การพลาดพลั้งทำโทรศัพท์ตกระหว่างเซลฟีเป็นเรื่องที่เกิดกันเป็นปรกติ ในวันที่ผู้คนใช้มือถือถ่ายรูประหว่างไปเที่ยว แล้วโทรศัพท์หลุดมือตกไปในโถส้วมบ้าง ตกลงน้ำบ้าง แต่กรณีของนายราเยช วิชวัช ชาวอินเดียรายนี้สิ ทำโทรศัพท์มือถือตกเขื่อนยังไงถึงได้เป็นข่าวดังไปทั่วโลก

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ที่ผ่านมานี่เอง นายราเยช วิชวัช (Rajesh Vishwas) เจ้าหน้าที่ผู้ตรวจสอบอาหารชาวอินเดียวัย 32 ปี เป็นชาวรัฐฉัตติสครห์ ไปปิกนิกกับเพื่อน ๆ ที่อ่างเก็บน้ำปารัลคอต ระหว่างที่กำลังพักผ่อนอยู่นั้น วิชวัชก็หยิบโทรศัพท์ Samsung Galaxy S23 Ultra ขึ้นมาเซลฟี แต่แล้วโทรศัพท์เครื่องใหม่ของเขามูลค่ากว่า 40,000 บาท ก็พลาดหลุดมือตกลงไปในเขื่อน ถ้าเป็นเราก็คงต้องทำใจล่ะ แต่ไม่ใช่กับนายวิชวัช เพราะเขาใช้วิธีระบายน้ำออกจากเขื่อนเพื่อจะเก็บโทรศัพท์คืนมา ซึ่งนายวิชวัชให้เหตุผลว่า โทรศัพท์ของเขามีข้อมูลเกี่ยวกับงานที่สำคัญ

นายราเยช วิชวัช

ในขั้นแรกนั้น วิชวัชไปจ้างชาวบ้านมา 2-3 คน ให้ดำน้ำลงไปหาโทรศัพท์เขา แต่ผ่านไป 2 วันแล้วก็ยังหาไม่เจอ เขาจึงดำเนินการขั้นต่อไป ด้วยการไปเช่าเครื่องสูบน้ำดีเซลมา แล้วสูบน้ำออกไปจากเขื่อนให้ลดลงไปประมาณ 90 ซม. ภายในเวลา 2 วัน มีการประเมินว่าน้ำที่วิชวัชสูบออกไปนั้น สามารถใช้ประโยชน์ต่อพื้นที่การเกษตรได้มากถึง 3,700 ไร่เลยเชียว

คราวนี้ล่ะ วีรกรรมของนายวิชวัชก็กลายเป็นข่าวใหญ่ มีนักข่าวและสถานีโทรทัศน์มาทำข่าวและสัมภาษณ์นายวิชวัชกันมากมาย ซึ่งนายวิชวัชก็แก้ต่างว่า เขาไม่ได้กระทำการโดยพลการนะ แต่ได้รับการอนุญาตทางวาจาแล้วจาก “อาร์.ซี. ธิวาร์” เจ้าหน้าที่ของกรมทรัพยากรน้ำผู้มีอำนาจสั่งการในพื้นที่ ซึ่งนายวิชวัชอ้างว่า นายธิวาร์ก็ยังเห็นชอบด้วย แล้วยังบอกกับเขาว่า “ก็ดีนะ ได้เป็นประโยชน์กับชาวไร่ชาวนาอีกด้วย” ซึ่งในที่สุด นายวิชวัชก็ได้โทรศัพท์เขาคืนมา แต่มันก็ไม่สามารถใช้งานได้แล้ว

แต่พอเรื่องราวการเก็บกู้โทรศัพท์บันลือโลกนี้เป็นข่าวใหญ่ขึ้นมา นักข่าวก็ไม่สามารถติดต่อนายวิชวัชและนายธิวาร์ได้อีกเลย จึงมีการสืบสาวเรื่องราวไปยังนางปริญานกา ชุกลา ผู้พิพากษาประจำเขตดังกล่าว ซึ่งเธอก็ยืนยันว่า นายวิชวัชในมีสิทธิ์ในการระบายน้ำออกจากเขื่อน ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดก็ตาม ซึ่งนายวิชวัชก็ได้รับบทลงโทษด้วยการถูกปลดออกจากตำแหน่งหน้าที่ชั่วคราว ในข้อหาที่ว่า “ใช้ตำแหน่งหน้าที่ในทางที่ผิด”

เชื่อนปารัลคอต

ส่วนนายธิวาร์ที่ให้อนุญาตนายวิชวัชดำเนินการดังกล่าวนั้น ก็โดนหางเลขไปด้วย ทางเจ้าหน้าที่ระดับสูงออกคำสั่งให้นายธิวาร์ส่งรายงานเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 2 วัน ซึ่งเป็นไปได้อย่างมากว่านายธิวาร์จะถูกลงโทษทางวินัย

เรื่องราวของนายวิชวัชบานปลายกลายเป็นเรื่องราวในระดับการเมือง เมื่อนักการเมืองบางคนก็หยิบกรณีนี้มาวิพากษ์วิจารณ์ถึงการบริหาร อย่างเช่น นายรามัน ซิงห์ ผู้นำจากพรรคภารติยะชนตะ ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านได้ทวีตว่า
“ในวันนี้ท่ามกลางความร้อนระอุที่แผดเผา ผู้คนต่างก็ต้องพึ่งพาน้ำจากเขื่อน แต่กลับไม่มีการจัดการให้แม้แต่น้ำจะดื่ม” แต่การที่นายวิชวัชระบายน้ำในเขื่อนทิ้งเพื่อจะเก็บโทรศัพท์ของตัวเองแบบนั้น
“น้ำปริมาณขนาดนั้นสามารถใช้เพื่อการชลประทานกับพื้นที่กว่า 3,700 ไร่ได้เลย”

ภาพภูมิประเทศมุมกว้างของรัฐฉัตติสครห์ (Chhattisgarh)

นายวิชวัชก็ออกมาแย้งข้อความโจมตีดังกล่าวว่า ข้อมูลที่ว่ามานั้นเกินจริงไปมาก ซึ่งเขาอ้างว่าน้ำในเขื่อนปารัลคอตนั้นไม่ได้มีไว้เพื่อการชลประทานเสียด้วยซ้ำ ซึ่งแย้งกับข้อมูลของนางชุกลา ที่ยืนยันว่า ชาวนาในท้องถิ่นนั้นต่างต้องพึ่งพาน้ำจากเขื่อนเพื่อการทดน้ำในการทำไร่นา และยืนยันจะดำเนินการเอาผิดนายวิชวัชอย่างถึงที่สุด
“เขาจะต้องรับผิดชอบกับการที่ระบายน้ำทิ้ง เรื่องนี้มันเกินกว่าจะยอมความได้”

อินเดียเป็นหนึ่งในประเทศที่ขาดแคลนน้ำมากที่สุดในโลก อีกทั้งยังประสบกับคลื่นความร้อนและความแห้งแล้งครั้งใหญ่หลายครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ที่มา : nytimes