แฟน ๆ มาร์เวล อาจจะเคยได้ยินข่าวลือนี้กันมาก่อนแล้วว่า แบรด พิตต์ (Brad pitt) เกือบจะได้รับบทเป็น เคเบิล (Cable) มิวแตนท์ผู้มีความสามารถในการเดินทางข้ามเวลา แต่แล้วข่าวลือนี้ก็ได้รับการยืนยันว่าเป็นข่าวจริงจาก ร็อบ ลีเฟลด์ (Rob Liefeld) ผู้ร่วมสร้าง Deadpool เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ที่ผ่าน ลีเฟลด์ได้ไปร่วมรายการ ‘That Collectibles Show’ ของเว็บไซต์่ ComicBook.com ในระหว่างพูดคุยนั้น ลีเฟลด์ได้เผยว่า
“ผมรู้ความจริง 100% ว่านี่คือเรื่องจริง มันจริงแท้แน่นอนที่สุด ผมเห็นตอนเค้าเป็นเคเบิลแล้วด้วย เขาลองทดสอบบทกันแล้ว เหตุเพราะว่า เดวิด ลีตช์ (David Leitch) ผู้กำกับน่ะ เขามีความสัมพันธ์อันดีกับ แบรด พิตต์ เพราะเขาเคยเป็นนักแสดงสตันท์ให้พิตต์มาก่อน แต่เรื่องที่หลายคนไม่รู้ก็คือ มันเกิดขึ้นในช่วงแรก แรก แรก มาก ๆ พิตต์เป็นคนแรกเลยที่มาทดสอบบทนี้ แต่แล้ว พอพวกเขาตกลงกันไม่ได้ ทางทีมก็เลยหาตัวเลือกอื่นแทน”

ภาพคอนเซ็ปต์ Fanart ว่า ถ้า แบรด พิตต์ เป็น เคเบิล จะหน้าตาแบบนี้แหละ

ในปีนั้น นับว่าเป็นช่วงขาขึ้นของโบรลินอย่างแท้จริง เพราะไม่เพียงแต่เขาได้บท เคเบิล ใน ‘Deadpool 2’ แล้ว เขายังได้บทธานอสวายร้ายตัวฉกาจใน ‘Avengers: Infinity War’ อีกด้วย เป็นนักแสดงเพียงคนเดียวที่ได้รับ 2 บทวายร้ายในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล แต่ถึงแม้พิตต์จะพลาดบทเคเบิลไป แต่ก็น่าสนใจนะว่าถ้าบทบาทเคเบิลตกเป็นของพิตต์ หนังจะออกมาเป็นอย่างไร แต่แล้ว พิตต์ก็ได้ร่วมแสดงใน ‘Deadpool 2’ ด้วยจริง ๆ ด้วยการรับบทเป็น ‘Vanisher’ ที่มาในฐานะตัวละครรับเชิญที่โผล่มา “แว้บเดียว” จริง ๆ

ร็อบ ลีเฟลด์

แต่ท้ายที่สุดแล้ว ลีเฟลด์ก็แฮปปี้มากกับผลลัพธ์ในการแคสติ้งที่ได้ จอช โบรลิน (Josh Brolin)มาเป็น ‘เคเบิล’ แต่กว่าโบรลินจะตอบรับบทนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะต้องอาศัยภรรยาของโบรลินช่วยเกลี้ยกล่อม เขาถึงได้ยอมอ่านบทนี้
“ผมคิดว่าจอชคงไม่ถือสาผมนะ ที่ผมเล่าเรื่องนี้ เพราะว่าคนในฟ็อกซ์ก็เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง แล้วจอชเองก็เคยเล่าให้ผมฟัง ในวันที่นำรายชื่อนักแสดงในแต่ละบทมาดูกัน ทางฟ็อกซ์ก็ยังไม่ได้คนในบทเคเบิล พวกเขาเลยโทรหาตัวแทนของจอช แล้วพวกเขาก็โทรหาจอช ถามเขาว่า ‘คุณได้อ่านบทหรือยัง ?’ เขาก็ตอบกลับมาว่า ‘ผมไม่อยากรับงานนี้ ผมไม่อยากเล่นเรื่องนี้ คือแบบว่าผมไม่สนใจน่ะ’ “

“แต่แล้วก็เป็นภรรยาของจอชนี่ล่ะ ซึ่งผมต้องมอบเครดิตเรื่องนี้ทั้งหมดให้ แคทรีน โบรลิน เธอบอกเขาว่า ‘คุณคิดอะไรของคุณ ? น่ะ อย่างน้อยก็อ่านบทดูก่อนนะ’ ว่าแล้วเธอก็เอาบทไปอ่าน แล้วเธอก็บอกว่า ‘จอช คุณต้องเล่นเรื่องนี้นะ’ แล้วเธอก็ส่งบทให้จอช หลังจากนั้นเขาก็บอกว่า เขาได้อ่านแล้ว แล้วก็พูดว่า ‘มันค่อนข้างดีจริง’ แล้วเขาก็โทรกลับมาหาฟ็อกซ์ แล้วบอกว่า ‘โอเค ผมตกลงรับ’ ซึ่งในช่วงเวลาคับขันนั้น ถ้าเขาไม่ตกลง เราก็ต้องเดินหน้าหาเคเบิลคนอื่นล่ะ”

ในที่สุด ‘Deadpool 2’ ก็เป็นหนังอีกเรื่องในเครดิตของโบรลิน ซึ่งลีเฟลด์ชอบภาคต่อเรื่องนี้มาก เขาดีใจที่ได้โบรลินมารับบทเป็นเคเบิล เพราะเขาคือผู้ร่วมสร้างสรรค์ตัวละคร ‘เคเบิล’ นี้ขึ้นมา รวมไปถึงตัว ‘เดดพูล’ ด้วยที่เขาก็เป็นผู้ร่วมสร้างสรรค์ และเขาก็ภูมิใจมากที่ได้เห็นทั้งสองตัวละครของเขาในภาพยนตร์คนแสดง ลีเฟลด์เล่าต่ออีกว่า “เขาไม่น่าจะรู้สึกแฮปปี้ไปกว่านี้ได้อีกแล้ว” กับการได้เห็นฉากเดินทางข้ามเวลาในตอนท้ายของหนัง ที่ เวด วิลสัน เดินทางข้ามเวลาไปสังหาร Deadpool เวอร์ชันที่เคยปรากฎตัวมาใน ‘X-Men Origins: Wolverine’

“บอกตามตรงนะ ว่ามันดูเหมือนเป็นการปูทางเรื่องที่จะเกิดขึ้นใน Deadpool 3 ไว้จริง ๆ อย่าถามผมเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วกัน และขอสวัสดีทุกคนที่ดิสนีย์ด้วย ผมคือ ร็อบ ผมไม่ได้พูดถึงหนัง Deadpool 3 หรอกนะ”

‘Deadpool 3’ มีกำหนดฉายวันที่ 26 กรกฎาคม 2024 ถ้าใครคิดถึง Deadpool วันนี้สามารถย้อนดู ‘Deadpool’ และ ‘Deadpool 2’ ได้ทาง Disney+

ที่มา : movieweb