บ็อบ เฮ็นดริกค์ (Bob Hendrikx) วัย 26 ปี นักออกแบบทางชีวะ จากมหาวิทยาลัยเดลฟต์ ได้คิดค้นโลงศพรูปแบบใหม่ ที่เขาตั้งชื่อว่า ‘Living Cocoon’ ที่สามารถแปลงร่างที่ไร้ลมหายใจของมนุษย์ให้กลายเป็นเห็ดได้ในระยะเวลาอันสั้น เพราะวัสดุที่ทำโลงศพนี้คือ mycelium ซึ่งก็คือเส้นใยของรา ที่จะเติบโตขึ้นมาเป็นเห็ด เฮ็นดริกค์กล่าวว่า โลงศพของเขานั้นเหมาะกับกลุ่มลูกค้าที่มีความห่วงใย ใส่ใจในระบบนิเวศของโลกเรา เมื่อตายไปแล้วก็ไม่อยากที่จะสร้างมลภาวะให้กับโลก และกระบวนการของเขานี้ก็เปรียบได้กับ “การรีไซเคิลร่างเรากลับคืนสู่ธรรมชาติ”

บ็อบ เฮ็นดริกค์ (Bob Hendrikx)

แนวคิดของเฮ็นดริกค์นั้น ได้รับการสนับสนุนโดย นักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเรื่องรา หรือที่เรียกว่า mycologists ซึ่งยืนยันว่า mycelium นั้นมีความสามารถในการย่อยสลายวัสดุได้มากมายหลากหลายรูปแบบ ที่กระบวนการทางธรรมชาติอื่น ๆ ไม่สามารถย่อยสลายได้

“mycelium นั้นสามารถย่อยสลายได้ทั้ง ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ทำมาจากน้ำมัน, พลาสติก, โลหะ และสารพิษ สิ่งสกปรก ของเสียต่าง ๆ แล้วแปลงสิ่งเหล่านี้เป็นสารอาหารคืนสู่ธรรมชาติได้ โลงศพนี้จึงสามารถแปลงร่างกายของเราเพื่อเป็นสารอาหารให้กับโลกของเราได้ ร่างกายของเราล้วนอุดมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหาร ฉะนั้นจงอย่าเสียเปล่า”

Living Cocoon

ในขณะที่โลงศพในปัจจุบันนั้นทำมาจากไฟเบอร์, ไม้ขัดเงา หรือโลหะ นั้นใช้เวลายาวนานหลายสิบปีกว่าจะย่อยสลายได้ แต่สำหรับ Living Cocoon นั้น ใช้เวลาสร้างเพียงแค่สัปดาห์เดียวเท่านั้น แล้วก็ใช้เวลาเพียง 2 – 3 ปีในการย่อยสลาย แต่ปัญหาก็คือ Living Cocoon ยังราคาค่อนข้างสูง ต่อ 1 โลงนั้นอยู่ที่ 1,350 เหรียญ หรือประมาณ 45,xxx บาท แต่เฮ็นดริกค์ก็หวังว่า ถ้าธุรกิจของเขาได้รับความนิยม และมีการสั่งผลิตในจำนวนมากขึ้น ราคาก็จะลดลง

เฮ็นดริกค์คาดหวังไปไกลว่า วันหนึ่งโลงศพทั้งโลกจะเป็นโลงแบบ Mylecium กันทั้งหมด เพราะว่าในวันนี้ มนุษย์คือสิ่งมีชีวิตที่ครอบครองโลก เราก็ควรที่จะคืนร่างกายของเราสู่โลก ตอบแทนที่เราล้วนติดหนี้ค้างโลกนี้จากการสร้างมลภาวะมากมายทิ้งไว้

LOOP บริษัทแม่ผู้ผลิต Living Cocoon ก็ยังคงเดินหน้าศึกษาต่อไปว่า เมื่อร่างกายมนุษย์เรานั้นย่อยสลายกลายเป็นดินแล้ว จะมีผลกระทบต่อคุณภาพดินนั้นอย่างไรบ้าง เพื่อที่จะนำข้อดีของกระบวนการนี้ไปนำเสนอผู้มีอำนาจในประเทศต่าง ๆ เพื่อหวังว่าจะสนับสนุนแนวคิดนี้แล้วออกกฏให้บังคับใช้โลงศพแบบ Mylecium กันในอนาคต เพื่อที่จะแปลงพื้นที่ต่าง ๆ ที่เต็มไปด้วยมลภาวะให้กลายเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ได้ด้วยสารอาหารจากร่างกายมนุษย์

ลูกค้าคนแรกที่ใช้บริการ เป็นหญิงเนเธอร์แลนด์ วัย 82 ปี ที่เสียชีวิตลงและเจาะจงให้ร่างเธอได้นอนอยู่ใน Living Cocoon ได้ทำพิธีศพไปเมื่อเดือนกันยายน 2020

อ้างอิง อ้างอิง