ระหว่างเดินทางมาทัวร์คอนเสิร์ตที่ไทย คัลลัม สก็อตต์ (Calum Scott) นักร้องชาวอังกฤษ เจ้าของเพลงฮิต “You Are The Reason”, “Biblical” และ “Dancing on My Own” ได้มานั่งคุยกับ beartai BUZZ เกี่ยวกับหลากหลายเรื่องราวทางดนตรี โดยเฉพาะแรงบันดาลใจจากโควิด-19 ที่เปลี่ยนผันเป็นความคิดสร้างสรรค์ ให้เขาประกอบอัลบั้มชุดล่าสุดของตัวเองออกมา

คุณทำยังไงถึงผ่านช่วงล็อกดาวน์มาได้ และคุณได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ไหมนอกจากการทำอัลบั้ม

สก็อตต์: ผมเกลียดล็อกดาวน์ ผมเชื่อว่าหลายคนก็เกลียดเหมือนกัน มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับทุกคน ตั้งแต่ช่วงปี 2015 ผมไม่ค่อยได้อยู่บ้านนาน ๆ แล้วอยู่ ๆ ชีวิตก็เปลี่ยน นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมไม่ได้ไปไหนเลย ผมล็อกดาวน์อยู่คนเดียวด้วย ผมไม่ได้มีหลาน ครอบครัว หรือเพื่อน ๆ อยู่ด้วย ผมเลยเหงาสุด ๆ

ผมทำอาหารไม่เป็น ผมไม่มีความอดทนที่จะไปฝึกวาดรูปหรืออะไรทำนองนั้น ช่วงนั้นเลยเป็นช่วงที่ยากมาก ๆ และผมก็รู้สึกไม่ค่อยมีแรงบันดาลใจ แต่ก็มีช่วงจุดเปลี่ยนที่ทำให้ผมได้แต่งเพลง “Rise” กับ “Biblical” ที่เป็นซิงเกิลจากอัลบั้มนี้ และหลังจากนั้นผมก็ทำอัลบั้มจนเสร็จ 

พอผมได้กลับมาเจอเพื่อนและครอบครัว เราก็มานั่งเล่นบอร์ดเกมกัน ผมพยายามทำอาหาร แต่มันไม่รอด ผมติดคุณแม่มาก แม่ผมทำอาหารอร่อยที่สุดในบ้านแล้วแหละ

ก่อนมาเป็นนักร้อง คุณเคยทำงานออฟฟิศมาก่อน คุณคิดว่าอะไรคือจุดเปลี่ยนของชีวิต

สก็อตต์: ก่อนที่ผมจะทำงานด้านดนตรีอย่างจริงจัง ผมทำงานออฟฟิศ เริ่ม 9 โมง เลิก 5 โมง ใช้ชีวิตธรรมดา ๆ ง่าย ๆ และผมก็ไม่รู้ว่าชีวิตผมจะเป็นยังไงต่อไป ผมทำงานนั้นมา 8 ปี และเวลาก็ผ่านไปเร็วมาก 

ผมรักดนตรีนะ แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จนน้องสาวของผมชวนผมไปออดิชัน Britain’s Got Talent ตอนนั้นผมก็บอกน้องว่า ผมเคยออดิชัน X Factor แล้ว แต่ไม่ผ่านเข้ารอบ ผมแค่อยากทำสิ่งที่ผมทำอยู่ตอนนั้น ซึ่งก็คือการเล่นดนตรีให้กับวง Maroon 4 (วงคัฟเวอร์ Maroon ของเขา) แต่น้องสาวของผมก็ยังบอกว่า “ไปออดิชันพร้อมกับฉันเถอะนะ” แล้วก็อย่างที่ทุกคนคงได้เห็นกันในอินเทอร์เน็ต น้องสาวผมเศร้าที่ตัวเองไม่ได้เข้ารอบ ส่วนผมก็ออกไปร้องเพลงจากใจและใช้อารมณ์นำพาไปให้มากที่สุด จนสุดท้ายมีคนกด Golden Buzzer แล้วชีวิตผมก็เปลี่ยนไป

คุณมีโอกาสพาน้องสาวไปทัวร์ด้วยไหม

สก็อตต์: บางครั้งครับ เธอเพิ่งไปโชว์ของผมในสหราชอาณาจักรนี่เอง นั่นเป็นโมเมนต์ที่พิเศษมาก เธอมาร้องเพลง “Heaven” กับเรา ทุกคนตื่นเต้นมาก และเธอก็มีส่วนร่วมในเส้นทางดนตรีของผม เราแต่งเพลงร่วมกันด้วย เธอถือเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของผมเลย

คุณคิดว่าเพลงไหนที่สะท้อนชีวิตของคุณได้ดีที่สุด

สก็อตต์: ถ้าเลือกจากเพลงของผมเองก็คงเป็น “You Are The Reason” หลัก ๆ เลยก็เพราะว่าจริง ๆ ข้างในผมเป็นคนซอฟต์ อ่อนไหวง่าย และผมชอบแสดงความรักที่มีกับผู้คน เพลง “You Are The Reason” สำหรับผมคือการเดินทาง เป็นเพลงเกี่ยวกับ “ผมจะทำทุกสิ่งเพื่อคุณ แต่ผมก็อยากจะแก้ไขในสิ่งที่ผมทำพังไปด้วย” มันไม่ใช่เพลงที่รัก รัก รัก อย่างเดียว แต่มันยังพูดถึงช่วงเวลาที่เศร้าและมืดมิดด้วย สะท้อนชีวิตที่มีขึ้นมีลง ผมเลยคิดว่า “You Are The Reason” เป็นเพลงที่สะท้อนความเป็นตัวผมออกมาได้ดี ตัวผมที่ชีวิตมีทั้งขึ้นทั้งลง แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่สำคัญจริง ๆ ก็คือความรัก

เพลงที่ทำให้คุณร้องไห้บ่อยที่สุด หรือรู้สึกผูกพันทางอารมณ์มากที่สุดคือเพลงอะไร

สก็อตต์: ผมว่าน่าจะเป็นเพลง “Bridges” เพราะมันเกี่ยวกับช่วงดาร์ก ๆ ช่วงที่ดิ่งที่สุดในชีวิตของผม มันเคยมีช่วงหนึ่งที่ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปดีไหม ทุกอย่างมันหนักมากสำหรับผมในตอนนั้น แต่ยังดีที่ผมสามารถใช้เพลงเป็นช่องทางในการสื่อสารความเศร้าและช่วงเวลาที่ยากลำบาก จนสร้างสิ่งใหม่ที่สวยงามออกมาได้ ผมภูมิใจมาก ๆ เลย

คุณโตมากับศิลปินคนไหน ใครที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับคุณและเพราะอะไร

สก็อตต์: ผมได้รสนิยมด้านดนตรีมาจากคุณแม่เลย แต่ก่อนแม่จะพาผมไปเรียนว่ายน้ำ ไปโรงเรียน ไปบ้านเพื่อน และเพลงที่เธอเปิดในรถก็จะเป็นเพลงของ วิตนีย์ ฮิวสตัน (Whitney Houston), ไมเคิล แจ็กสัน (Michael Jackson), จอร์จ ไมเคิล (George Michael), ทีนา เทอร์เนอร์ (Tina Turner) และ เอลตัน จอห์น (Elton John)

พอผมโตมาผมก็เริ่มฟังเพลงในแบบของตัวเองบ้าง เพลงป๊อปพวกวง NSYNC, Backstreet Boys, Spice Girls ผมว่าทุกอย่างรวมกันกลายเป็นดนตรีของผมทุกวันนี้ มีความเป็นป๊อปบ้าง แล้วก็มีบัลลาด เปียโน ผสมกันไปมา

พูดถึง ‘Bridges’ อัลบั้มล่าสุดบ้าง คุณใช้เวลาเท่าไหร่ในการทำอัลบั้มนี้ และได้แรงบันดาลใจมาจากไหน

สก็อตต์: การทำอัลบั้มนี้ยากกว่าอัลบั้มแรกนะ ตอนผมทำอัลบั้มแรกผมไม่รู้หรอกว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ ผมลอง ๆ แต่งเพลงไป แล้วก็คิดว่าการทำอัลบั้มมันคงเป็นประมาณนี้ล่ะมั้ง ในขณะที่อัลบั้มที่ 2 ผมรู้แล้วว่าต้องทำยังไง ความน่าตื่นเต้นมันก็เลยหายไปด้วย บวกกับพอเป็นอัลบั้มที่ 2 ผมก็จะมีความกังวลว่า มันจะดีพอไหม ถ้ามันไม่ดีเท่าอัลบั้มแรกล่ะ จะหาแรงบันดาลใจจากไหนดี คนจะฟังไหม 

ผมเริ่มทำอัลบั้มนี้ตอนปี 2019 เราแต่งเพลงกันจนถึงช่วงการแพร่ระบาด ผมต้องกลับจากอเมริกามาอยู่อังกฤษคนเดียว 4-5 เดือน เป็นช่วงล็อกดาวน์ที่ทุกอย่างมีขึ้นมีลง ผมมีช่วงเศร้า แล้วก็มีแรงบันดาลใจอีกครั้ง ผมแต่ง “Biblical” กับ “Rise” และทำอัลบั้มเสร็จช่วงล็อกดาวน์ จนได้มาปล่อยเพลงตอนปี 2022 สถานการณ์ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปมาเร็วมาก

ผมว่าอัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่จริงใจนะ และก็หวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนด้วย แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขที่สุดก็คือการได้ทัวร์อัลบั้มไปทั่วโลก และได้เห็นปฏิกิริยาของคนที่ฟังเพลงในทุก ๆ ที่ที่ผมไป

คุณเคยบอกว่าโควิดทำให้คุณกล้าที่จะอยู่คนเดียวมากขึ้น?

สก็อตต์: ตอนมีการแพร่ระบาดผมเห็นคนอื่น ๆ ที่เขามีลูกมีครอบครัวกันบอกว่า “นี่มันเยี่ยมไปเลย จะได้มีเวลาอยู่กับครอบครัว” ส่วนผมก็คืออยู่ในชุดนอน จิบไวน์ นั่งคิดว่า “เมื่อไหร่ทั้งหมดนี่มันจะจบเนี่ย”

แต่เขาก็พูดกันใช่ไหมล่ะว่า เราจะเติบโตขึ้นตอนที่เราก้าวออกจาก comfort zone ผมมองย้อนกลับไป ผมก็ดีใจนะที่ผมได้อยู่คนเดียว เพราะมันเป็นการบังคับให้ผมทำในสิ่งที่ผมไม่คิดจะทำมาก่อน อย่างการแต่งเพลงคนเดียว แต่งเพลงผ่านซูม และที่สำคัญก็คือการได้เห็นว่าตัวผมก็ทำได้นี่นา แต่ก่อนผมกลัวการอยู่คนเดียวมากเพราะผมชอบอยู่กับผู้คน แต่สุดท้ายผมก็ทำได้ นั่นก็เลยกลายเป็นพลังที่ทำให้ผมผ่านมันมาได้

เป้าหมายในวันนี้

สก็อตต์: ผมรู้สึกว่าตั้งแต่ตอนออดิชัน Britain’s Got Talent มันก็คือฝันเป็นจริง ยิ่งกว่าฝันเป็นจริง ยิ่งกว่าฝันเป็นจริงแล้ว ผมไม่เคยมาประเทศไทยเลย แต่เพลงของผมก็ทำให้ผมได้มาอยู่ที่นี่ ผมอยากจะกลับมาทัวร์ยาว ๆ ในประเทศไทยอีก และในประเทศอื่น ๆ ด้วย แล้วก็อยากจะเริ่มมีชีวิตครอบครัว 

มันก็น่ากลัวเหมือนกันนะ กับการมองไปถึงอนาคตแล้วคิดว่าผมอยากทำอะไร แต่ผมคิดว่าการมาอยู่ตรงนี้ การได้เล่นคอนเสิร์ตให้แฟน ๆ มันคือทุกอย่างที่ผมเคยฝันไว้แล้ว ผมเหมือนต้องหยิกตัวเองตลอดเพื่อจะดูว่าผมไม่ได้ฝันแล้วต้องตื่นขึ้นมาเจอว่าตัวเองยังทำงานออฟฟิศอยู่ และถ้าพูดถึงเป้าหมายในอนาคตก็คงจะเป็นเรื่องครอบครัวและการทำอัลบั้มใหม่ ๆ 

ก่อนจากเห็นว่าคุณชอบทานอาหารไทยมาก มีเมนูโปรดไหม

สก็อตต์: ผมดีใจที่ได้มาประเทศไทย ผมรักอาหารไทย เมนูที่ผมชอบคือแกงเขียวหวาน ผมรู้ว่ามันอาจจะเป็นเมนูง่าย ๆ แต่มันอร่อยมาก และผมรักชาไทย ผมหวังว่าจะได้ลองอย่างอื่นอีกนะในอนาคต

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส