หลายวันก่อนหน้านี้บรรยากาศในตลาดคริปโทดูอึมครึมเนื่องจากรอการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ที่มีการประชุมในวันที่ 3 – 4 พฤษภาคม (เวลาในสหรัฐฯ) เพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งบิตคอยน์ (Bitcoin) ราคาอยู่ที่ระดับ 38,000 เหรียญสหรัฐฯ (1,305,300 บาท) และเมื่อเช้าวานนี้ได้ตกลงมาที่ 37,520 เหรียญสหรัฐฯ (1,288,061 บาท) แต่ต่อมาช่วงบ่ายได้ดีดกลับขึ้นมาสู่ 39,035.11 เหรียญสหรัฐฯ (1,339,997 บาท)

ล่าสุดหลังเที่ยงคืนเข้าสู่วันที่ 5 (ช่วงบ่ายวันที่ 4 ของสหรัฐฯ) FED ได้ออกมาประกาศการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.5% จึงส่งผลให้บิตคอยน์ไปต่อที่ 39,946.20 เหรียญสหรัฐฯ (1,358,809 บาทจาก Coingecko)

อีทีเรียม (Ethereum) สกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าสูงสุดอันดับ 2 เพิ่มขึ้น 5.57% อยู่ที่ 2,944.94 เหรียญสหรัฐฯ (100,393 บาท) ส่วน BNB เพิ่มขึ้น 4.87% อยู่ที่ 403.78 เหรียญสหรัฐฯ (13,764 บาท), XRP เพิ่มขึ้น 6.44% อยู่ที่ 0.6507 เหรียญสหรัฐฯ (22.17 บาท), SOL เพิ่มขึ้น 8.53% อยู่ที่ 93.55 เหรียญสหรัฐฯ (3,186.87 บาท), LUNA เพิ่มขึ้น 5.3% อยู่ที่ 86.95 เหรียญสหรัฐฯ (2,963 บาท) และ ADA เพิ่มขึ้น 14.84% อยู่ที่ 0.8941 เหรียญสหรัฐฯ (30.47 บาท)

ส่วนเหรียญ Altcoin อื่น ๆ ส่วนใหญ่ได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน ได้แก่ DOGE เพิ่มขึ้น 5.45%, DOT เพิ่มขึ้น 9.54%, AVAX เพิ่มขึ้น 11.44%, SHIB เพิ่มขึ้น 5.55%, TRX เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น 22.14%, NEAR เพิ่มขึ้น 6.07% และ MATIC เพิ่มขึ้น 8.11%

เดือนมีนาคมสหรัฐฯ มีระดับเงินเฟ้อที่ 8.5% สูงสุดในรอบ 40 ปี ซึ่งตอนแรกคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.75% แต่ในที่สุด FED ได้มีมติปรับขึ้นแค่ 0.5% ดังนั้นเมื่อนักลงทุนได้คลายความกังวลจึงเข้ามาลงทุนในตลาดคริปโทและดันราคาขยับเพิ่มขึ้น ส่วนทิศทางในอนาคตจะไปต่อสู่ขาขึ้นเนื่องจากการหนีเงินเฟ้อหรือจะลดลงจากภาวะสงคราม หรือปัจจัยอื่น ๆ ก็ต้องระวังกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

ที่มา : coingecko, quantifycrypto และ cnbc

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส