แซนทิเมนท์ (Santiment) บริษัทวิเคราะห์สกุลเงินดิจิทัลเผยหลังจากที่ตลาดคริปโทร่วงลงในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่านักลงทุนได้สนใจเข้าซื้อเหรียญในช่วงที่ราคาลดลงมาเพื่อหวังโกยกำไรเมื่อตลาดจะกลับมาสู่ขาขึ้น

เมื่อวันเสาร์แซนทิเมนท์เผยว่าบิตคอยน์ได้ร่วงลงมาสู่ 43,500 เหรียญ (1,465,797 บาท) ในหนึ่งชั่วโมง และอีเทอเรียมลดลงมาสู่ 3,540 เหรียญ (119,285 บาท) แต่อย่างไรก็ตามราคาก็ได้ดีดกลับขึ้นมาด้วยการเข้าซื้อเหรียญในช่วงราคาลดลงที่เพิ่มแรงขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 3 เดือน และเสริมว่าการร่วงลงของราคาในช่วงสุดสัปดาห์เกิดจากความกังวลเกี่ยวกับโควิด – 19 สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งมีสถาบันการลงทุนขนาดใหญ่เทขายเหรียญส่งผลให้ตลาดแห่กันเทขายในวงกว้าง

ทั้งนี้มีรายงานว่าสถาบันแห่งหนึ่งได้ขายบิตคอยน์มูลค่ากว่า 500 ล้านเหรียญ (16,834 ล้านบาท) จึงทำให้เกิดการชำระบัญชีในตลาดอนุพันธ์คริปโทและนำไปสู่การร่วงลงของราคา

นอกจากนี้แซนทิเมนท์ได้ตั้งข้อสังเกตว่าในขณะที่คริปโทในตลาดส่วนใหญ่เป็นสีแดงหรือราคาร่วง แต่ก็มียกเว้น 3 ใน 100 สกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงที่สุด นั่นก็คือ Cosmos (ATOM), NEAR Protocol (NEAR) และ DeFiChain (DFI) อีกทั้งกล่าวถึงปัจจัยสำคัญที่น่าจับตา ได้แก่ ความกลัวการแพร่ระบาดใหญ่ในทั่วโลก และอัตราส่วนระหว่างนักเทรด การซื้อเหรียญช่วงราคาลดลง และการชอร์ตตลาด (การยืมสินทรัพย์มาขายแล้วซื้อคืนในราคาที่ต่ำกว่าเพื่อกินกำไรส่วนต่าง)

ช่วงที่บิตคอยน์ราคาร่วงเมื่อวันเสาร์ นายนายิบ บูเคเล (Nayib Bukele) ประธานาธิบดีของเอลซัลวาดอร์ได้ทวีตเผยว่ารัฐบาลเอลซัลวาดอร์ได้ซื้อบิตคอยน์เพิ่มในช่วงที่ตลาดปรับตัวลดลงด้วยจำนวน 150 เหรียญ BTC ที่ราคาเฉลี่ย 48,670 เหรียญ (1,648,112 บาท)

เช้าวันอังคารบิตคอยน์ได้ดีดกลับมาเหนือระดับ 50,000 เหรียญ (1,682,450 บาท) ซึ่งต้องติดตามกันต่อไปว่าจะฟื้นตัวกลับมาสู่ขาขึ้นหรือจะร่วงลงไปอีกครั้ง

ที่มา : cryptoglobe

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส