ไม่กี่เดือนที่ผ่านมามีข่าวที่ถูกรายงานว่า พบการใช้งานโอโซนที่ทำให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิต โดยที่ผ่านมามีรายงานข่าวการเสียชีวิตของสัตว์เลี้ยงออกมาให้เห็นอยู่อย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายคนเริ่มตระหนักเกี่ยวกับการใช้โอโซนอย่างระมัดระวัง แต่ก็ยังมีความเข้าใจผิด ๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ว่าโอโซนเป็นก๊าซที่มีประโยชน์ จึงมีการนำมาใช้งานอยู่เรื่อย ๆ โดยปราศจากความรู้ที่ถูกต้อง และการใช้งานอย่างระมัดระวัง 

ซึ่งนั่นทำให้เกิดประเด็นร้อนอีกครั้ง เมื่อโรงภาพยนตร์ดังนำเครื่องโอโซนมาวางไว้ที่จุดทางเดิน ผู้ที่ใช้บริการเดินผ่านไปมาได้กลิ่นและมาพบเข้ากับเครื่องผลิตโอโซน จึงเกิดการตั้งคำถามว่า ก๊าซพิษที่มีฤทธิ์อันตรายเช่นนี้มาอยู่ในที่ที่คนพลุกพล่าน พื้นที่ปิด อากาศไม่ถ่ายเท แบบนี้ได้อย่างไร ? และล่าสุดทางโรงภาพยนตร์ได้ออกมาแถลงการณ์ขอโทษถึงความเข้าใจผิดของพนักงาน ระหว่างเครื่องผลิตโอโซนเพื่อฆ่าเชื้อ ซึ่งโดยปกติจะใช้หลังจากการบริการลูกค้า กับเครื่องฟอกอากาศ

“โอโซน” ไม่ใช่ก๊าซดีอย่างที่คนไทยเข้าใจ

ก่อนอื่นเชื่อว่าหลายคนคงจะเคยได้ยินชื่อก๊าซชนิดนี้ ทั้งในแง่ของความเข้าใจผิดที่ว่าโอโซนคือก๊าซที่อยู่ในธรรมชาติ อย่างในป่าหรือบนเขา ซึ่งดีต่อมนุษย์ และในอีกแง่ที่ว่าโอโซนเป็นประโยชน์ในเรื่องการฆ่าเชื้อโรค

โอโซน (Ozone หรือ O3) เป็นสารมลพิษทางสิ่งแวดล้อม เกิดได้ทั้งจากธรรมชาติและจากมนุษย์ ส่วนหนึ่งที่คนไทยเข้าใจผิดว่าโอโซนมีประโยชน์อาจเป็นผลมาจากโอโซนในชั้นบรรยากาศสตราโทสเฟียร์ (Stratosphere) ที่มีส่วนช่วยในการดูดซับความร้อนและรังสียูวีจากดวงอาทิตย์ ผูกโยงเข้ากับความสูงของพื้นที่ธรรมชาติ อย่างบนเขาและบนดอย หรือคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโลก จนทำคนเข้าใจผิดว่าอากาศที่มีโอโซนเป็นอากาศที่ดี นอกจากนี้ โอโซนที่พบในชั้นโทรโพสเฟียร์ (Troposphere) หรือชั้นพื้นดินก็เป็นอันตรายต่อมนุษย์ได้เช่นกัน และยังเกี่ยวข้องกับภาวะโลกร้อนด้วย

ในทางตรงกันข้าม สำหรับสิ่งมีชีวิตแล้ว โอโซนสามารถก่อให้เกิดความเสียหายต่อปอด และความเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด เมื่อสูดดมเข้าไปจะทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น ไอ แน่นหน้าอก และอาการหอบหืดแย่ลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสูดดมโอโซนทำให้เกิดการอักเสบและการระคายเคืองของเยื่อบุทางเดินหายใจ และทำให้อาการต่าง ๆ แย่ลง

ในทางเคมีโอโซนเป็นสารออกซิไดซ์ที่มีฤทธิ์รุนแรง สามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้โดยการออกซิเดชันของชีวโมเลกุลและการสร้างอนุมูลอิสระ (Free Radicals) ซึ่งในทางทฤษฎีอาจนำไปสู่ความเป็นพิษต่อเซลล์และการกลายพันธุ์ (Cytotoxicity and Mutagenesis)

โอโซนเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในช่วงโควิด-19 เนื่องจากโอโซนสามารถทำลายและสร้างความเสียหายต่อโปรตีนที่ห่อหุ้มผนังเซลล์ไวรัส และการพังทลายของ RNA ที่มีเกลียวเดี่ยว สามารถนำไปสู่การทำลายไวรัสโคโรนาได้หลังจากผ่านไป 30 วินาที เมื่อไวรัสนั้นสัมผัสถูกโอโซน โดยหลังจากทำลายอนุภาคเหล่านี้แล้วโอโซนจะสลายตัวแปรสภาพเป็นออกซิเจนเพิ่มขึ้นในอากาศ

สรุปแล้ว การสัมผัสและสูดดมก๊าซโอโซนโดยตรงเป็นอันตรายต่อมนุษย์ ทั้งในระดับทั่วไปและร้ายแรงถึงชีวิต

ปริมาณการสูดดม “โอโซน” แค่ไหนที่ถือว่าเป็นอันตราย

โอโซนสามารถทำลายเซลล์เยื่อบุทางเดินหายใจอย่างรวดเร็ว การสูดดมอากาศที่มีโอโซนเจือปนในปริมาณเพียง 0.1 ppm (ส่วนในล้านส่วน) เป็นเวลาเพียงไม่กี่นาที ก็เพียงพอที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อปอดอย่างรุนแรง และอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ 

ข้อกำหนดด้านความปลอดภัยในระดับสากลจึงได้กำหนดมาตรฐานที่เข้มงวด โดยจำกัดปริมาณโอโซน ที่เจือปนในอากาศเพื่อความปลอดภัยในการหายใจ ไม่ให้เกิน 0.08 ppm ต่อเนื่องไม่เกิน 8 ชั่วโมง ทั้งนี้เพื่อป้องกันผลกระทบเฉียบพลันและเรื้อรังต่อระบบทางเดินหายใจ

ดังนั้น หากบุคคลใดต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีปริมาณโอโซนเจือปนอยู่ที่ 0.1 ppm ขึ้นไป ก็ถือว่ามีความเสี่ยงสูงต่ออันตรายถึงชีวิต

โอโซนกับประโยชน์ทางการแพทย์

หากใช้โอโซนในทางที่ถูกต้องย่อมเกิดประโยชน์ ข้อมูลจาก ScienceDirect สำนักพิมพ์ที่รวบรวมงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์ ได้ระบุว่า การบำบัดด้วยโอโซนสำหรับการรักษาโรคต่าง ๆ นั้นมีมากกว่า 100 ชนิด โดยมีกลไกสำคัญที่แตกต่างกันไปตามความเข้มข้นและวิธีการให้ยา อาทิ

  • การปรับสมดุลภาวะเครียดออกซิเดชัน (Redox Modulation) กระตุ้นระบบต้านอนุมูล แม้โอโซนจะออกซิไดซ์รุนแรง แต่เมื่อใช้ใน ความเข้มข้นที่ต่ำและเหมาะสม จะสามารถกระตุ้นให้เกิดภาวะเครียดออกซิเดชันในระดับปานกลาง (Moderate Oxidative Stress) ซึ่งในทางกลับกันจะไป เสริมสร้างระบบต้านอนุมูลอิสระภายในร่างกาย
  • การสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อใหม่ (Regenerative Capacity) จุดเริ่มต้นจากการใช้โอโซนที่ความเข้มข้นต่ำเพื่อกระตุ้นกระบวนการทางชีวภาพ
  • โอโซนสามารถลดระดับนีโอเทอริน ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้สถานะภูมิคุ้มกันที่กระตุ้นการอักเสบได้

สุดท้ายแล้วโอโซนมีสองมุมที่เป็นทั้งโทษและประโยชน์ แต่หลักใหญ่ใจความคือต้องมีความรู้อย่างถูกต้องในการนำมาใช้งาน ไม่ใช่แค่สำหรับประชาชนทั่วไปที่นำมาใช้ในบ้านของตนเองเท่านั้น แต่ในสำนักงาน องค์กร ห้างร้าน ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย และศึกษาการใช้งานให้รอบคอบ

อย่างไรก็ตาม กรณีของโรงภาพยนตร์นี้เป็นอุทาหรณ์ที่เน้นย้ำว่าการใช้เครื่องผลิตโอโซนจะต้องเป็นไปตามหลักการจัดการความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด ควรจำกัดการใช้งานไว้เฉพาะในพื้นที่ที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ เช่น การฆ่าเชื้อห้องหลังปิดทำการ และต้องมีกระบวนการระบายอากาศที่เหมาะสมหลังจากการใช้งาน เพื่อให้แน่ใจว่าปริมาณโอโซนในอากาศจะลดลงสู่ระดับที่ปลอดภัยก่อนที่สาธารณชนจะเข้ามาในพื้นที่นั้น ๆ 

การตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างโอโซนที่ฆ่าเชื้อโรคได้กับโอโซนที่เป็นพิษต่อชีวิต จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยของสาธารณชน