพื่อเสรีภาพด้านความคิด จะไม่ยอมให้มีการเซ็นเซอร์ข้อคิดเห็นใด ๆ เด็ดขาด ในสหรัฐอเมริกา กลุ่มโซเชียลมีเดียนิยมกลุ่มทรัมป์หรือพรรคริพับลิกันเชื่อว่าบริษัทเทคยักษใหญ่สนับสนุนพรรคเดโมแครตและยังเป็นพวกหัวก้าวหน้า ที่ส่งเสริมให้รัฐบาลเร่งรับแรงงานต่างชาติเข้ามาแย่งงานคนอเมริกัน

ขณะนี้วงการสื่อทุกแพลตฟอร์มกำลังปวดหัวในประเด็นที่ว่า ใครจะมาเป็นผู้ตัดสินใจว่าสาระอะไรจะเอามาใช้หรือถูกเซ็นเซอร์ ต่างฝ่ายต่างป้ายสีกันเองว่าเป็นฝ่ายเผยแพร่ข้อมูลหลอกไม่มีข้อเท็จจริง

ตามปกติรัฐบาลที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาจะเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์ว่าข้อมูลใดมีผลเสียหรือดีต่อประเทศ ไม่ใช่เป็นหน้าที่ของบริษัทเทคที่สนใจแต่เรื่องราคาหุ้นและผลกำไรเท่านั้น

ขณะนี้มีความพยายามในเวทีการเมืองระหว่างประเทศที่จะดูแลคนทำสื่อโซเซียลรวมทั้งสื่อดั้งเดิมที่เป็นมืออาชีพไม่ใช่เฉพาะพวกที่เป็นมือสมัครเล่นหรือทำเฉพาะกิจ เพื่อให้นักสื่อสารกลุ่มนี้สามารถมีอาชีพและความเป็นอยู่ที่พอตัว

ยิ่งไปกว่านั้น ในยุคนี้มีความจำเป็นต้องให้การสนับสนุนกลุ่มสื่อมวลชนดั้งเดิมที่ยังอาศัยเครื่องไม้เครื่องมือรวมทั้งนิสัยในการไม่แชร์ข้อหาข่าวหรือตรวจสอบข่าวแบบดั้งเดิมเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ได้เป็นข้อเท็จจริง ไม่รีบเร่งแข่งกันออกมาเร็ว ๆ อย่างที่โซเชียลมีเดียชอบทำกัน

ในโลกปัจจุบัน สังคมไทยกำลังเผชิญกับข้อมูลท่วมท้นที่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าทางด้านข้อเท็จจริงและแหล่งข่าวมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากองค์กรตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้ ยังมีจำนวนน้อย ข้อมูลที่แชร์กันเป็นประจำ มักจะยังไม่มีการตรวจสอบอย่างรอบคอบ ท้ายที่สุดแล้วมันขึ้นอยู่กับผู้เสพสื่อโซเชียลมีเดียทั้งหลายที่ต้องอดกลั้น เข้าใจและรู้แท้ถึงสาระข้อมูลถูกต้องก่อนแชร์

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส