‘American Pie’ หนังคอมเมดี้สุดฮิตเกินความคาดหมายเมื่อปี 1999 ที่เล่าเรื่องราวสัปดี้สัปดนของกลุ่มวัยรุ่นอเมริกันที่หมกมุ่นวุ่นวายเกี่ยวกับเรื่องเซ็กส์กันอย่างโจ๋งครึ่ม จนหนังทำรายได้แบบถล่มทลายไปถึง 234 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างจุ๋มจิ๋มเพียงแค่ 12 ล้านเท่านั้น ไม่แปลกที่หนังจะมีภาคต่อตามออกมาอีก 3 ภาค และภาคแยกที่ออกเป็นดีวีดีอีก 4 เรื่อง กลายเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์ของภาพยนตร์ฮอลลีวูดที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก และส่งให้นักแสดงหลายคนแจ้งเกิดจากแฟรนไชส์นี้ และยังคงมีงานแสดงต่อเนื่องมาจนทุกวันนี้

หนุ่มน้อย พอล ฟินช์ และสาวใหญ่ จีนีน สติฟเลอร์

และหนึ่งในนั้นก็คือ เจนนิเฟอร์ คูลิดจ์ (Jennifer Coolidge) นักแสดงสาวใหญ่ ที่รับบทเป็น จีนีน สติฟเลอร์ แม่ของ สตีฟ สติฟเลอร์ บทของเธอกลายเป็นที่รู้จักและชื่นชอบของแฟน ๆ จนเป็นหนึ่งในตัวละครที่ได้กลับมาปรากฎตัวครบทั้ง 4 ภาค และส่วนสำคัญที่ทำให้บท จีนีน สติฟเลอร์ เป็นที่จดจำก็เพราะ นี่คือบทของสาวใหญ่เจ้าเสน่ห์ ที่แม้กระทั่งเพื่อนของลูกชายอย่าง พอล ฟินช์ ก็ยังหลงเสน่ห์ และแอบมีอะไรกันกับแบบข้ามรุ่น ตามศัพท์ที่รู้กันว่า ‘MILF’ และนั่นทำให้ภาพลักษณ์ของสาวฮอตอย่างจีนีนก็เลยติดตัวนักแสดงอย่าง เจนนิเฟอร์ คูลิดจ์ ตัวจริงไปด้วย แต่ถ้าพิจารณาจากบทสัมภาษณ์ของเธอกับ Variety แล้ว ก็ดูเหมือนคูลิดจ์จะพึงพอใจกับภาพลักษณ์นี้ของเธอเสียด้วย

“ฉันได้รับอะไรเยอะเลยจากการเล่นบทบาทแบบ MILF และมันทำให้ฉันมีกิจกรรมทางเพศบ่อยเลย ก็จากหนัง ‘American Pie’ นี่แหละ”
“ฉันได้ผลประโยชน์มากมายจากหนังเรื่องนี้จริง ๆ ฉันหมายถึงว่า ถ้ามันใช่หนังเรื่องนี้ฉันคงไม่ได้นอนกับผู้ชายอีกประมาณ 200 คน แบบนี้หรอก”

รับบท จีนีน สติฟเลอร์ ครั้งแรกใน American Pie ในวัย 38 ปี

เจนนิเฟอร์ คูลิดจ์ เข้าสู่วงการแสดงเมื่อปี 1993 เธอมีงานแสดงทั้งภาพยนตร์ และ ทีวีซีรีส์มาแล้วนับสิบเรื่อง เคยร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องดังอย่าง ‘Mike Myers and Heather Graham in Austin Powers: The Spy Who Shagged Me’ แต่ก็ไม่เป็นที่จดจำเท่าบท จีนีน สติฟเลอร์ ใน ‘American Pie’ ที่ส่งให้ชื่อและภาพลักษณ์ของเธอเป็นที่จดจำ แต่ขณะเดียวกันก็ส่งผลด้านลบต่องานแสดงของเธอเช่นกัน เพราะเธอแจ้งเกิดจากหนังคอมเมดี้ ก็เลยไม่มีใครจ้างเธอเล่นหนังในซีเรียสจริงจัง

“รู้มั้ยอะไรคือเรื่องน่าเศร้าที่สุดในชีวิตคนเรา นั่นก็คือเรื่องการที่เราประเมินคุณค่าตัวเองไงล่ะ”
“คือเท่าไหร่ฉันก็ไม่เคยได้รับบทที่ดี ๆ เสียที ฉันก็เลยเริ่มมานั่งคิดทบทวนแล้วว่า ผู้คนเขาคงมองว่าฉันคงไม่สามารถแสดงบทดี ๆ กับเขาได้ละมั้ง”
“มันก็เลยพาลทำให้เราประเมินตัวเองไปด้วยว่า เราคงไม่มีความสามารถที่จะรับบทแบบนั้นได้หรอก จนกระทั่ง มันต้องมีคนแบบ ไมค์ ไวต์ (ผู้กำกับ White Lotus) แบบนี้แหละที่โผล่เข้ามาแล้วบอกกับฉันว่า ผมคิดว่าคุณทำได้”
หลังจากรอคอยกว่า 20 ปี เพื่อสลัดภาพสาวฮอตรุ่นใหญ่ออกไป โอกาสก็มาถึงคูลิดจ์ใน ‘White Lotus’ ทีวีซีรีส์เรื่องฮิตของ HBO บท ทันยา แม็กคอยด์ สามารถยกระดับการแสดงของเธอให้เป็นที่ประจักษ์ว่าเธอสามารถรับบทที่ซีเรียสจริงจังได้ แล้วยังส่งให้เธอคว้ารางวัลเอ็มมี่ สาขานักแสดงสมทบหญิงมาได้สำเร็จ

เจนนิเฟอร์ คูลิดจ์ ใน White Lotus

Variety เขียนถึงเรื่องนี้ว่า บทบาทการแสดงของคูลิดจ์ใน ‘White Lotus’นั้นเป็นทั้ง “การคืนชีพและตอกย้ำสถานะงานแสดงของเธอ” “มันคือสิ่งที่คูลิดจ์รอคอยมาแสนนานที่อยากจะแสดงให้ทุกคนได้เห็น”

“สิ่งหนึ่งที่ฉันทำถูกต้องที่สุดในชีวิตฉัน ก็คือการที่ฉันเลือกคบเพื่อนที่เยี่ยมยอด” คูลิดจ์กล่าวเสริม
“ต่อให้ไมค์ไม่ประสบความสำเร็จถึงเพียงนี้ แล้ว ‘White Lotus’ ยังคงเป็นแค่ละครเวทีที่เล่นกันในโรงละครเล็ก ๆ ที่คนจ่ายเงินสัก 10 เหรียญ เพื่อมานั่งดู สำหรับฉันมันก็ยังคงเป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับชีวิตฉันอยู่ดี”
“เพราะว่ามันเป็นงานหินที่ไม่มีใครคิดว่าฉันจะสามารถเล่นได้”

แม้ว่าในวันนี้ คูลิดจ์จะไม่ได้ก้าวขึ้นมาเป็นนักแสดงแถวหน้า หรือได้รับบทนำในเรื่องใด แต่ก็ส่งให้เธอเป็นนักแสดงงานชุกคนหนึ่ง เธอมีทั้งงานทีวีซีรีส์ และภาพยนตร์อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงงานพากย์เสียงแอนิเมชันอีกหลายเรื่อง นับถึงวันนี้คูลิดจ์ในวัย 62 ปี มีผลงานแสดงมาแล้วกว่า 120 เรื่อง และยังมีผลงานใหม่ ๆ ในอนาคตออกมาอีกเรื่อย ๆ เรียกได้ว่าไม่ต้องสวย ไม่ต้องดังมาก แต่มีงานชุกกว่านักแสดงดัง ๆ เสียอีก

ที่มา : ladbible