‘Last Dinosaurs’คือวงอินดี้ร็อกจากออสเตรเลียที่ประสบความสําเร็จอย่างต่อเนื่อง เจ้าของเพลงดัง “Apollo” “Zoom” ด้วยความสามารถในการแต่งเพลงและเรียบเรียงดนตรีที่มีส่วนผสมที่หลากหลาย ผสมผสานทั้งความเป็นตะวันตกและตะวันออกได้อย่างกลมกลืนและกลมกล่อม มีซาวด์ดนตรีที่เท่ เมโลดี้ที่ไพเราะ และเนื้อร้องที่โดนใจ ทําให้ผลงานของพวกเขามีความโดดเด่นเป็นที่น่าประทับใจตลอดมา อีกทั้งการแสดงสดของพวกเขายังสุดยอดมาก ๆ แฟน ๆ ชาวไทยหลายคนคงประจักษ์แจ้งดีเพราะว่าวงดนตรีวงนี้ได้มาแสดงสดให้แฟน ๆ ชาวไทยได้ชมกันอยู่หลายครั้ง

และล่าสุด3 หนุ่ม ฌอน แคสกี้ (Sean Caskey) – ร้องนำ/กีตาร์  ลาชแลน แคสกี้ (Lachlan Caskey) – ร้องนำ/กีตาร์ และ ไมเคิล สโลน (Michael Sloane) – เบส ก็ได้มาเยือนเวที VERY Festival 2023 เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ขนเอาเพลงเก่าและเพลงใหม่จาก EP อัลบั้ม ‘RYU’ มาเล่นกันสด ๆ ให้แฟนเพลงชาวไทยได้เฮกันอีกครั้ง ซึ่งบรรยากาศในวันนั้นก็ผ่านไปอย่างสวยงาม ทั้งสนุกมันส์และประทับใจ

หลังจากลงเวทีไม่นาน เราก็ได้มีโอกาสมานั่งพูดคุยกับ 3 สมาชิกของ Last Dinosaurs คือ 2 พี่น้องแคสกี้ ฌอนและลาชลาน กับ ไมเคิล สโลน ถึงการได้มาแสดงสดในไทยในครั้งนี้ และผลงานใหม่ไอเดียล้ำอย่าง EP ‘RYU’ ที่มาพร้อม 7 บทเพลงใหม่ในคอนเซ็ปต์ล้ำ ๆ และงานดนตรีซาวด์เหงาสุดเท่ รวมไปถึงเรื่องของดนตรีซิตี้ป๊อปและวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่มีอิทธิพลต่องานเพลงของพวกเขา

นี่น่าจะเป็นครั้งที่ 5 ที่พวกคุณมาเล่นในไทยใช่ไหม พวกคุณรู้สึกยังไงบ้างกับโชว์ในครั้งนี้

ลาชลาน : มันดีมาก ๆ เลยครับ

ไมเคิล : สนุกมาก ๆ ครับวันนี้

ฌอน : มันเยี่ยมมาก ๆ เลยครับ แฟน ๆ ของเราเยี่ยมมาก ๆ เลย

พวกเราส่งพลังไปถึงพวกคุณบ้างมั้ย

ฌอน : อ้า ใช่เลยครับ พวกคุณทำให้พวกเราสนุกมากเลย

ผมจำได้ว่าคุณพูดหลายครั้งเลยว่าขอบคุณคนที่เต้นอยู่ตรงนั้นตรงนี้

ฌอน : ใช่ครับ ๆ ผมชอบมากเลยเวลาเห็นแฟน ๆ สนุกไปกับเรา และผมอยากขอบคุณพวกเขามาก ตอนเล่นเสร็จผมก็เลยลงเวทีเอาปิ๊กกีตาร์มาให้และจับมือกับเขาเพื่อแทนคำขอบคุณครับ

ขอขอบคุณภาพการแสดงสดจาก VERY RADIO

นอกจากมาเล่นคอนเสิร์ตแล้วพวกคุณมีแผนจะไปเที่ยวไหนกันบ้างไหม

ฌอน : แน่นอนครับ มาคราวนี้เหมือนเราได้มีวันหยุดประมาณ 4 วันครับ และเราก็มีนัดถ่ายภาพกับช่างภาพฝีมือดีคนหนึ่ง ซึ่งนอกจากนัดถ่ายภาพ เราก็จะมีเวลาไปเที่ยวตามที่ต่าง ๆ ครับ

หวังว่าพวกคุณจะมีช่วงเวลาดี ๆ ที่นี่นะ

ฌอน : แน่นอน ๆ ครับ พวกเรามีช่วงเวลาดี ๆ ที่ประเทศไทยเสมอเลย

Last Dinosaurs เพิ่งออก EP อัลบั้มชุดใหม่ ‘RYU’ ออกมา อยากรู้ว่าคอนเซ็ปต์และแนวคิดในการทำงานอัลบั้มนี้เป็นยังไงบ้าง

ฌอน : คือหลังจากที่เราจบอัลบั้มที่ 5 ไปแล้วเราอยากจะได้อะไรที่มันสดใหม่ขึ้น ตอนนั้นผมกำลังคิดถึงการทำอาร์ตเวิร์ก  เป็นภาพคนเอเชียที่เป็นเหมือนภาพแสดงโลกอนาคตในแบบปลอม ๆ เหมือนแบบคนจีนปลอม ๆ อะไรแบบนี้ ซึ่งเราทำขึ้นมาด้วย A.I. ครับ แล้วมันก็จะมีพวกทีวีต่าง ๆ ซึ่งแนวคิดเราคือเราอยากทำเพลงให้เหมือนกับว่ามันเป็นดนตรีที่ออกมาจากเครื่องพวกนี้ในโลกอนาคต เราก็เลยมาคุยกันว่าเราจะมาทำเพลงที่มันเหมือนกับว่าเป็นเพลงที่มาจากโลกอนาคต เป็นสัญญาณที่ส่งมาจากดาวเทียม A.I. ในโลกปี 3023 ซึ่งมันโคจรอยู่ในอวกาศและกำลังถึงคราวที่จะเสื่อมสลาย แต่ก่อนที่มันจะแตกดับไปมันได้เปลี่ยนตัวเองให้กลายไปเป็นสถานีวิทยุ และผลิตเพลงที่สร้างออกมาจากอัลกอริทึมที่เรียนรู้เรื่องของดนตรีจากโลกในทุกวันนี้ของเรา ซึ่งห่างจากโลกในอนาคตวันนั้นราว ๆ 1,000 ปี และมันก็ได้ทำหน้าที่ในการถ่ายทอดบทเพลงให้โลกทั้งใบได้ฟัง มันเลยคล้าย ๆ  กับการเป็นไบเบิลฉบับ A.I. ที่ทำหน้าที่ในการเผยแพร่บทเพลง และผู้คนบนโลกก็ขยับเคลื่อนไหวไปกับท่วงทำนองที่ได้ยินได้ฟัง ซึ่งสำหรับพวกเขาที่อยู่ในโลกอนาคตเสียงที่ได้ยินมันคือสุ้มเสียงของโลกโบราณ เพราะว่าวันนี้กับช่วงเวลานั้นห่างกันถึง 1,000 ปี แต่ถึงอย่างนั้นบทเพลงเหล่านี้ก็ทำให้พวกเขาตระหนักว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน มนุษย์ยังคงเผชิญหน้าอยู่กับปัญหาเดิม ๆ ดังนั้นถึงแม้เราจะอยู่บนโลกที่ต่างยุคต่างช่วงเวลา แต่ดูเหมือนว่าชีวิตของเราต่างคล้ายดำเนินไปบนโลกคู่ขนาน และนี่คือเหตุผลว่าทำไมในอัลบั้มนี้ถึงมีเพลงอย่าง “Yin Yang” ครับ

โห นี่มันไฮคอนเซ็ปต์ บิ๊กไอเดียมากเลยนะ

ฌอน : ใช่ ๆ มันใหญ่มากเลยครับ  (หัวเราะ)

และดูเหมือนว่าพวกคุณจะมีแนวคิดหรือแนวทางที่ค่อนข้างเชื่อมโยงกับปรัชญาตะวันออก อย่างเช่น หยิน-หยาง หรืออะไรแบบนี้อยู่เหมือนกันนะ

ไมเคิล : ใช่ครับ ๆ อย่างในเพลง “Yin Yang” ของเรา มันมีเซนส์ที่เป็นแบบนั้นมาก ๆ เป็นอะไรที่เรารู้สึกเชื่อมโยงไปในแนวทางนี้

บนเวทีตอนก่อนเล่นเพลง “Put Up With The Weather” คุณพูดถึง ทัตสึโระ ยามาชิตะ (Tatsuro Yamashita) ราชาเพลงซิตี้ป๊อปด้วย ซึ่งนั่นน่าประทับใจมากเลยที่พวกคุณได้รับแรงบันดาลใจมาจากงานดนตรีของเขาและดนตรีซิตี้ป๊อป อยากรู้มากเลยว่า ทัตสึโระ ยามาชิตะ และวัฒนธรรมญี่ปุ่นมีอิทธิพลต่องานเพลงของ Last Dinosaurs ยังไงบ้าง

ลาชลาน : โอ้ มันเป็นคำถามที่ดีมากเลย อย่างแรกเลยชื่อวงของเรา มากจากชื่อเพลงของวงดนตรีญี่ปุ่น (The Pillows) ฌอนกับผม เราก็เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นด้วยกันทั้งคู่

ไมเคิล : ผมก็ด้วยเหมือนกันครับ

ลาชลาน : ใช่ ๆ ไมเคิลเองก็เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นเหมือนกันและแฟนของเขาก็เป็นครูชาวญี่ปุ่น พวกเราล้อมรอบไปด้วยคนญี่ปุ่น มันก็เลยเหมือนกับว่า เรามีอัตลักษณ์ของความเป็นญี่ปุ่นอยู่ในตัวอยู่แล้ว ซึ่งในเพลง “Put Up With The Weather” ผมตั้งใจแต่งเพื่อคารวะต่อดนตรีซิตี้ป๊อปและทัตซึโระ ยามาชิตะ เพลงนี้เลยมีกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่นอย่างแน่นอนครับ ซึ่งครั้งหนึ่งวงดนตรีจากโตเกียวชื่อ ‘OKAMOTO’ นักร้องนำของวงเคยพูดกับพวกเราว่า “มันตลกดีที่พวกนายเป็นวงจากตะวันตก แต่กลับมีซาวด์ในแบบญี่ปุ่น” หรือในทางกลับกันก็ดูเหมือนกับว่าพวกเราเป็นวงญี่ปุ่นที่มีซาวด์แบบตะวันตก และพวกเราก็จะมีสไตล์ในแบบของดนตรีอินดี้ร็อกที่เป็นเพลงเร็ว ๆ เร้าใจในแบบฉบับที่ดนตรีอินดี้ร็อกจะเป็นกัน แต่แน่นอนเลยครับว่า งานเพลงของเรามันมีกลิ่นอายของซาวด์แบบญี่ปุ่น เพราะพวกเราเติบโตมาในครอบครัวที่ฟังเพลงญี่ปุ่น อย่างเพลงของแอนิเมชันจิบลิ ( Studio Ghibli) ซึ่งได้มอบความรู้สึกแบบญี่ปุ่นให้กับพวกเรามาก ๆ เลยครับ

ผมหลงรักเพลงของ Last Dinosaurs ตั้งแต่ได้ฟัง “Apollo” ไม่รู้ว่าทำไม แต่ตอนนั้นมันรู้สึกขึ้นมาเลยว่า ‘ทำไมเพลงของวงนี้ฟังดูญี่ปุ่นจัง’

ฌอน : ว้าว ใช่เลยครับ ๆ เพลงนี้เราได้รับอิทธิพลจากเพลง “Don’t Stop The Music” ของ tofubeats ตอนนั้นเราไปที่ญี่ปุ่นแล้วก็ได้ยินเพลงนี้จากในคลับ ซึ่งเราหลงรักเมโลดี้ของเพลงนี้มาก ๆ พอเรากลับมาบ้าน ผมก็เริ่มขึ้นคอร์ดของเพลง แล้วก็ฮัมเมโลดี้ แด้ แด แด้ แด จากเสียงที่ผมได้ยินในหัว (ซึ่งกลายเป็นเมโลดี้ในไลน์อินโทรของเพลง) แล้วมันก็เริ่มมาจากตรงนั้น สุดท้ายมันเลยกลายเป็นเพลงนั้นในเวอร์ชันแบบของเราครับ มีเพลงในอัลบั้มนั้นหลายเพลงเลยที่ผมทำมาจากเพลงที่ผมได้ยินอยู่ในหัว เป็นเพลงที่ผมเคยได้ยินมาก่อน และผมอยากจะฟังมันอีกครั้ง ผมก็เลยทำมันขึ้นมาใหม่ในแบบฉบับของผมเองครับ

ปกติแล้วเวลาคุณแต่งเพลงก็มักจะใช้วิธีนี้หรือเปล่า

ฌอน : ปกติแล้วเวลาแต่งเพลง เราเพียงแค่ทำตามความรู้สึกของเรา แบบว่าเอออันนี้มันดีนะ อันนี้มันห่วยนะ อะไรแบบนี้ หรือไม่ก็ทำอะไรที่มันใหม่ ๆ หรือเจ๋ง ๆ ออกมา แต่มันก็แตกต่างกันไปในแต่ละครั้ง แต่ปกติแล้วผมมักจะเริ่มต้นด้วยการแต่งดนตรี แต่งเมโลดี้ก่อน แล้วเนื้อเพลงถึงค่อยตามมาทีหลังครับ แบบว่าดนตรีนั้นจะต้องทำให้เรารู้สึกอะไรบางอย่างก่อน เราถึงจะรู้ว่าเพลงนี้เราจะเขียนเนื้อร้องเกี่ยวกับอะไร ไปในทางไหน

นี่พวกคุณก็อยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้ว

ลาชลาน : อืมน่าจะประมาณ 12-13 ปีได้ครับ เราเริ่มทำวงด้วยกันตั้งแต่ผมเรียนจบในปี 2010 เท่ากับว่าเราก็ทำวงกันมาว่า 12-13 ปีแล้ว ปีหน้าก็จะครบ 14 ปี ถือว่าเป็นเวลาที่ยาวนานเลยล่ะ

อยากรู้ว่าในระยะเวลาที่ผ่านมา พวกคุณทำงานร่วมกันยังไง ต่างเติมเต็มกันและกันยังไงบ้าง

ลาชลาน : โอ้ เราเติมเต็มกันตลอดเวลาเลยครับ (หัวเราะ)

ฌอน : ใช่ครับ มันเป็นแก่นหลักในการทำงานของเราเลย การเติมเต็มซึ่งกันและกัน

ไมเคิล : มันเหมือนกับการเป็นหยิน เป็นหยางให้กันและกัน

ลาชลาน : ซึ่งพวกเรานั้นเหมือนจะมีเรื่องของความรู้สึกที่ไปด้วยกันได้ดี มันไปด้วยกันได้

ไมเคิล : ใช่ ๆ ผมก็รู้สึกแบบนั้นด้วย

ฌอน : มันเหมือนว่าเราอยู่ด้วยกันมานาน และเราก็มีประสบการณ์อะไรต่อมิอะไรด้วยกันมามาก และนี่แหละมันทำให้สิ่งที่พวกเราทำ สิ่งที่พวกเราเป็นต่อกัน มันเป็นอะไรที่มีความเป็นธรรมชาติ มันเป็นธรรมชาติครับ

ในทุกวันนี้เมื่อพวกคุณมองย้อนกลับไปในจุดเริ่มต้นและมองกลับมาในวันนี้ คิดว่าอะไรคือความแตกต่างระหว่าง Last Dinosaurs ในตอนนั้นกับตอนนี้

ลาชลาน : เรามีความเป็นมืออาชีพมากขึ้นครับ เรารู้สึกรักในสิ่งที่พวกเรากำลังทำอยู่ในทุกวันนี้มาก ๆ และเราก็รู้สึกสนุกมาก ๆ ที่ได้เห็นอะไรต่อมิอะไรมันดีขึ้น ได้เห็นตัวเราเองพัฒนาขึ้น

ฌอน : มันมีความคราฟต์ครับ เหมือนกับว่าเราจดจ่อไปกับสิ่งที่ทำได้ดีขึ้น แบบว่าตอนที่พวกเรายังวัยรุ่น ๆ เราค่อนข้างสำมะเลเทเมาอยู่พอสมควร แล้วก็ขี้เกียจ แต่เราก็มีพลังแบบคนหนุ่มอ่ะนะครับ เป็นพลังงานดิบ (หัวเราะ) แต่สำหรับตอนนี้เรามีทั้งพลังงานแบบมืออาชีพมากขึ้น มีการโฟกัสจดจ่อ และความรัดกุม และมันทำให้งานเพลงของเรามันฟังดูดีขึ้นครับ

พวกคุณมีข้อความอะไรฝากให้แฟน ๆ ชาวไทยไหมครับ

ลาชลาน : ขอบคุณมาก ๆ นะครับ ขอบคุณแฟน ๆ ชาวไทยมาก ๆ เลยครับ

ไมเคิล : เรารักพวกคุณครับ

ฌอน : แล้วพบกันใหม่ในเร็ว ๆ นี้ครับ แล้วเราคิดว่าอยากไปเล่นที่เมืองอื่น ๆ บ้างครับ เพื่อที่แฟน ๆ ของเราตามที่ต่าง ๆ จะได้มาดูเราได้สะดวกขึ้น เช่น เรามีเพื่อนอยู่ที่พัทยา เราก็อยากไปเล่นที่นั่นเหมือนกัน รับรองว่าเราสนุกกันแน่ ๆ ครับ เมากันอีกแน่เลย (หัวเราะ) เรารู้ว่าเรามีแฟนเพลงที่ยอดเยี่ยมของเราอยู่ที่ต่าง ๆ เราเลยอยากจะได้สัมผัสช่วงเวลาที่ดี ๆ และบรรยากาศที่งดงามของสถานที่ต่าง ๆ เหล่านั้นครับ ก็ขอบคุณมาก ๆ นะครับ แล้วพบกันใหม่ครับแฟน ๆ ชาวไทย

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส