‘ผลงานศิลปะ’ ที่เป็นผลงานของศิลปินที่มีชื่อเสียง ได้รับการยอมรับในระดับสากล มักจะมีมูลค่ามหาศาลระดับหลายล้านเหรียญ หรือประมาณหลัก 10 ล้านบาทไปจนหลัก 100 ล้านบาท ก็มี การได้ครอบครองงานศิลปะเหล่านี้ จึงเปรียบได้กับการได้ครอบครองของมีค่า บ่งบอกได้ถึงฐานะและรสนิยม และที่สำคัญสุด คืองานศิลปะเหล่านี้ล้วนมีเพียงแค่ชิ้นเดียว ด้วยเหตุนี้สถาบันการประมูลชั้นนำระดับโลก จึงจัดการประมูลงานศิลปะกันอยู่เนือง ๆ ให้เหล่ามหาเศรษฐีได้มาเสนอราคาแย่งชิงกันครอบครองงานศิลปะเหล่านี้

งานศิลปะเลอค่าเหล่านี้ หลาย ๆ ชิ้นก็สื่อได้ชัดถึงความสวยงามของรูปทรง สีสัน อารมณ์และสารที่ศิลปินที่ต้องการสื่อผ่านชิ้นงาน ด้วยรูปแบบอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตนของศิลปินแต่ละท่าน แต่ก็มีงานศิลปะหลายชิ้นที่เห็นแล้วชวนให้อึ้ง ทึ่ง กับมูลค่ามหาศาลของงานชิ้นนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับหน้าตาของชิ้นงานที่ต้องกล่าวว่า ช่างชวนฉงน สนเท่ ว่าเหตุใดหนอ งานศิลปะที่ดูธรรมด๊า ธรรมดา หรือสุดประหลาดเหล่านี้ ถึงได้มีมูลค่ามหาศาลขนาดนั้น และนี่คือ 10 งานศิลปะสุดประหลาดแต่มากมูลค่า ที่เราคัดสรรมานำเสนอครับ

1.Blood Red Mirror โดย เจอร์ฮาร์ด ริคเตอร์ – มูลค่า 1.1 ล้านเหรียญ

ชื่อผลงาน : Mirror, Blood Red

ศิลปิน : เจอร์ฮาร์ด ริคเตอร์ (Gerhard Richter)

ปีที่สร้างสรรค์ผลงาน : 1991

ลักษณะผลงาน : สีน้ำมันระบายด้านหลังแผ่นกระจกใส

ขนาด : 89 ซม.× 92 ซม.

ประเภท : ประติมากรรม

นี่คืองานศิลป์ ที่เราจะเห็นแต่สีแดงเลือดหมูล้วน ๆ ไม่มีลวดลายใด ๆ เลย ยิ่งชวนฉงนว่า งานชิ้นนี้มีเอกลักษณ์และได้โชว์ทักษะของศิลปินผู้สร้างออกมาอย่างใด เอกลักษณ์เพียงสิ่งเดียวของผลงานชิ้นนี้คือการใช้แผ่นกระจกแทนผ้าใบ ทำให้งานชิ้นนี้ถูกจัดประเภทเป็น “ประติมากรรม” แทนที่จะเป็นงาน “จิตรกรรม”

ไม่ใช่แค่เรา ๆ หรอกที่เข้าไม่ถึงคุณค่าของงานศิลปะชิ้นนี้ ในวันที่ผลงานชิ้นนี้ถูกนำออกเผยแพร่ บรรดานักวิจารณ์งานศิลปะต่างก็ให้ความเห็นว่า นี่เป็นงานศิลปะที่ว่างเปล่าสุด ๆ ไม่สามารถสื่อความหมายใด ๆ ได้เลย แต่เมื่อผ่านไป 20 ปี “Blood Red Mirror” ก็ได้พิสูจน์คุณค่าในตัวตนของมันเอง ด้วยการได้รับการประมูลไปในราคากว่า 1 ล้านเหรียญ เปรียบเสมือนว่า ศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานได้พิสูจน์ให้นักวิจารณ์ได้เห็นว่างานของเขามีความหมายจริง ๆ ที่ได้แฝงนัยสำคัญไว้ในผลงานของเขา ปัจจุบันผลงานชิ้นนี้อยู่ในความครอบครองของนักสะสมผลงานศิลปะ

2.Potato #345 โดย เควิน อะบอช – มูลค่า 1.08 ล้านเหรียญ

ชื่อผลงาน : Potato #345
ศิลปิน : เควิน อะบอช (Kevin Abosch)
ปีที่สร้างสรรค์ผลงาน : 2010
ลักษณะผลงาน : ภาพถ่ายผ่านกระบวนการอัดขยายผนึกบนอะลูมิเนียมคอมโพสิต
ขนาด : 162 ซม. X 162 ซม.
ประเภท : ภาพถ่าย

ภาพถ่ายนี้มีชื่อว่า “Potato #345″ เป็นผลงานของ เควิน อะบอช ช่างภาพชาวไอริช เป็นช่างภาพชื่อดัง ค่าตัวแพง ลูกค้าของเขามักจะเป็นผู้มีชื่อเสียง หรือนักธุรกิจในแวดวงซิลิคอนวัลเลย์ ที่จะใช้บริการอะบอชให้มาถ่ายภาพพอร์ตเทรตให้ เอกลักษณ์ในงานของอะบอชคือ “ภาพบุคคลที่มีฉากหลังเป็นสีดำ” ทำให้งานของอะบอชเป็นเสมือนสัญลักษณ์หนึ่งในการแสดงสถานะทางสังคมของเหล่าไฮโซ ถ้าเห็นผลงานภาพบุคคลแขวนอยู่ในบ้าน นั่นแปลว่าเจ้าของภาพนั้นได้จ่ายเงินค่าจ้างอะบอชเพื่อภาพนั้น ๆ ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 150,000 เหรียญ แต่ถ้าเป็นงานโฆษณา อะบอชอาจจะคิดค่าแรงสูงถึง 500,000 เหรียญต่องานเลยเชียว

ตัวอะบอชเองไม่ได้โปรดปรานแต่การถ่ายภาพบุคคล เขายังชอบถ่ายภาพในเชิงวิจิตรศิลป์อีกด้วย และนั่นคือที่มาของภาพ “Potato #345″
“อะบอชเขาชอบมันฝรั่ง เขาบอกว่า มันเหมืนกับคนเราที่มีความแตกต่างกัน แต่ก็มีเอกลักษณ์ที่สามารถระบุได้ว่ามาจากสายพันธุ์เดียวกัน เขาถ่ายภาพมันฝรั่งไว้เยอะมาก แต่ภาพนี้เป็นหนึ่งในภาพโปรดของเขา” สตูดิโอตัวแทนของอะบอชเล่าที่มาของภาพนี้

ที่มาของภาพ “Potato #345″ อันมากมูลค่าภาพนี้ มันเริ่มมาจาก ลูกค้าระดับมหาเศรษฐีรายหนึ่ง ไปเยี่ยมเยียนอะบอชถึงที่บ้านของเขาในปารีส เมื่อปี 2015 แล้วก็เห็นภาพนี้แขวนอยู่บนผนัง เขาจึงเอ่ยปากขอซื้อภาพนี้กับอะบอชเพื่อเก็บเข้าคอลเล็กชันส่วนตัวของเขา

การขายเกิดขึ้นเมื่อผู้ซื้อที่ร่ำรวยซึ่งสะสมผลงานของ Abosch ไปเยี่ยมบ้านของช่างภาพในปารีสในปี 2558 พวกเขาเห็นรูปถ่ายขนาด 162×162 ซม. ติดตั้งบน dibond แขวนอยู่บนผนังและสอบถามเกี่ยวกับการซื้อเพื่อสะสม ซึ่งผู้ซื้อได้ตกลงซื้อภาพนี้จากอะบอชในราคา 1 ล้านยูโร ประมาณ 36 ล้านบาท ทำให้ภาพนี้ติดอยู่ใน 20 อันดับ ภาพถ่ายที่ราคาแพงที่สุดตลอดกาล

3.Blue Fool โดย คริสโตเฟอร์ วูล – มูลค่า 5 ล้านเหรียญ

ชื่อผลงาน : Blue Fool
ศิลปิน : คริสโตเฟอร์ วูล (Christopher Wool)
ปีที่สร้างสรรค์ผลงาน : 1990
รูปแบบผลงาน : สีน้ำมันบนแผ่นอะลูมิเนียม
ขนาด : 274.3 ซม. X 182.9 ซม.
ประเภท : งานจิตรกรรม

เป็นอีกหนึ่งผลงานที่เราเห็นแล้วก็ชวน อึ้ง ทึ่ง กับรูปแบบการนำเสนอผลงาน ที่มีเพียงตัวอักษรอังกฤษสีน้ำเงินตัวหนา ๆ 4 ตัวบนผืนผ้าใบสีขาวเท่านั้น แต่นี่ก็คือรูปแบบการนำเสนอผลงานอันเป็นเอกลักษณ์ของศิลปินที่มีนามว่า คริสโตเฟอร์ วูล

คริสโตเฟอร์ วูล เป็นศิลปินชาวอเมริกัน อาศัยอยู่ในนิวยอร์ก เริ่มสร้างรรค์ผลงานมาตั้งแต่ยุค 80’s วูลมีแนวผลงานที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์คือการเขียนภาพเป็น คำสั้น ๆ ประโยคเดียว ซึ่งเป็นแนวที่เขาเขียนในช่วงต้นของอาชีพจิตรกร แต่ผลงานเหล่านี้ก็ทำให้เขากลายเป็นศิลปินระดับตำนานไปอีกคนหนึ่ง แนวคิดในการสร้างสรรค์ผลงานแนวนี้มาจากช่วงที่เขาอาศัยอยู่ในย่ายโลเวอร์อีสต์ ในนิวยอร์ก ปี 1987 เขาเห็นรถบรรทุกสีขาวมีตัวหนังสือคำว่า “SEX LUV” ขนาดใหญ่เขียนอยู่บนตู้บรรทุก วูลรู้สึกสะดุดตากับความเรียบง่ายและโดดเด่นของพลังจากตัวหนังสือเหล่านี้ที่สามารถดึงดูดสายตาได้ดี เขาจึงเลือกถ่ายทอดแนวคิดนี้ลงบนผลงานจิตรกรรมของเขา วูลเลยยึดรูปแบบ ตัวหนังสือสีเข้มขนาดใหญ่บนพื้นหลังสีขาวล้วน เป็นเอกลักษณ์ในการถ่ายทอดผลงานของเขานับแต่นั้น

“Blue Fool” เป็นงานจิตรกรรมในรูปแบบ “คำประโยคเดียว” ชิ้นแรกของวูล ซึ่งผลงานในหมวดเดียวกันนี้ มีทั้งหมด 7 ชิ้น และทั้ง 7 ชิ้นก็อยู่ใน Top 10 ผลงานของวูลที่มีราคาสูงที่สุดในการประมูล

4.Ballon Dog (Orange) โดย เจฟฟ์ คูนส์ – มูลค่า 58.4 ล้านเหรียญ

ชื่อผลงาน : Ballon Dog (Orange)
ศิลปิน : เจฟฟ์ คูนส์ (Jeff Koons)
ปีที่สร้างสรรค์ผลงาน : 1992
รูปแบบผลงาน : สแตนเลสสตีลขัดเงา เคลือบด้วยสีส้มโปร่งใส
ขนาด : 307.3 ซม. X 363.2 ซม. X 114.3 ซม.
ประเภท : ประติมากรรม

งานศิลปะชิ้นนี้ ค่อนข้างเป็นข่าวใหญ่ในปี 2013 เมื่อผลงานศิลปะชื่อว่า Balloon Dog (Orange) ถูกนำออกประมูลผ่านสถาบันการประมูล คริสตี ในกรุงนิวยอร์ก แล้วมีผู้ชนะเลิศการประมูลไปในราคาสูงลิ่วที่ 58.4 ล้านเหรียญ เทียบเท่า 1,967 ล้านบาท ทั้งที่หน้าตาของงานชิ้นนี้ก็คือ หมาลูกโป่ง ที่เรามักเห็นตัวตลกเอาลูกโป่งเส้นมาเป่าให้พองลมแล้วก็มัดเป็นตัวนั้นตัวนี้ให้เด็ก ๆ เล่น และงานชิ้นนี้ก็มีรูปลักษณ์เช่นเดียวกัน แต่ถูกสร้างขึ้นโดยวัสดุสแตนเลสสตีลที่มีขนาดใหญ่ ก็ต้องบอกว่าเข้าไม่ถึงหัวใจของชิ้นงานจริง ๆ ว่าทำไมมันถึงจบลงด้วยมูลค่ามหาศาลถึงเพียงนี้

เจฟฟรีย์ ลินน์ คูนส์ ปัจจุบันอายุ 68 ปี เป็นศิลปินชาวอเมริกัน เป็นศิลปินที่ถนัดสร้างผลงานสะท้อนวัฒนธรรมป๊อป และงานประติมากรรมของเขาก็มักจะจำลองภาพจากสิ่งของรอบตัว คูนส์เล่าว่าตัวเขานั้นหลงใหลในแสงสะท้อนบนพื้นผิวขัดมันมาโดยตลอด ศิลปินที่เป็นแรงบันดาลใจของเขาคือ ซัลวาดอร์ ดาลี และ แอนดี้ วาร์ฮอล บรรดานักวิจารณ์งานศิลปะมองว่า ผลงานของคูนส์นั้นใกล้เคียงกับงาน ป๊อปอาร์ต ที่ฉลาดในการหยิบสิ่งของธรรมดารอบตัวมาประยุกต์เป็นงานศิลปะที่น่าตื่นตา

อย่างเช่นงาน Balloon Dog (Orange) ชิ้นนี้ นักวิจารณ์ก็บอกว่า คูนส์ตั้งใจนำเสนอนัยที่มีความย้อนแย้งในตัวเอง เป็นงานที่สร้างโดยโลหะที่หนักถึง 1 ตัน แต่นำเสนอในภาพลักษณ์ของลูกโป่งที่มีน้ำหนักเบาหวิว ด้วยภาพลักษณ์ของลูกโป่งที่เปราะบางแต่สร้างด้วยวัสดุที่โลหะที่มีความแข็งแกร่ง จากลูกโป่งที่มีราคาถูกแต่ถูกสร้างให้มีขนาดใหญ่โตดูอลังการ แต่ตัวคูนส์เองกลับยอมรับว่า เขาสร้างผลงานชิ้นนี้ขึ้นมาโดยไม่ได้ต้องการสื่อนัยใด ๆ เลย

“ผมก็แค่ชอบตุ๊กตาจากลูกโป่งแค่นั้นเอง เพราะมันก็มีส่วนหนึ่งที่เหมือนมนุษย์เรา ตัวเราก็เปรียบเหมือนเครื่องจักรที่ต้องการอากาศหายใจ คุณหายใจเข้าไป คุณมีชีวิต นั่นคือการมองโลกในแง่ดี แต่เมื่อคุณหายใจออกไปหมด มันก็เปรียบเหมือนสัญลักษณ์ของความตาย”

ปัจจุบัน Ballon Dog (Orange) ไม่ใช่ผลงานที่มูลค่าสูงสุดของคูนส์ เพราะ “Rabbit” ถูกประมูลไปในราคา 91 ล้านเหรียญ เมื่อปี 2019

5.Untitled โดย ไซ ทวอมบลี – มูลค่า 69.6 ล้านเหรียญ

ชื่อผลงาน : Untitled
ศิลปิน : ไซ ทวอมบลี ( Cy Twombly)
ปีที่สร้างสรรค์ผลงาน : 1970
รูปแบบผลงาน : สีน้ำมันแบบทาบ้านและเกรยองบนผืนผ้าใบ
ขนาด : 405 ซม. x 640.3 ซม.
ประเภท : จิตรกรรม

นี่เป็นอีกงานจิตรกรรม ที่ใครเห็นก็ต้องชวนทึ่ง กับหน้าตาของผลงาน ที่มีแต่ลายเส้นวน ๆ เหมือนลายมือหมอ 4 แถวบนพื้นหลังสีเทา ที่ต้องบอกตามตรงว่าพิจารณาอย่างไรก็มองไม่เห็นความงานของผลงานจิตรกรรมชิ้นนี้เลย แต่นี่คือผลงานที่มีมูลค่ามหาศาลถึง 69.6 ล้านเหรียญ เทียบเท่าเป็นเงินไทยที่ 2,344 ล้านบาทเลยเชียว

ไซ ทวอมบลี เป็นศิลปินที่มีความสามารถหลากหลาย เป็นทั้งจิตกร ประติมากร และช่างภาพ เขาเสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี 2011 ด้วอายุ 83 ปี ทวอมบลีเป็นหนึ่งในศิลปินอเมริกันรุ่นใหม่ ที่เกิดขึ้นในยุคหลัง Abstract Expressionists ผลงานที่โดดเด่นของทวอมบลี ถูกสร้างขึ้นในช่วงปี 1967 – 1971 เป็นงานชุดที่มีชื่อเสียงที่สุดของทวอมบลี งานชุดนี้จะเป็นลายเส้นสีขาวบนพื้นสีเทา ไม่สามารถสื่อเป็นข้อความใด ๆ ได้ มองแล้วเหมือนลายเส้นของชอล์กบนกระดานดำ ในการสร้างสรรค์งานชุดนี้ เขามีเทคนิคในการเขียนอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ประหลาด กล่าวคือเขาจะขี่คอเพื่อน โดยที่เพื่อนทำหน้าที่เสมือนดอลลี่ ด้วยวิธีการนี้ทวอมบลีจึงสามารถลากลายเส้นไปตลอดความยาวของพื้นผ้าใบได้อย่างลื่นไหลต่อเนื่อง

6.America โดย เมาริซิโอ คัตเตลัน – มูลค่า (โดยประมาณ) 4 ล้านเหรียญ

ชื่อผลงาน : America
ศิลปิน : เมาริซิโอ คัตเตลัน (Maurizio Cattelan)
ปีที่สร้างสรรค์ผลงาน : 2016
รูปแบบผลงาน : ทองคำ 18 K
ขนาด : ไม่ระบุขนาด ทราบเพียงน้ำหนัก 103 กก.
ประเภท : ประติมากรรม

America เป็นประติมากรรมที่สร้างขึ้นในปี 2016 โดย เมาริซิโอ คัตเตลัน ศิลปินชาวอิตาลี ที่ชอบสร้างผลงานแนวเสียดสี ผลงานชิ้นนี้ ถูกสร้างขึ้นมาเป็นชักโครกที่ใช้งานได้จริง ทำจากทองคำแท้ 18 กะรัต เป็นสมบัติของ พิพิธภัณฑ์ โซโลมอน อาร์ กุกเกนไฮม์ ในกรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2019 พระราชวังเบลนไฮม์ ในอังกฤษ ได้ขอยืม “America”มาจัดแสดง แต่ถูกขโมยไป

คัตเตลันสร้างผลงานชิ้นนี้ขึ้นเมื่อปี 2016 เป็นงานที่สั่งผลิตโดยตรงจาก พิพิธภัณฑ์ โซโลมอน อาร์ กุกเกนไฮม์ คัตเตลันหล่อ America ขึ้นมาในโรงหล่อในเมืองฟลอเรนซ์ โดยหล่อทีละส่วนแล้วมาเชื่อมเข้าด้วยกัน ใช้ทองคำไปทั้งหมด 103 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 4 ล้านเหรียญ ถ้าคำนวณตามราคาทองคำแท่ง มีการประเมินว่ามูลค่าอาจสูงถึง 6 ล้านเหรียญ คัตเตลันสร้าง “America”ขึ้นมาโดยจำลองแบบมาจากชักโครกยี่ห้อ Kohler ซึ่งห้องน้ำในพิพิธภัณฑ์ก็ใช้ชักโครกแบบนี้อยู่ ที่น่าสนใจก็คือ “America” ถูกนำไปติดตั้งในห้องน้ำสาธารณะในพิพิธภัณฑ์ ให้ผู้เข้าเยี่ยมชมได้ใช้จริง ผลก็คือ มีผู้คนต่อแถวยาวกว่า 100,000 คิวเพื่อจะใช้ชักโครก “America” นี้

กันยายน 2019 มีการจัดแสดงผลงานของ เมาริซิโอ คัตเตลัน ในพระราชวังเบลนไฮม์ America จึงถูกยืมไปแสดงด้วย โดยติดตั้งในห้องน้ำที่ วินสตัน เชอร์ชิลล์ เคยใช้มาก่อน แต่ก็ถูกขโมยไป ตัวแทนพระราชวังกล่าวว่า หัวขโมยน่าจะรู้รายละเอียดในวันที่นำ America มาติดตั้ง แต่ทางพระราชวังก็ชะล่าใจ เพราะคิดว่า America ติดตั้งโดยเชื่อมโยงกับระบบประปาทั้งหมดภายในพระราชวัง จึงไม่ได้มีการวางเจ้าหน้าที่ควบคุมแน่นหนาเท่าที่ควร แต่เมื่อ America โดนงัดออกไปจริง ก็ทำให้เกิดน้ำท่วมและสร้างความเสียหายต่อของมีค่าที่จัดแสดงในพระราชวังอีกด้วย จนปัจจุบันก็ยังไม่มีการตามหัวขโมย และตามหา America คืนมาได้ แม้ว่าทางพระราชวังจะตั้งรางวัลนำจับไว้ที่ 124,000 เหรียญก็ตาม มีการคาดเดาว่า ชักโครก America น่าจะถูกนำไปหลอมละลายเรียบร้อยแล้ว

7.Lobster Telephone โดย ซัลาดอร์ ดาลี มูลค่า 304,000 เหรียญ

ชื่อผลงาน : Lobster Telephone
ศิลปิน : ซัลวาดอร์ ดาลี (Salvador Dalí)
ปีที่สร้างสรรค์ผลงาน : 1936
รูปแบบผลงาน : โทรศัพท์จริง และ ปูนพลาสเตอร์
ขนาด : 15 ซม. x 30 ซม. x 17 ซม.
ประเภท : ศิลปะสื่อผสม

ชิ้นนี้เป็นงานศิลปะที่ราคาต่ำสุดใน 10 รายชื่อนี้แล้ว ทั้งที่เป็นผลงานของ ซัลวาดอร์ ดาลี ศิลปินแนวเซอเรียลลิสต์ชื่อก้องโลก งานชิ้นนี้มีชื่อว่า Lobster Telephone หรืออีกชื่อหนึ่งว่า Aphrodisiac Telephone เป็นงานที่ดาลีสร้างขึ้นในปี 1936 เพื่อมอบให้กับ เอ็ดวาร์ด เจมส์ (Edward James) กวีชาวอังกฤษ ที่เป็นนักสะสมงานศิลปะแนวเซอเรียลลิสต์

นี่คือตัวอย่างงานศิลปะสุดคลาสสิกในแนวเซอเรียลลิสต์ ที่เกิดจากการนำสิ่งของต่าง ๆ ที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันเลย แต่ถูกนำมาประกอบกัน ก็ให้เกิดผลงานที่มีนัยแอบแฝงทั้งในเชิงหยอกล้อและคุกคาม เพราะตัวดาลีนั้น มีความเชื่อว่า วัตถุในงานชิ้นนี้สามารถเปิดเผยความปรารถนาที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้จิตใต้สำนึกออกมาได้ ดาลีมองว่ากุ้งก้ามกรามและโทรศัพท์นั้นมีความหมายทางเพศที่ชัดเจน งานของดาลีในช่วงปลายยุค 30’s อย่างเช่น Mountain Lake ก็มีโทรศัพท์ปรากฏอยู่ในภาพ และกุ้งลอบสเตอร์ก็มีให้เห็นอยู่ในงานและงานออกแบบของดาลีเช่นกัน ซึ่งเขามักจะสื่อในเชิงความสุขทางกามารสและความเจ็บปวด

ในงาน New York World’s Fair ปี 1939 ดาลีก็สร้างสื่อมัลติมีเดียชื่อ Dream of Venus มีภาพนางแบบสวมชุดที่ทำมาจากอาหารทะเล ซึ่งมีกุ้งลอบสเตอร์มาปิดตรงอวัยวะเพศหญิง โดยส่วนหางของกุ้งจะอยู่บริเวณอวัยวะเพศหญิงพอดี ซึ่งเป็นอีกครั้งที่ดาลีนำอาหารทะเลมาเปรียบในเชิงสัญลักษณ์ทางเพศอย่างชัดเจน เช่นเดียวกับงาน Lobster Telephone ที่หางของกุ้งลอบสเตอร์ก็จะอยู่บริเวณหูโทรศัพท์ด้านปากพูดพอดี

8.The Physical Impossibility of Death in the Mind of Someone Living โดย แดเมียน เฮิร์สต์ มูลค่า 12 ล้านเหรียญ

ชื่อผลงาน : The Physical Impossibility of Death in the Mind of Someone Living
ศิลปิน : แดเมียน เฮิร์สต์ (Damian Hirst)
ปีที่สร้างสรรค์ผลงาน : 1991
รูปแบบผลงาน : ซากปลาฉลามจริงในตู้ปลา
ขนาด : 213 ซม. x 518 ซม. x 213 ซม.
ประเภท : คอนเซ็ปชวลอาร์ต (Conceptual art)

เป็นงานศิลปะที่มีชื่อยาวมาก “The Physical Impossibility of Death in the Mind of someone Living” และมีขนาดใหญ่มาก เพราะเป็นอ่างปลาที่มีฉลามเสือขนาดตัว 4.3 เมตร แช่อยู่ภายใน ขนาดของอ่างจึงยาวถึง 5 เมตร 18 ซม. เป็นผลงานศิลปะของ แดเมียน เฮิร์สต์ ศิลปินชาวอังกฤษ ที่เป็นสมาชิกระดับแนวหน้าของกลุ่ม “Young British Artists”

เฮิร์สต์สร้างงานศิลปะชิ้นนี้ขึ้นมาในปี 1991 ตามที่ได้รับว่าจ้างจาก ชาร์ล ซาทชิ (Charles Saatchi) นักธุรกิจชาวอิรักเจ้าของเอเยนซี่โฆษณาระดับโลก เขาใช้ซากฉลามเสือจริงมาแช่ในสารฟอร์มาลีไฮด์อยู่ในตู้ปลา และนำไปจัดแสดงครั้งแรกที่ Saatchi Gallery ในปี 1992 เป็นการแสดงผลงานครั้งแรกของกลุ่ม Young British Artistsและครั้งต่อไป จัดแสดงที่ St John’s Wood ทางตอนเหนือของลอนดอน

หลังจากนั้น ซาทชิก็ขายงานศิลปะชิ้นนี้ให้กับ สตีเวน เอ.โคเฮน ในปี 2004 ด้วยราคาราว ๆ 8 ล้านเหรียญ เมื่อเฮิร์สต์รู้ว่าซาทชิกำลังจะขายงานชิ้นนี้ให้กับโคเฮน เขาจึงเสนอให้มีการเปลี่ยนปลาตัวใหม่ เพราะฉลามตัวเดิมเริ่มเสื่อมสภาพแล้ว โดยโคเฮนเป็นคนออกทุนค่าสารฟอร์มาลีไฮด์ ซึ่งมีราคาประมาณ 100,000 เหรียญ และฉลามตัวใหม่ก็เป็นฉลามเพศเมียอายุราว ๆ 25 – 30 ปี ถูกจับได้นอกชายฝั่งควีนส์แลนด์ แต่ตัวนี้นักวิทยาศาสตร์จากพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติแห่งลอนดอน ก็ช่วยเหลือในการเก็บรักษาปลาฉลามด้วยแนวทางใหม่ ด้วยการฉีดสารฟอรมาลีไฮด์เข้าไปในตัวปลา

เมื่อปลาฉลามในตู้ถูกเปลี่ยนตัว จึงมีคำถามสะท้อนกลับมาที่ตัวเฮิร์สต์มากมายว่า ถ้าแบบนี้แล้วยังคงถือว่างานศิลปะชิ้นนี้ยังคงคุณค่าเดิมอยู่หรือไม่ เฮิร์สต์ก็ตอบว่า
“ก็ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ เพราะศิลปินและนักอนุรักษ์ต่างก็มีความเห็นที่แตกต่างกัน ว่าอะไรสำคัญกว่า ระหว่างตัวชิ้นงาน หรือ ความตั้งใจดั้งเดิมในการสร้างผลงาน ตัวผมเป็นศิลปินแนวคอนเซ็ปชวล ฉะนั้นผมจึงยึดความตั้งใจเดิมไว้เป็นสำคัญ มันยังคงเป็นงานศิลปะชิ้นเดียวกัน”

9.Monogram โดย โรเบิร์ต เราส์เชนเบิร์ก – มูลค่า 88.8 ล้านเหรียญ

ชื่อผลงาน : Monogram
ศิลปิน : โรเบิร์ต เราส์เชนเบิร์ก (Robert Rauschenberg)
ปีที่สร้างสรรค์ผลงาน : 1955
รูปแบบผลงาน : น้ำมัน, กระดาษ, ผ้า, กระดาษพิมพ์, โลหะ, เนื้อไม้, ส้นรองเท้ายาง, ลูกเทนนิส, แพะพันธุ์แองโกราสตัฟฟ์ และยางรถยนต์ บนผืนผ้าใบผนึกบนแท่นไม้ติดล้อสี่ล้อ
ขนาด : 106.7 ซม. × 160.7 ซม. × 163.8 ซม.
ประเภท : ศิลปะแนวผสมผสาน

นี่เป็นผลงานศิลปะอีกชิ้น ที่ศิลปินเลือกใช้ซากสัตว์สตัฟฟ์มาเป็นองค์ประกอบหลักในการสร้างสรรค์ผลงาน ซึ่งผลงานชิ้นนี้ศิลปินเลือกใช้ซากแพะแองโกรา

โรเบิร์ต เราส์เชนเบิร์ก เป็นศิลปินชาวอเมริกัน เขาสร้างผลงานชุด Monogram ขึ้นในช่วงปี 1955 – 1959 เป็นศิลปะสื่อผสมที่ประกอบไปด้วยแพะแองโกราสตัฟฟ์มียางรถยนต์ครอบอยู่บริเวณลำตัว เราส์เซนเบิร์กกล่าวว่าผลงาน ‘Monogram” ของเขานั้น เป็นการผสมผสานระหว่างงานจิตรกรรมและประติมากรรม เขาจึงเรียกแนวทางงานศิลปะของเขาว่า “Combine” เพราะมันประกอบไปด้วย งานประติมากรรมลอยตัว ผสมกับ งานจิตรกรรมบนผืนผ้าใบ เราส์เซนเบิร์กเล่าว่าเขาเห็นแพะแองโกราสตัฟฟ์ครั้งแรกโชว์อยู่ในร้านขายฟอร์นิเจอร์มือสอง ที่นิวยอร์ก เขาซื้อมันมาในราคา 15 เหรียญ เป็นเงินทั้้งหมดที่เขามีขณะนั้น จากนั้นอีก 4 ปีต่อมา เขาก็สร้าง Monogram ขึ้นมาอีก 3 เวอร์ชัน จนถึงเวอร์ชันที่ 3 เขาจึงพอใจ

ตลอดระยะเวลาการทำงาน 6 ทศวรรษของเราส์เซนเบิร์ก เขาเปิดรับวัฒนธรรมป๊อป การทดลองทางเทคนิค และการผสมผสานวัสดุ ซึ่งเขาประยุกต์ขึ้นจากวัสดุที่ทิ้งแล้วและวัตถุพื้นๆ เช่น แผ่นโลหะ หนังสือพิมพ์ ยางรถยนต์ และร่ม เขาสร้างภาพซิลค์สกรีนสีสันสดใสแล้วทาสีทับ ภาพถ่ายคอลลาจที่มาจากหนังสือและนิตยสาร

ในปี 1964 เราเชนเบิร์กสร้างประวัติศาสตร์เมื่อเขากลายเป็นชาวอเมริกันคนแรกที่ได้รับรางวัลสิงโตทองคำที่งาน Venice Biennale เราส์เซนเบิร์กมีการแสดงผลงานเดี่ยวที่ Guggenheim, Tate Modern, Centre Pompidou และ Moderna Museet รวมถึงสถาบันอื่นๆ ผลงานของเขาอยู่ในคอลเล็กชันทั่วโลก และงานหลายชิ้นก็ผ่านการประมูลในมูลค่ากว่าสิบล้านเหรียญ

10.In Advance of the Broken Arm โดย มาร์แซล ดูว์ช็อง มูลค่า 9.9 ล้านเหรียญ

ชื่อผลงาน : In Advance of the Broken Arm
ศิลปิน : มาร์แซล ดูว์ช็อง (Marcel Duchamp)
ปีที่สร้างสรรค์ผลงาน : 1915
รูปแบบผลงาน : พลั่ว
ขนาด : 35 ซม. x 132 ซม.
ประเภท : ประติมากรรม

ที่เราเห็นอยู่นี่คือพลั่วตักหิมะ ที่ห้อยด้วยลวดอยู่กลางอากาศ แต่มีมูลค่าสูงถึง 9.9 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 233 ล้านบาท ที่มีมูลค่าลิบลิ่วเพียงนั้น น่าจะเป็นเพราะนี่คือผลงานของศิลปินผู้มีบทบาทอย่างมากในประวัติศาสตร์ของวงการศิลปะ

มาร์แซล ดูว์ช็อง เป็นศิลปินชาวฝรั่งเศส เขาเป็นศิลปินที่มีบทบาทอย่างมากยุค 20’s เป็นผู้บุกเบิกแนวทางใหม่ให้กับศิลปินในยุค อวองต์การ์ด เขาเคยสร้างสรรค์งานในแนว Cubist อยู่ช่วงสั้น ๆ ก่อนจะบุกเบิกศิลปะแนวทางใหม่อย่างเช่น Dada และ Conceptualism ดูว์ช็องฝึกฝนการสร้างงานศิลปะหลากหลายแนว ทั้งวาดเส้น ลงสี และประกอบวัสดุต่าง ๆ แต่แนวทางที่สร้างชื่อเสียงให้เขามากที่สุด คืองานประติมากรรมจากวัสดุสำเร็จรูป เช่น โถปัสสาวะ, พลั่ว, ล้อจักรยาน

ดูว์ช็องมองว่าการสร้างงานศิลปะจากวัสดุอุปกรณ์สำเร็จรูปนั้น เป็นการเปิดหนทางใหม่ ๆ ในการสร้างงานศิลปะให้หลุดพ้นจากข้อจำกัดเดิมๆ หลังจากสำเร็จการศึกษาจาก Académie Julian ดูว์ช็องก็มีบทบาทกับศิลปินในแนวอวองต์การ์ด ในนิวยอร์ก และ ปารีส งานของเขามีมูลค่าถึงหลักสิบล้านเหรียญ และอยู่ในค็อลเล็กชันของสถาบันชั้นนำต่าง ๆ ทั่วโลก รวมไปถึง รวมถึงพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ เทต พิพิธภัณฑ์ชเวริน Staatliches พิพิธภัณฑ์กุกเกนไฮม์ และพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน

สำหรับงานชิ้นนี้ “In Advance of the Broken Arm” เป็นงานประติมากรรมที่ดูว์ช็องสร้างขึ้นในปี 1915 ที่สร้างขึ้นจากพลั่วตักหิมะธรรมดา ๆ เลย มีลายมือของเขียนไว้ที่ด้ามจับว่า “from Marcel Duchamp 1915” มีคำอธิบายถึงชื่อของผลงานชิ้นนี้ว่า ถ้าไม่มีพลั่วตักหิมะแบบนี้แล้วล่ะก็ อาจจะมีใครบางคนต้องลื่นหิมะแล้วล้มจนแขนหักกันบ้าง งานศิลปะที่แฝงเนื้อหาตลกขบขันแบบนี้ เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของศิลปินในแนว Dadaist งาน In Advance of the Broken Arm ชิ้นต้นฉบับเคยถูกจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะ มหาวิทยาลัยเยล แล้วก็สูญหายไป (อีกแล้ว) ปัจจุบันชิ้นงานจำลองจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะ มหาวิทยาลัยเยล รัฐคอนเนกติคัต

ที่มา : mensxp neso-art luxurylaunces lolwot hanginginvestments demilked