ผลทดสอบรถยนต์พบว่า ปุ่มจริงมีประสิทธิภาพเหนือปุ่มเสมือนบนหน้าจอ Touchscreen!

ปุ่มกดของจริงบนรถยนต์สมัยใหม่นั้นหาได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะผู้ผลิตในปัจจุบันต่างเปลี่ยนมาใช้หน้าจอทัชสกรีน ซึ่งการทดสอบล่าสุดค้นพบว่า ปุ่มเสมือนจากหน้าจอทัชสกรีนมีประสิทธิภาพในการใช้งานแย่กว่าปุ่มกดจริง ๆ ซึ่งอาจมีผลต่อความปลอดภัยขณะขับขี่

จากข้อจำกัดด้านพื้นที่ และความต้องการหน้าจอของรถสมัยใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นจึงทำให้ทีมผู้ออกแบบต้องตัดปุ่มกดและสวิตช์ออกไปจากแผงควบคุมแม้มันจะมีข้อดีมากกว่าในด้านความปลอดภัย

Vi Bilägare นิตยสารด้านรถของสวีเดนได้ทำการทดสอบรถยนต์จำนวน 12 รุ่น โดยแบ่งเป็นรถรุ่นใหม่ 11 รุ่น เทียบกับรถที่เปิดตัวมาเมื่อ 17 ปีที่แล้วอย่าง Volvo V70 จากนั้นทดสอบให้ผู้ทดสอบขับรถด้วยความเร็ว 110 กม./ชม. และทำตามคำสั่งง่าย ๆ เพื่อหาคำตอบว่ารถรุ่นไหนจะทำเวลาได้ดีและมีความปลอดภัยมากกว่ากัน

ปัญหาที่อาจส่งผลในต่อความปลอดภัยมีดังนี้

1. ไม่มีไฟแบ็กไลต์ (Backlighting): หนึ่งในข้อสังเกตที่ผู้ทดสอบพบคือรถสมัยใหม่บางรุ่น เช่น Volkswagen ID.3 และ Seat Leon ที่ไม่มีไฟแบ็กไลต์ที่แผงทัชสกรีนสำหรับควบคุมสภาพอากาศ (Climate controls) ใต้หน้าจอทำให้ยากต่อการมองเห็นในตอนกลางคืน
2. การออกคำสั่งด้วยเสียง (Voice control): แม้ผู้ผลิตจะโฆษณาว่าผู้ใช้สามารถออกคำสั่งในรถได้ด้วยเสียง แต่ในความจริงมันอาจไม่ได้สะดวกขนาดนั้น เพราะระบบควบคุมด้วยเสียงไม่ได้ครอบคลุมทุกฟังก์ชัน และบางครั้งมันก็ทำงานไม่ได้ดีเหมือนที่โฆษณา
3. ตำแหน่งหน้าจอ: หน้าจอที่มีตำแหน่งต่ำและมีขนาดใหญ่อาจทำให้ยากต่อการมองและกดปุ่มเพื่อทำตามคำสั่งให้ถูกต้อง

ผลการทดสอบ

• รถรุ่นที่เข้าใจง่ายและใช้งานง่ายที่สุดคือ 2005 Volvo V70 ที่ผู้ทดสอบสามารถบรรลุ 4 คำสั่งได้ในเวลาเพียง 10 วินาที โดยรถขับไปด้วยความเร็ว 110 กม./ชม. ได้เพียงแค่ 306 เมตรเท่านั้น
• MG Marvel R มีผลงานแย่ที่สุด โดยใช้เวลาในการทดสอบทั้งหมด 44.6 วินาที (มากกว่า Volvo V70 กว่า 4 เท่า) และรถยนต์เคลื่อนที่ไปเป็นระยะทาง 1,376 เมตร
• Dacia Sandero และ Volvo C40 ทำงานได้ดีเนื่องจากระบบทัชสกรีนไม่มีฟีเจอร์อัดแน่นมากเกินไปและไม่ได้ซับซ้อน
• BMW iX และ Seat Leon ทำงานได้ดี แต่ระบบค่อนข้างซับซ้อน ผู้ทดสอบขับรถไปเกือบ 1 กิโลเมตรจึงสามารถทำตามคำสั่งได้สำเร็จ

ที่มา: ViBilagare

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส