Christopher Nolan เคยเจอศึกแบบนี้มาแล้วเมื่อปี 2008 The Dark Knight ชนกับ Mamma Mia!และเขาเป็นฝ่ายชนะ

สัปดาห์หน้านี้ ‘Oppenheimer’ จะออกฉายชนกับ ‘Barbie’ เพื่อชิงศึกแห่งเจ้าบ็อกซ์ออฟฟิศ บรรยากาศแบบนี้ทำให้ย้อนนึกไปถึงเหตุการณ์ที่คล้ายกันในปี 2008 เมื่อ ‘The Dark Knight’ ออกฉายชนกับ ‘Mamma Mia!’ เป็นการชนศึกของหนังที่ต่างกันสุดขั้ว ‘Oppenheimer’ ของโนแลน เล่าเรื่องราวของ เจ.โรเบิร์ต ออปเพนไฮเมอร์ (คิลเลียน เมอร์ฟี – Cillian Murphy) นักฟิสิกส์ผู้คิดค้นระเบิดนิวเคลียร์ วางโปรแกรมไว้ว่าจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ IMAX ทั่วโลกในวันที่ 21 กรกฎาคม นี้ และเป็นวันเดียวกันกับที่ ‘Barbie’ หนังคอมเมดี้สีสันสดใส ที่มาขอแชร์เนื้อที่บ็อกซ์ออฟฟิศด้วย ‘Barbie’ จะมีชื่อของ มาร์โกต์ ร็อบบี้ (Margot Robbie) มาเป็นจุดขายในบทบาทของสาวน้อยบาร์บี้ ที่จะมาพร้อมกับทีมนักแสดงชุดใหญ่ และเป็นความคาดหวังครั้งใหญ่ของวอร์เนอร์บราเธอส์ ที่ทุ่มงบโฆษณาไม่อั้น เพราะเชื่อมั่นว่าจะเรียกฐานแฟนที่นิยมชมชอบ ตุ๊กตาของเล่นชื่อดังตัวนี้ให้ออกมาตีตั๋วดูได้สำเร็จ ประเด็นที่น่าสนใจ ก็อยู่ตรงที่ โนแลนเคยเจอเหตุการณ์คล้าย ๆ กันนี้มาก่อนแล้ว และครั้งก่อนนั้นเขาก็เป็นฝ่ายชนะ

The Dark Knight Vs. Mamma Mia

เหตุการณ์ในปี 2008 นั้น หนัง ‘The Dark Knight’ ที่เป็นหนังภาคต่อจาก ‘Batman Begins’เมื่อปี 2005 ต้องมาชนกับ ‘Mamma Mia!’หนังมิวสิคัล รอม-คอม ในขณะที่ ‘The Dark Knight’นั้นก็มาพร้อมกับคาดหวังอย่างสูง เพราะนี่เป็นการเผชิญหน้ากันครั้งแรกของ แบทแมน และ โจ๊กเกอร์ นับตั้งแต่ ‘Batman’ ของ ทิม เบอร์ตัน ตั้งแต่ปี 1989 นู่นเลย หลังจาก The Dark Knight’ ออกฉาย หนังก็ได้รับเสียงตอบรับในทางบวก พอ ๆ กับเสียงชื่นชมในการแสดงของ ฮีธ เลดเจอร์ ผู้ล่วงลับ ในบทบาท โจ๊กเกอร์

ส่วน ‘Mamma Mia!’ก็ไม่ใช่คู่แข่งกระจอก ๆ เพราะเป็นหนังที่ดัดแปลงมาจากละครเวทีเรื่องดัง ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเพลงฮิตของ ABBA และมาพร้อมกับทีมนักแสดงชุดใหญ่ที่เป็นอีกจุดขายสำคัญของเรื่องนี้ โดยเฉพาะชื่อของ เมอรีล สตรีป (Meryl Streep) ที่นับเป็นการพลิกบทบาทครั้งสำคัญของนักแสดงระดับออสการ์ผู้นี้ เสียงตอบรับกับ ‘Mamma Mia!’ค่อนข้างผสมปนเปกันไป แต่ก็พิสูจน์ให้เห็นชัดแล้วว่าต่อให้มีเสียงวิจารณ์ทางด้านลบอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีผลกระทบกับรายได้ในบ็อกซ์ออฟฟิศแต่อย่างใด

ถึงแม้หนังจะฮิตทั้งคู่ แต่ The Dark Knight ก็เป็นฝ่ายชนะ

ความสำเร็จของ ‘The Dark Knight’นับว่าเป็นปรากฎการณ์ครั้งสำคัญของหนังซัมเมอร์ปี 2008 หนังเปิดตัวด้วยรายได้ในสหรัฐฯ ที่พุ่งกระฉูดไปถึง 158.4 ล้านเหรียญ และขึ้นแท่นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงที่สุดในปีนั้น หนังลาโรงไปด้วยรายได้ทั่วโลกที่ 997 ล้านเหรียญ หนังกลับมาเข้าโรงฉายอีกครั้งช่วงสั้น ๆ ตอนต้นปี 2009 ก่อนงานประกาศผลรางวัลออสการ์ ทำให้หนังทำรายได้รวมทะลุหลัก 1,000 ล้านเหรียญ ‘The Dark Knight’ ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล และรายได้ที่งดงามนั้นก็ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมภาพยนตร์

ส่วน ‘Mamma Mia!’นั้น แม้จะทำรายได้ไปน้อยกว่าในสมรภูมิหนังซัมเมอร์ แต่ก็เป็นหนังที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามเช่นกัน แม้ว่าหนังจะเปิดตัวด้วยรายได้ในสหรัฐฯ ไม่หวือหวานัก ที่ 27.7 ล้านเหรียญ แต่ก็ปิดตัวได้อย่างสวยงามที่ 609.8 ล้านเหรียญ จากรายได้ทั่วโลก ถึงแม้รายได้จะตกเป็นรอง แต่ปรากฏการณ์ฮิตของทั้งสองเรื่องก็พิสูจน์ได้ว่า หนังที่เปิดตัวชนกันก็สามารถเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จได้ทั้งสองเรื่อง แต่รอบนี้มีการประเมินกันว่า ‘Oppenheimer’อาจจะตกเป็นรองเมื่อต้องมาสู้ศึกกับ ‘Barbie’

ศึกครั้งนี้มีแววว่า ‘Oppenheimer’ อาจจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

เหตุการณ์ประวัติศาสตร์จะกลับมาซ้ำร้อยอีกครั้งในวันที่ 21 กรกฎาคม นี้ กับศึกแย่งชิงรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศระหว่าง Barbie vs. Oppenheimer ผู้เชี่ยวชาญในวงการฮอลลีวูดคาดการณ์ไว้ว่า ‘Barbie’น่าจะเปิดตัวได้สูงถึง 70 – 80 ล้านเหรียญเลยทีเดียว ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของหนังว่าจะดึงผู้ชมออกมาต่อเนื่องได้นานขนาดไหน และรายได้จากนานาประเทศจะทำได้ดีเพียงใด และมีสิทธิ์ว่าจะขึ้นแท่นหนึ่งในหนังที่ฮิตที่สุดของซัมเมอร์ปีนี้ ในขณะเดียวกันผู้เชี่ยวชาญก็คาดการณ์ไว้ว่า ‘Oppenheimer’ น่าจะเปิดตัวด้วยตัวเลขที่น้อยกว่า อยู่ที่ราว ๆ 40 ล้านเหรียญ

ส่วนสาเหตุที่ ‘Barbie’น่าจะชนะ ‘Oppenheimer’นั้น ก็คล้าย ๆ กับรอบที่ ‘The Dark Knight’ เคยเอาชนะ ‘Mamma Mia!’ มาได้นั่นแหละ เพราะทั้ง The Dark Knight และ Mamma Mia!ต่างก็มาจากทรัพย์สินทางปัญญาที่มีฐานแฟนจำนวนมาก และจุดนี้ล่ะที่ถือว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้หนังหลายเรื่องประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะในวันที่ผู้คนเลือกดูสตรีมมิงมากกว่าออกมาซื้อตั๋วดูหนังในโรง แล้วรอบนี้ โนแลนเลือกหยิบเรื่องราวการสร้างระเบิดนิวเคลียร์มาเล่า ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ไม่สามารถดึงดูดผู้ชมทั้ง 4 กลุ่มหลักได้ (ชาย-หญิง อายุมากกว่า 25 / ชาย-หญิง อายุน้อยกว่า 25) เมื่อพิจารณาในจุดนี้แล้ว ‘Barbie’ก็จะมีฐานผู้ชมที่กว้างกว่า แต่ ‘Oppenheimer’ก็มีจุดขายหลักตรงชื่อของ คริสโตเฟอร์ โนแลน เอง ที่มีฐานแฟนติดตามผลงานของเขาอย่างเหนียวแน่น แต่ก็พอคาดการณ์ได้ว่า สุดท้ายแล้ว ความสำเร็จของ ‘Oppenheimer’ ก็คงจะอยู่ในสถานะเดียวกับ ‘Mamma Mia!’ เมื่อปี 2008 คือตกเป็นรอง แต่ก็ไม่ได้ทิ้งห่างนัก

ที่มา : screenrant