นับได้ว่าปี 2021 เป็นปีที่โลกการเงินได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม ทั้งในด้านของการเงินยุคใหม่ที่เรามักจะได้ยินชื่อกันจนคุ้นหูอย่าง คริปโตฯ (Cryptocurrency) หรือการลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ เช่น กองทุน ETF (Exchange Traded Fund) ถือได้ว่าเป็นกองทุนที่ได้รับความสนใจมาแรงแซงทางโค้ง ถึงขนาดคุณปู่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) นักลงทุนชื่อดังก็ให้ความสนใจกับกองทุนประเภทนี้ไม่น้อย แถมยังแนะนำเป็นตัวเลือกแรก ๆ สำหรับนักลงทุนหน้าใหม่

ฉะนั้นแล้วทีมงานแบไต๋ก็ของถือโอกาสนี้พามาทำความรู้จักกับ กองทุน ETF หรือที่นักลงทุนรู้จักในชื่อเต็มว่า Exchange Traded Fund พร้อมกับแบไต๋ว่า ภาคส่วนธุรกิจประเภทไหนที่กำลังมีแนวโน้มมาแรงในอนาคต โดยเรียงลำดับจากแนวโน้มที่จะได้ผลตอบแทนมากสุดจากทั้งหมด 11 ภาคส่วนหลัก

กองทุน ETF คืออะไร?

กองทุนรวม ETF เป็นกองทุนรวมแบบเปิด ที่มีรูปแบบการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้มีการซื้อขายที่ง่ายเหมือนหุ้น แถมเป็นรูปแบบการลงทุนที่ดึงจุดเด่นของ กองทุนรวมทั่วไป ที่เน้นการกระจายความเสี่ยงของทรัพย์สิน แต่ ETF มีค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการของ บลจ. (บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม) ที่ต่ำ จึงกลายเป็นเอกลักษ์เฉพาะของกองทุน ETF

เครดิตภาพ: SETinvestnow

ทั้งนี้กองทุน ETF มักจะมีรูปแบบการลงทุนที่เรียกว่า กองทุนเชิงรับ หรือ Passive Fund โดยบลจ.ต่าง ๆ จะมีนโยบายการลงทุนที่อ้างอิงตามดัชนี เช่น หากคุณลงทุนใน ‘SPDR S&P 500 ETF Trust’ นั่นก็หมายความว่า คุณกำลังลงทุนใน 500 บริษัท ในดัชนี S&P ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฉะนั้นผลตอบแทนก็ล้อไปตามทิศทางของดัชนีตลาด ทำให้เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ และสามารถถือครองต่อไปในระยะยาวได้

เครดิตภาพ: SETinvestnow

แต่อย่างไรก็ดีกองทุน ETF ก็มีหลากหลายประเภทให้สำหรับนักลงทุนได้เลือกสรรค์ตามความถนัดของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็น ETF ที่เน้นสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีราคาหุ้น หรือที่เน้นสร้างผลตอบแทนอ้างอิงตามดัชนีราคาหุ้นจากภาคส่วนชั้นนำ ซึ่งวันนี้ทีมงานจะพาบรรดานักลงทุนหน้าใหม่มาแบไต๋ภาคส่วนธุรกิจที่น่าสนใจทั้งหมด 11 ส่วน โดยเรียงลำดับจากภาคส่วนที่น่าสนใจมากสุดในปี 2021

1. เทคโนโลยี

ภาคส่วนเทคโนยีเป็นภาคส่วนที่น่าจับตามองทั้งในปัจจุบันและในอนาคต เพราะภาคส่วนนี้ไม่เป็นเพียงการประกอบธุรกิจแค่การผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แต่ยังรวมไปถึงพัฒนาซอฟต์แวร์ของผลิตภัณฑ์ หรือสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศต่าง ๆ ซึ่งรูปแบบการดำเนินธุรกิจปัจจุบันจะเป็นการพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพรุ่นใหม่ให้น่าบริโภคมากกว่ารุ่นเก่า จะเห็นเด่นชัดได้จากวงการสมาร์ตโฟน

แต่อย่างไรก็ดีความแข็งแกร่งของการลงทุนในภาคส่วนของเทคโนโลยีในปัจจุบันก็ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง และยังไม่มีท่าทางที่จะลดลงในเร็ว ๆ นี้ จึงเป็นตัวชี้วัดให้เห็นว่า ภาคส่วนเทคโนโลยียังได้รับความสนใจจากตลาดหุ้นไม่น้อย ฉะนั้นภาคส่วนการลงทุนในเทคโนโลยีจึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ และมีโอกาสเติบโตสูงอันดับแรก ๆ ของกองทุน ETF

2. ด้านการดูแลสุขภาพ

การลงทุนด้านการดูแลสุขภาพยังคงเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับนักลงทุนอยู่ เพราะจริง ๆ แล้วคุณไม่ใด้ลงทุนภาคส่วนอุตสาหกรรมสุขภาพเพียงอย่าวเดียว แต่ยังมีเม็ดเงินมหาศาลไหลเวียนอยู่ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีชีวภาพ โรงพยาบาล อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องมือแพทย์ ผสมกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ส่งผลให้การลงทุนในด้านสุขภาพก็ยังได้รับแรงกระตุ้นชั้นดีอยู่

จึงเป็นเรื่องธรรดาที่แนวโน้นการเติบโตของตลาดก็ยังมาแรงอย่างต่อเนื่อง เพราะถึงแม้ว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ จะค่อย ๆ คลี่คลายลงในอนาคต แต่การดูแลสุขภาพก็ยังเป็นเรื่องจำเป็นพื้นฐาน หรือที่เรียวว่า ปัจจัย 4 พื้นฐานของมนุษย์ ดังนั้นแล้วจึงไม่ใช่เหตุผลที่ผิดแปลกอะไรสำหรับการได้เป็นอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่อันดับ 2 ที่นักลงทุนควรมีในพอร์ตการลงทุน

3. การเงิน

อย่างที่ได้เกริ่นไปในช่วงต้น ว่าการเปลี่ยนแปลงของโลกการเงินเป็นตัวจุดประกายให้ผู้คนทั่วไปแห่มาสนใจในเรื่องของการเงินมากขึ้น แน่นอนว่าทั้งบริษัทและสถาบันทางการเงินต่าง ๆ ก็จำเป็นต้องปรับตัวให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เพราะสุดท้ายแล้วความมั่นคงต่อเศรษฐกิจทุกภาคส่วนก็ยังต้องขึ้นกับความแข็งแกร่งของภาคการเงินเป็นหลัก ทั้งในแง่ของการฟื้นตัว และความมั่นคงทางเศรษฐกิจ

4. อสังหาริมทรัพย์

ถึงแม้ว่าภาคส่วนของอสังหาริมทรัพย์จะโดนผลกระทบอย่างรุนแรงจากพิษการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดอยู่มาก แต่สำหรับนักลงทุนแล้วภาคส่วนของอสังหาริมทรัพย์ก็ยังเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าบรรดานักลงทุน เพราะธุรกิจอย่างอุตสาหกรรม หรือการค้าปลีกก็ยังเป็นแหล่งรายได้หลักของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บวกกับเป็นภาคส่วนธุรกิจที่มีแหล่งรายได้หลักจากค่าเช่าให้เห็นได้อย่างชัดเจน

และในขณะเดียวกับในปี 2021 นี้ นักลงทุนก็เริ่มได้เห็นสัญญาณที่ดีจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ฉะนั้นภาคส่วนของอสังหาริมทรัพย์ก็ยังเป็นตัวเลือกที่น่าดึงดูดจากนักลงทุนอยู่ไม่น้อย

5. พลังงาน

เดิมทีภาคส่วนพลังงานก็เป็นภาคส่วนทางธุรกิจที่นักลงทุนทั้งหลายให้ความสนใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มบริษัทในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและการจัดหาพลังงาน ที่ประกอบไปด้วยบริษัทสำรวจ ผลิตน้ำมันและก๊าซ รวมไปถึงการบริษัทพลังงานแบบบูรณาการ และโรงกลั่น ซึ่งบริษัทเหล่านี้ก็จะมีวิธีการสร้างรายได้หลักจากผลิตภัณฑ์จำพวกราคาน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ และสินค้าโภคภัณฑ์

แต่อย่างไรก็ดีถ้ามองไปถึงอนาคตข้างหน้า ที่ผู้นําประเทศมหาอํานาจโลกเสรีอย่างสหรัฐฯ ออกมาประกาศนโยบายภายในประเทศให้เปลี่ยนแปลงมาใช้พลังงานสะอาด อย่างเช่น พลังงานไฟฟ้า จึงทำให้ภาคส่วนการลงทุนเกี่ยวกับด้านพลังงานสะอาดได้รับการจับตามองจากนักลงทุน ETF มาเป็นอันดับที่ 5

6. วัสดุ

ว่าด้วยเรื่องของภาคส่วนวัสดุก็เป็นอีกหนึ่งภาคส่วนที่น่าจับตาสำหรับนักลงทุน เพราะการประกอบธุรกิจหลักของภาคส่วนนี้จะประกอบด้วยการทำเหมือง โรงกลั่น เคมี ป่าไม้ และการค้นหาเพื่อพัฒนาวัตถุดิบ ซึ่งธุรกิจจำพวกนี้เป็นส่วนสำคัญที่จะจุดเริ่มต้นของระบบห่วงโซ่อุปทาน แถมยังเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนวงจรทางเศรษฐกิจ ดังนั้นแล้วหากนักลงทุนท่านใดเชื่อว่าเร็ว ๆ นี้เศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวครั้งใหญ่ ภาคส่วนนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย

7. สินค้าฟุ่มเฟือย

กลุ่มภาคส่วนของสินค้าฟุ่มเฟือย นับว่าเป็นภาคส่วนธุรกิจที่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคอย่างเนืองแน่น ไม่ว่าจะเป็นผู้ค้าปลีก บริษัทเครื่องแต่งกาย หรือบริษัทสื่อ เหล่านี้ก็ยังเป็นที่ต้องการของกลุ่มผู้บริโภค แม้ว่าในปัจจุบันจะมีความซบเซาลงบ้างตามสภาพทางเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ดีนักวิเคราะห์จากหลากหลายสำนักก็เชื่อว่ากลุ่มภาคส่วนของสินค้าฟุ่มเฟือยอาจจะดีดตัวกลับขึ้นดีขึ้นภายหลังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวสำหรับกองทุน ETF

8. อุตสาหกรรม

ภาคส่วนอุตสาหกรรมก็ยังเป็นภาคส่วนที่น่าจับตามองเหมือนกัน ถึงแม้ว่า ณ ปัจจุบันธุรกิจบางส่วนจะซบเซาลงบ้างตามสภาพทางเศรษฐกิจ แต่ก็มีการคาดการณ์จากสำนักต่าง ๆ ว่าภาคส่วนนี้จะกลับมาฟื้นตัวอย่างแน่นอนตามวงจรทางเศรษฐกิจ รวมถึงธุรกิจบางส่วนก็เติบโตตามแรงหนุนจากการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคยุคใหม่ เช่น การก่อสร้าง โรงผลิตอุปกรณ์ต่าง ๆ หรือการบินทางอวกาศ

9. สาธารณูปโภค

สำหรับภาคส่วนสาธารณูปโภคนักลงทุนหลายคนมองว่ากองทุนประเภทนี้จะเน้นเป็นเชิงตั้งรับเพื่อลดความเสี่ยงในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ และถือครองระยะยาว เหตุผลก็เพราะว่าในภาคส่วนสาธารณูปโภคที่ประกอบธุรกิจที่จำพวกบริษัทไฟฟ้า ก๊าซธรรมชาติ และน้ำ เป็นธุรกิจที่มีรายได้มั่นคงสูง รวมถึงภาคส่วนนี้ก็เป็นปัจจัยพื้นฐานของแต่ละประเทศ จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ป้องกันความเสี่ยง หรือมีติดพอร์ตไว้ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ

10. สินค้าที่มีความจำเป็นในการดำรงชีวิต

ในภาคส่วนสินค้าที่มีความจำเป็นในการดำรงชีวิตนักลงก็ถึงว่าเป็นแนวการลงทุนเชิงตั้งรับเพื่อลดความเสี่ยงเช่นกัน เพราะสินค้าในหมวดนี้จะเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นในการดำรงชีวิตประจำวัน ซึ่งตัวอย่างสินค้าที่ไม่ต้องตัดสินใจซื้อแต่ต้องซื้อ เช่น ยาสีฟัน น้าดื่ม ทิชชู อาหาร ฉะนั้นความจำเป็นในด้านพื้นฐานเหล่านี้จึงไม่ค่อยได้รับผลกระทบหนักจากวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงต่าง ๆ ทำให้เป็นหมวดที่น่าติดพอร์ตของเหล่านักลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยง และมียอดการเติบโตที่มั่นคง

11. การสื่อสารโทรคมนาคม

แน่นอนการสื่อสารเป็นสิ่งที่ขาดไม่สำหรับผู้คนในยุคนี้ โดยเฉพาะภาคส่วนการสื่อสารโทรคมนาคมที่ประกอบด้วย ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ผู้ให้บริการไร้สาย บริษัทดาวเทียม และอื่น ๆ อีกมากมาย เหล่านี้เรียกได้ว่าเป็นภาคส่วนค่อนข้างสร้างรายได้ที่มั่นคง แต่ตลาดของภาดส่วนนี้ยังมีแนวโน้มความผันผวนสูงตามการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในอนาคต ดังนั้นนักลงทุนจำนวนมากจึงมองการลงทุน ETF เป็นการปันผลระยะยาว

อ้างอิง: Entrepreneur, Tisco, SETinvestnow, Passiveway

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส