ดีงามเป็นที่สุดแทบหยุดลมหายใจเมื่อได้ฟังซิงเกิลใหม่จาก ‘INK WARUNTORN’ (อิ้งค์ วรันธร) ที่จับมือศิลปินญี่ปุ่นสุดคูล ‘THREE1989’ ถ่ายทอดบทเพลงรักเคล้าความคิดถึงสุดโรแมนติกในสไตล์ดนตรีซิตี้ป็อปที่จะทำให้คุณเคลิบเคลิ้มไปกับท่วงทำนองและบรรยากาศแห่งความรักชวนเคลิ้มฝัน

‘Last Train  (ラストトレイン)’ คือชื่อของบทเพลงซิงเกิลล่าสุดอันเป็นผลงานจากการร่วมงานกันระหว่าง INK WARUNTORN และ THREE1989 วงดนตรีสามหนุ่มจากญี่ปุ่น ประกอบด้วยโชเฮ อุเอมุระ (Shohey Uemeura) (ร้องนำ), ดาช ฮิเดอากิ อาดาจิ (Dach Hideaki Adachi) (ดีเจ), และ ชิโม ยูทากะ (Shimo Yutaka) (คีย์บอร์ด) ซึ่งเป็นวงที่อิ้งค์ชื่นชอบอยู่แล้ว จากการรู้จักพวกเขาผ่านรายการ TERRACE HOUSE ที่ โชเฮ นักร้องนำของวงได้เคยไปออกรายการมาและประทับใจกับโมเมนต์ที่ได้ฟังโชเฮแต่งเพลง “Rambling Rose” แบบสด ๆ ในรายการ ซึ่งเมโลดี้ของเพลงนี้ทำให้อิ้งค์นึกถึงภาพในวันวานและอยากร่วมงานกับวงมาก ๆ การได้มาร่วมงานกันในครั้งนี้จึงเป็นเหมือนฝันที่เป็นจริงของอิ้งค์

THREE1989

เพลงนี้อิ้งค์ทำไว้เป็นเวลากว่า 2 ปีแล้วจากช่วงที่มีความตั้งใจที่จะทำ EP Album ภาษาญี่ปุ่นเลยอยากทำเพลงที่ได้ร่วมงานกับศิลปินชาวญี่ปุ่นจึงเป็นที่มาของการได้ร่วมงานกับศิลปินที่อิ้งค์ชื่นชอบ เพลงนี้มีแรงบันดาลใจมาจากตอนที่อิ้งค์ไปที่ญี่ปุ่น ซึ่งอิ้งค์ได้หยิบช่วงเวลาที่จดจำได้ดีจากประสบการณ์ในครั้งนั้นผสานกับภาพของเวลาช่วงเที่ยงคืน ที่มีแต่ความเร่งรีบของผู้คนที่จะเดินทางขึ้นรถไฟเที่ยวสุดท้ายให้ทัน ต่างคนต่างรีบวิ่งกันให้พัลวัน เพราะมิเช่นนั้นหากพลาดรถไฟขบวนสุดท้ายไปก็คงต้องพบกับค่ำคืนที่เปลี่ยวเหงายาวนานและต้องหาทางกลับบ้านด้วยวิธีอื่นแทน ซึ่งอิ้งค์ได้พลิกมุมคิดและจินตนาการต่อว่า ถ้าหากยอมตกรถไฟเที่ยวสุดท้ายและได้ใช้เวลาต่อกับคนที่เราอยากอยู่ใกล้ ๆ ล่ะ มันจะดีขนาดไหน และนั่นก็คือที่มาของบทเพลง ‘Last Train’

ในส่วนของเนื้อร้องและทำนองของเพลงนี้ ตอนแรกอิ้งค์ได้ขึ้นเพลงร่วมกับข้าว Fellow Fellow และแทน Lipta จากนั้นจึงมาต่อกันกับทาง THREE1989 โดยจูนแนวคิดและไอเดียของทั้งสองฝ่ายเข้าด้วยกัน ในทุกท่อน ทุกท่วงทำนอง รวมไปถึงเนื้อร้องในภาษาญี่ปุ่นด้วย “ตอนที่ทำเพลงกันสนุกมากเพราะว่ามันเป็นเรื่องราวที่น่ารักจริง ๆ แล้วเพลงก็ค่อนข้างสนุกมาก ๆ มีท่อนภาษาญี่ปุ่นด้วย การอัดร้องก็ค่อนข้างสนุกสนาน ต้องทำการบ้านเรื่องภาษาเยอะมาก ๆ ส่วนท่อนของ THREE1989 ทางวงแต่งมาได้มีเอกลักษณ์ของวงมาก ๆ ทำให้เพลงนี้สมบูรณ์จริง ๆ”  ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างทำการบ้านของกันและกันอย่างเต็มที่ จนทำให้บทเพลงนี้มีเสน่ห์และเอกลักษณ์เป็นการผสมผสานกันระหว่างงานเพลงป๊อปแบบไทยและญี่ปุ่นที่กรุ่นไปด้วยกลิ่นอายของงานดนตรีซิตี้ป็อปเปี่ยมสีสันและแสนโรแมนติก

ในส่วนของมิวสิกวิดีโอเพลงนี้ก็เรียกได้ว่าโรแมนติกไม่แพ้ตัวเพลงเลย ด้วยงานภาพ มู้ดและโทนที่ดูฟรุ้งฟริ้ง ฟุ้งฝัน ให้บรรยากาศยามค่ำคืนที่ถึงแม้จะดูเหงา แต่แสงไฟยามค่ำคืนที่ส่องประกายและฉายเงาที่ทอดลงมาบนร่องรอยของหยาดฝนก็ดูจะช่วยทำให้ค่ำคืนนี้มีชีวิตชีวาขึ้น บวกกับความน่ารักอันเป็นกิมมิกเก๋ ๆ ในการติดต่อสื่อสารกันระหว่างคนที่อยู่ห่างไกลแต่ใจคิดถึงกันด้วยการใช้ตู้โทรศัพท์สาธารณะก็เป็นอะไรที่โรแมนติกและดูเรโทรเข้ากับบรรยากาศดนตรีซิตี้ป๊อปดีเหลือเกิน

แค่นี้ยังเก๋ไม่พอเพราะว่ายังมีความพิเศษอีกหนึ่งประการของ ‘Last Train’ นั่นก็คือเพลงนี้จะปล่อยออกมาให้แฟน ๆ ได้ฟังกันถึง 2 เวอร์ชัน นั่นคือเวอร์ชันเนื้อร้องภาษาไทยที่ปล่อยออกมาผ่านทางช่องยูทูบของ BOXX MUSIC และเวอร์ชันที่เราจะได้ยินเสียงร้องของอิ้งค์ในภาษาญี่ปุ่นซึ่งจะปล่อยมาทางช่องยูทูบของ THREE1989 ซึ่งไม่ว่าเวอร์ขั่นไหน ๆ ก็ดีต่อใจเหลือเกิน (แต่เชื่อได้ว่าหลายคนจะต้องแอบตื่นเต้นกับเวอร์ชันที่ภาษาญี่ปุ่นแน่ ๆ เพราะจะเป็นครั้งแรกที่ได้ฟังท่วงทำนองและเสียงร้องของอิ้งค์ในกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่น )

ลองปล่อยตัวปล่อยใจไปกับท่วงทำนองของ  ‘Last Train (ラストトレイン)’  แล้ววันหนึ่งหากเรากำลังมีช่วงเวลาที่มีความสุขกับใครมาก ๆ สักคน อย่าร้อนรนรีบกลับบ้าน ลองตกรถไฟด้วยกันสักทีเพื่อที่จะได้มีช่วงเวลาดี ๆ กับใครคนนั้นต่อไปและอาจชวนเขามาเพลิดเพลินไปกับบทเพลงนี้ด้วยกันก็ได้นะ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส