Cast Away หรือชื่อไทย คนหลุดโลก ภาพยนตร์ปี 1999 น่าจะเป็นภาพยนตร์เรื่องโปรดของหลาย ๆ คน เป็นหนึ่งในผลงานโดดเด่นของ ทอม แฮงส์ (Tom Hanks) ที่ส่งให้เขาได้เข้าชิงออสการ์สาขานักแสดงนำชายเป็นครั้งที่ 5 แต่ก็พลาดไปอย่างน่าเสียดาย แต่ถึงกระนั้นหนังก็ประสบความสำเร็จทางด้านรายได้อย่างล้นหลาม หนังทำรายได้จากทั่วโลกไปเป็นเงิน 429 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างที่ 90 ล้านเหรียญ

นับถึงวันนี้หนังก็มีอายุ 24 ปี เข้าไปแล้ว แต่ก็เชื่อว่า หลาย ๆ คนน่าจะยังคงหยิบ Cast Away มาดูซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่หลายรอบ เพราะหนังมีจุดน่าประทับใจมากมาย ทั้งในด้านการแสดงที่ทุ่มเทอย่างหนักของ ทอม แฮงส์ ที่ลงทุนลดน้ำหนักจนผอม ไว้หนวดเครารุงรังสมกับเป็นคนติดเกาะจริง ๆ และสิ่งที่ผู้ชมทั่วโลกจดจำและกลายเป็นสัญลักษณ์ของหนังเรื่องนี้ก็คือ “วิลสัน” เจ้าลูกวอลเลย์ ที่ทำหน้าที่เพื่อนของ ชัค โนแลนด์ บทของแฮงส์ในเรื่องนี้ แล้วรู้หรือไม่ครับว่า บิล บรอยส์ (Bill Broyles Jr.) ผู้เขียนเรื่อง Cast Away นั้น สร้างวิลสันขึ้นมาจากประสบการณ์จริงของเขาเอง

บิล บรอยส์ จูเนียร์ (Bill Broyles Jr.)

“คุณควรต้องพิจารณาสิ่งต่าง ๆ รอบตัวจากประสบการณ์จริงของคุณเอง บางครั้งก็เป็นประสบการณ์ที่คุณประสบพบเจอมาด้วยตัวเอง บางครั้งก็เอามาจากการพูดคุยกับผู้คน ซึ่งคุณต้องพยายามเข้าใจพวกเขาและเข้าถึงประสบการณ์ของพวกเขาด้วย” บิล บรอยส์ จูเนียร์

บรอยส์เป็นนักเขียนบทภาพยนตร์ที่มีผลงานโดดเด่นมากมาย เขาเป็นชาวเท็กซัสโดยกำเนิด เคยเป็นทหารไปรบในเวียดนาม พอปลดประจำการเขาก็มายึดอาชีพนักข่าว ก่อนจะมาลงเอยด้วยการเขียนบทภาพยนตร์ และนิยายหลายเล่ม อย่างเช่น Brothers in Arms, Goodbye Vietnam ผลงานบทภาพยนตร์ของเขาหลายเรื่องก็เป็นหนังสงคราม เพราะเขาได้ใช้ประสบการณ์จริงจากตอนที่เป็นทหาร ตัวอย่างเช่น Jarhead, Flags of Our Fathers และร่วมเขียน Saving Private Ryan รวมไปถึง Apollo 13 ที่ส่งให้เขาได้เข้าชิงออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม และ Cast Away ที่เรากำลังพูดถึงนี้ ก็เป็นเรื่องที่บรอยส์เขียนเรื่องเพื่อเป็นบทภาพยนตร์ดั้งเดิม

บิล บรอยส์ ในวันที่ไปทดลองใช้ชีวิตบนเกาะ

เริ่มต้นจากบรอยส์มีโครงเรื่องเกี่ยวกับพนักงาน Fedex ที่ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตก แต่รอดชีวิตแล้วไปติดเกาะอยู่คนเดียวนานถึง 4 ปี บรอยส์จึงเริ่มต้นด้วยการหาข้อมูลด้วยตัวเอง เขาจ้างผู้เชี่ยวชาญการเอาชีวิตรอดชาวมอร์มอน ในรัฐยูทาห์ ให้ไปส่งเขาบนเกาะห่างไกลแห่งหนึ่งในเม็กซิโก สอนให้เขาจุดไฟ แล้วปล่อยให้เขาอยู่บนเกาะนั้นคนเดียวเป็นเวลา 10 วัน โดยไม่ต้องมีอาหาร อุปกรณ์ใด ๆ ไม่มีที่พัก
“ผมต้องหัดทำหอกจากหินเพื่อไปแทงปลา หรือปลากระเบน แล้วผมก็กินมันทิ้งดิบ ๆ ผมต้องเลียน้ำจืดจากใบไม้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณเห็นโนแลนด์ทำในหนัง ผมทำมาหมดแล้ว”

เมื่อต้องเผชิญกับความโดดเดี่ยวเข้าจริง ๆ บรอยส์รู้สึกว่าเขาเริ่มเลื่อนลอย และต้องการเพื่อน
“ในเช้าวันหนึ่ง ผมลงไปเดินที่ชายหาด แล้วก็เจอลูกวอลเลย์ถูกคลื่นซัดมาอยู่บนชายฝั่ง นั่นแหละครับ ‘วิลสัน’ ผมวางเปลือกหอย และสาหร่ายลงเพื่อเดินไปคุยกับมัน และจุดนั้นแหละที่กลายมาเป็นอีกตัวละครหลักในหนัง”

บรอยส์ยังเล่าอีกว่า เขาถ่ายทอดเรื่องราวของ Cast Away ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้าของเขา
“สิ่งที่ทรงพลังที่สุดสำหรับผมคือเสียงของมหาสมุทรและความเงียบ ผมไม่อยากให้ผู้ชมได้สัมผัสอะไรอื่นใดนอกเหนือไปกว่าที่ตัวละครได้รับ”

บรอยส์ยังใส่ความรู้สึกจากช่วงที่เขาเป็นนาวิกโยธินสหรัฐฯ ลงไปใน Cast Away ด้วย เขากลับมาสหรัฐฯ เมื่อปี 1971 แล้วเขาก็ได้รับรางวัล Bronze Star และ Vietnam Cross of Gallantry แต่เขากลับรู้สึกโดดเดี่ยว
“ผมตระหนักว่าทุกสิ่งที่เคยสำคัญต่อผมในโลกที่ศิวิไลซ์ แต่วันนี้มันกลับไม่มีความหมายอีกต่อไป”

วินาทีที่พลัดพรากจากวิลสัน

ในการเขียน Cast Away นั้น บรอยส์ได้ถอดเครื่องมือพื้นฐานหลักในงานเขียนออกไป นั่นก็คือ “คำพูด” เพื่อสร้างตัวละคร “วิลสัน” ขึ้นมา และเป็นตัวละครโปรดของบรอยส์เองด้วย
“วิลสันเป็นตัวละครโปรดของผม เพราะมันถูกสร้างขึ้นจากเลือดของตัวละครของ ทอม แฮงส ในเรื่อง มันเป็นเรื่องราวของการสร้างสรรค์ตัวละคร”
บรอยส์ยังเล่าอีกว่า ทุกครั้งที่เขาหยิบ Cast Away กลับมาดู เขายังเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องรู้สึกสูญเสียเมื่อถึงฉากที่ วิลสันหลุดลอยออกไปยังมหาสมุทร

ไม่ใช่แค่บรอยส์หรอกครับ คนดูทุกคนก็รู้สึกเช่นนั้น

ที่มา : creativescreenwriting IMDB wikipedia