Zweed n’ Roll เป็นหนึ่งวงดนตรีคุณภาพของวงการดนตรีไทยที่มีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งรักษาเอกลักษณ์ของตัวเองเอาไว้และแสวงหาความแปลกใหม่ออกมาให้เราได้ฟังกันเสมอ ล่าสุดทางวงเพิ่งออกซิงเกิลใหม่ “หลักฐานของการมีอยู่” บทเพลงที่มีกลิ่นอายความเศร้าอันงดงามในแบบฉบับของ Zweed n’ Roll ซึ่งเป็นซิงเกิลที่ 4 จากอีพีอัลบั้มชุดใหม่ที่เราจะได้ฟังกันในอีกไม่นาน แต่ก่อนอื่นเรามาพูดคุยกับทั้ง 5 สมาชิกของ Zweed n’ Roll พัด–สุทธิภัทร สุทธิวาณิช (ร้องนำ) ปูน–ณัฐพัชร์ สมิตนุกูลกิจ (กีตาร์) มิน–ณัฐกร ศิลวัฒน์ (กีตาร์)  นิว–นิติ นิติยารมย์ (เบส) และ ทัน–ธรรม์ ดำรงรัตน์ (กลอง) ถึงความเป็นมาเป็นไปของซิงเกิลใหม่ รวมไปถึงซิงเกิลก่อนหน้าที่มีความแปลกใหม่ออกไปจากเดิม และเส้นทางต่อไปในอนาคตของวง

ตอนนี้อัลบั้มที่ 3  ใกล้จะออกแล้วรึยัง

พัด : ก็ประมาณต้นปีหน้าค่ะ

นิว : แต่อันนี้จะไม่ใช่อัลบั้มเต็มเป็นอีพีก่อนครับ

สำหรับอีพีใหม่ที่จะออกวางคอนเซ็ปต์และแนวทางไว้ยังไงบ้าง

นิว : อีพีนี้เหมือนเราเริ่มจากคอนเซ็ปต์แต่แรก แล้วก็ทำเพลงตามคอนเซ็ปต์ที่วางไว้ แต่ว่าเราค่อย ๆ เก็บไปทีละเพลง ๆ แล้วก็มารวมกันอีพี ส่วนคอนเซ็ปต์ของมันก็จะไม่ได้ล็อกตายตัว ด้วยความที่คอนเซ็ปต์มันเป็น something else มันก็เหมือนกับว่าเราก็ทดลองแล้วก็หาอะไรไปเรื่อย ๆ และก็ค่อย ๆ ปล่อยมันออกมาครับ

ตอนนี้ก็เหมือนกับปล่อยออกมา 4 ซิงเกิลแล้ว ซึ่งทั้งหมดนี้ก็จะอยู่ในอีพีอันใหม่นี้หมดเลย ?

นิว : ใช่ครับใช่ แล้วก็จะมีอีก 2 เพลงด้วยที่ยังไม่ได้ปล่อยออกมา

สำหรับอีพีนี้แนวทางหรือคอนเซ็ปต์ที่คิดไว้คืออะไร

พัด : ก็จริง ๆ คอนเซ็ปต์มันมันเกิดจากการอยากทำงานเป็นวงมากขึ้น แบบว่าใช้ potential ของแต่ละคนให้ออกมาให้เท่า ๆ กัน แล้วก็พยายามจะทำให้มันไม่มีกรอบ แบบว่าเอ็นจอยอยากทำอะไรก็ทำ

นิว : ด้วยความที่เราต้องการอะไรแปลกใหม่เราก็เลยชวนพี่โอ๋ซีเปียมาเป็นโปรดิวเซอร์ ซึ่งก็ตรงคอนเซ็ปต์ดีครับ

ทำงานกับพี่โอ๋เป็นยังไงบ้าง

นิว : ทำงานกับพี่โอ๋สนุกนะครับ เขาเป็นคนเล่าเรื่องเก่งแล้วก็มีประสบการณ์เยอะมาก ๆ เคยทำงานกับรุ่นใหญ่มาเยอะมาก ก็สนุกดีครับ พี่เขามีความเป็นมนุษย์อยู่ด้วยมาก ๆ ความรู้เยอะ แล้วก็ตลก หยาบคาย ๆ สนุก  ๆ (หัวเราะ)

อะไรที่พี่โอ๋เติมให้กับวงแล้วเรารู้สึกว่าสิ่งนี้มันดีมาก

พัด : พัดว่ามันมีจุดนึงที่พี่โอ๋เปลี่ยนความคิดในการแต่งเพลงของพัดแบบหน้ามือเป็นหลังมือ เขาขอให้เรามองในอีกมุมมองนึงที่เราไม่เคยมองหรือวิธีการร้องเพลงที่แบบเอ๊ะเราเป็นแบบนี้ด้วยหรอ เราไม่เคยสังเกตเลย มีประโยชน์มาก  ๆ ค่ะ

มาที่ซิงเกิลล่าสุด “หลักฐานของการมีอยู่” เพลงนี้เห็นว่าเป็นเพลงแรกที่มินแต่งหลังจากที่ไม่ได้แต่งมานาน เรื่องมันเป็นไงมาไง

มิน : จริง ๆ มันมีคอนเซ็ปต์มานานหลายปีแล้ว มาจากการที่เราได้ดูหนังเรื่องนึงแล้วได้ไอเดีย ได้คอนเซ็ปต์มาจากตรงนั้น แล้วก็พอเราทำอัลบั้มนี้ไปจนถึงเพลงนี้ซึ่งเป็นเพลงที่ 4 ทีมก็คิดว่าอยากได้เพลงที่มันมีกลิ่นในแบบเดิมของเรา เพราะว่าเราปล่อยเพลงเร็วไป 2 เพลงแล้ว เราเลยอยากได้เพลง medium ที่มันมีกลิ่นแบบ Zweed ที่คนฟังคุ้นเคย ก็เลยลองหยิบคอนเซ็ปต์นี้ขึ้นมาแต่ง ตอนแต่งก็ทั้งเนื้อและทำนองมันมาด้วยกันเลย มันเริ่มมาจากวลี ๆ หนึ่งก็คือ “หลักฐานของการมีอยู่” แล้วจากนั้นก็แต่งขยายออกมาจากจุดนี้ครับ

แล้วหนังเรื่องที่ว่าเป็นแรงบันดาลใจหรือที่มาของคอนเซ็ปต์เพลงนี้คือเรื่องอะไร

มิน : เรื่อง “Memento” ครับ ตอนนั้นผมเขียนไว้ในสมุดประมาณว่า ‘เครื่องเตือนความจำ’ ครับ เขียนไว้เป็นไอเดียเก็บเอาไว้

อยากรู้ว่าสมาชิกวงแต่ละคนเคยมีโมเมนต์อะไรที่ส่งผลสำคัญต่อชีวิต แล้วเราไม่เคยลืมเพราะมันมีบางสิ่งเป็นหลักฐานของการมีอยู่

นิว : สำหรับผม แมวผมเพิ่งเสียไปเมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้ว ตอนนี้ก็ยังปวดร้าวอยู่เลยครับ ซึ่งหลักฐานในการมีอยู่ของมันก็คือรูปถ่ายกระดูกของมันวันที่ผมเผา เสียงร้องของมันที่เคยอยู่ใต้โต๊ะ คลิปวิดีโอต่าง ๆ อะไรอย่างนี้ คือถึงมันจะหายไปแต่ว่ามันเหมือนการ remind ว่าเรื่องเหล่านี้เคยเกิดขึ้นจริงนะ ถึงตอนนี้มันจะไม่อยู่แล้วก็ตาม แต่ว่าเราก็ยังรู้สึกคิดถึงเสมอ แมวผมชื่อขาวครับ

พัด : สำหรับพัดก็น่าจะเป็นตอนที่ร้องเพลงให้คนอื่นฟังครั้งแรกค่ะ ช่วงประถมเหมือนจะร้องเพลงให้เพื่อนคน นึงฟัง แล้วเพื่อนเขาก็แบบว่า “เฮ้ย ร้องได้นี่ ร้องเพราะเลย” แล้วเขาก็ชม เราก็รู้สึกดีค่ะ แล้วพอเขาไปบอกคนอื่นว่าพัดร้องเพลงได้ คนอื่นก็เหมือนจะไม่เชื่อแบบว่าเฮ้ยพัดร้องเพลงได้หรอ แต่จากตอนนั้นมามันก็ทำให้พัดกล้าร้องเพลงมาจนถึงทุกวัน ซึ่งเพลงทั้งหลายของ Zweed ก็คือหลักฐานของการมีอยู่ของสิ่งนี้ค่ะ

มิน : สำหรับผมแล้วอาจเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เป็นเรื่องวัยเด็กที่เราทำอะไร ๆ ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ว่าสุดท้ายมันก็ประกอบกันขึ้นมาเป็นตัวเราและตัวเราก็เป็นหลักฐานของสิ่งเหล่านั้นครับ

ปูน : ของผมก็คล้าย ๆ พัดครับ เหมือนว่าพอตอนนี้เรามีโอกาสได้เล่นกีตาร์ ร้องเพลง เล่นเปียโน อะไรแบบนี้ครับตอนเด็ก ๆ อาจจะโดนบอกว่าเฮ้ยเสียงไม่เพราะเลย แต่ตอนนี้เราทำมันได้ และก็มีคนชมมากกว่า 1 คนก็ดีใจมากว่าเราก็ทำมันได้นะ

ทัน : ของผมน่าจะเป็นผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตครับ คำพูดคำสอนที่เขาเคยทิ้งให้เอาไว้ให้เรา แล้วผมก็น่าจะเหมือนพี่มินที่ทุกอย่างก็หล่อหลอมให้เราเป็นเราในทุกวันนี้ครับ

สำหรับเพลงใหม่ ๆ ที่ Zweed ทำออกมา มีเรื่องนึงที่ถือว่าแปลกใหม่เลยก็คือ Zweed ทำเพลงเร็ว อยากรู้ว่าไอเดียนี้มันเริ่มต้นจากอะไร

นิว : ก็นอกจากเรามีคอนเซ็ปต์ที่วางไว้แต่แรกแล้ว และอยากจะมองหาความแปลกใหม่ ความต่างจากที่เคยเป็นมา เราก็คิด ๆ กันว่ามันควรเป็นอะไร ซึ่งพี่โอ๋ก็มองเห็นภาพมันชัดเลยด้วยความเป็นโปรดิวเซอร์ ก็คือเราไม่เคยมีเพลงเร็วเลย ซึ่งนี่แหละมันคือมันความแตกต่างที่ชัดเจนอย่างหนึ่ง ตอนแรกเราวางไว้ด้วยเทมโปที่เร็วขึ้นแต่ไม่ได้เร็วเท่าที่ได้ฟังกัน ซึ่งพี่โอ๋เขาก็เข้ามาช่วยและบอกว่าให้เราปรับเทมโปไปให้สุดเลย แล้วก็ให้พัดลองแต่งมา ก็แบบว่าสนุกดีครับ แต่ว่าในช่วงแรก ๆ ด้วยความที่วงเราอยู่เทมโปแบบกลาง ๆ จนถึงช้ามาตลอด พอเวลาต้องเล่นให้มันเร็วขึ้นก็ต้องใช้การปรับตัวเปิดรับบางสิ่งบางอย่าง หรือความที่ว่าร่างกายเราไม่ได้บิลท์ตัวเองให้มีพลังมากขนาดนั้น เราก็เลยต้องปรับอยู่พอสมควรซึ่งมีมันก็สนุกดีครับในการทำเพลงเร็ว ทุกวันนี้ก็เหมือนเล่นไปก็แข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ และก็มีความสนุกขึ้นเรื่อย ๆ ทุกโชว์ครับ

มีเพลงนึงคือ “สองแปด” ซึ่งนอกจากจะเร็วและยังถือว่าแปลกเลยที่เดียว เพลงนี้ไอเดียมันมายังไง

พัด : เหมือนเรานึกถึงเหตุการณ์เกี่ยวกับหวยหรือว่าลอตเตอรี่ที่เจอมาตั้งแต่เด็ก ๆ คนรอบข้างชอบให้เราไปช่วยเลือกเลือกแบบว่า ‘หนู ๆ ดึงให้ป้าสักใบนึง’ อะไรแบบนี้ค่ะ ทีนี้พอโตขึ้นมาเรื่อย ๆ ก็จะเริ่มเห็นคนนี้แทงอันนั้น คนนั้นจะซื้ออันนี้ จนมันทำให้เราเริ่มซื้อดูบ้าง แล้วก็ลุ้น ๆ ทุกงวด ๆ อยากลองถูกรางวัลบ้าง ก็เลยหยิบจุดนี้มาแต่งเพลง คิดว่าเป็นเรื่องที่เราชอบเลยคิดว่าถ้าเอามาเล่าก็น่าจะสนุกดี

สงสัยมากเลยว่าแล้วทำไมเลขมันถึงต้อง “สองแปด” มันมีความหมายอะไรพิเศษไหม

พัด : จริง ๆ มันไม่มีค่ะ เป็นแค่ตัวเลขที่พัดคิดขึ้นมาเฉย ๆ ซึ่งตั้งแต่ปล่อยเพลงมามันก็ไม่ได้ออกเลขนี้เลยด้วยค่ะ (หัวเราะ)

แล้วสมาชิก Zweed เคยเสี่ยงโชคแล้วถูกกันบ้างไหม

พัด : พัดเคยถูกแค่ครั้งเดียวค่ะ คือถูกเลขท้าย 2  ตัวได้แค่ 2,000 ซึ่งแบบเทียบเท่ากับที่เราจ่ายไปไม่ได้เลย (หัวเราะ)

มิน : ไม่เคย ไม่เคยถูกเลย (หัวเราะ)

ปีนี้วงได้ไปเล่นคอนเสิร์ตต่างประเทศ (ไต้หวัน สิงคโปร์) เป็นยังไงบ้างได้เจอแฟน ๆ ต่างประเทศ

นิว : มัน fulfill นะครับ คือมันเป็นความฝันที่เรามุ่งหน้าอยากไปเล่นต่างประเทศอยู่แล้ว แล้ววันหนึ่งก็ได้ไปเล่น ได้เจอผู้คนใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยเจอกันมาก่อน ซึ่งอาจจะรู้จักเราจากเสียงเพลงหรือว่าบางทีอาจจะไม่รู้จักเลยแล้วก็เริ่มมาดูเรา ก็เป็นประสบการณ์ที่ดี แต่ละที่มันก็มีความแตกต่างกันไปครับ

แล้วฟิลลิ่งเขาเป็นยังไงบ้าง อารมณ์เหมือนคนไทยดูไหม

นิว :  ผมว่ามันเป็นเรื่องสถานที่ด้วยครับ สถานที่เล่นมันไม่ใช่ผับบาร์ร้านเหล้า มันจะเป็นพวก live house ทำให้ความรู้สึกต่างกัน แล้วก็มีความตั้งใจดูกันสูง แบบว่ามีสมาธิกับวงดนตรีค่อนข้างสูง

ถ้าให้เลือกประเทศนึงที่วงอยากไปเล่นมาก ๆ อยากไปที่ไหน เพราะอะไร

นิว : ถ้าตอบเร็ว ๆ ผมว่าอยากไปแกลสตันบูรี (Glastonbury) ครับ แต่มันจะเป็นฝันที่ไกลมาก ๆ เพราะตอนมหาลัยเราดูพวกบริทป๊อปทั้งหลายคือที่นี่มันคือที่สุดแล้วอะไรแบบนี้

พัด : พัดอยากไปอังกฤษค่ะ รู้สึกว่าคนอังกฤษกวนดีค่ะ (หัวเราะ)

นิว : ผมว่าใกล้ ๆ อย่างพวกซัมเมอร์โซนิก (Summer Sonic) ฟูจิร็อก (Fuji Rock) อะไรแบบนี้ก็น่าสนุกดีครับ

Zweed ก็ทำวง ทำงานเพลงร่วมกันมานาน อยากรู้ฟิลลิ่งว่าพวกเราเติมกันยังไงหรือเวลาตึงกันมีเรื่องไม่ลงกัน ส่วนใหญ่ไม่ลงกันเรื่องอะไรแล้วเราจูนกันผ่านมันไปยังไง

นิว : ตอนนี้เราก็แตกต่างจากเมื่อก่อนที่จัดการกันเอง 5 คน แล้วมันก็จะมีสถานการณ์ตึงเยอะเหมือนกันครับ แต่ตอนนี้พอมีค่ายและก็จะมีคนกลางมาช่วยเรื่องต่าง ๆ มากขึ้น สมมติเราจบเพลงกันไม่ได้หรือว่าเรื่องไหนที่เราตัดสินใจไม่ตรงกันเราก็จะมีโปรดิวเซอร์ที่คอยมาช่วยครับ ทำให้อาจจะไม่ต้องปะทะกันเองขนาดนั้น เป็นการปะทะกันทางความคิดมากกว่า แต่เมื่อก่อนด้วยความที่เราไม่ค่อยซีเรียส อัลบั้มแรกเราไม่ซีเรียส เราค่อนข้างตามใจตัวเองแล้วมันจะเป็นยังไงก็ได้มันก็เลยผ่านมาได้ด้วยดีครับ

แล้วฟิลลิ่งแบบไหนที่มันทำให้เรารู้สึกว่านี่แหละคือวงของเรา

นิว : สำหรับผม ผมจะมองที่หน้าแฟนเพลงนะ แฟนเพลงคือคนที่ทำให้เรารู้สึกว่าสิ่งที่เราทำมันมีคุณค่า รู้สึกว่า Zweed มันไม่ใช่แค่คน 5 คนบนเวทีแล้ว มันมีคนที่มาฟังเพลงของเรา มีคนที่มาพูดคุยกับเรา ซึ่งผมรู้สึกในแง่นี้มากกว่าครับ

พัด : น่าจะเป็นช่วงที่ทำเพลงแรก ๆ นะคะ ตอนที่พัดเขียนเพลงขึ้นมา แล้วก็เอามาให้เพื่อน ๆ แจมกันในห้องซ้อม มันก็จะเจออารมณ์ที่แบบว่านี่แหละใช่เลย เหมือนเป็นเมจิกโมเมนต์นิดนึง

ตอนนี้อะไรคือสิ่งที่อยากทำแต่ยังไม่ได้ทำทั้งในฐานะสมาชิกวง Zweed n’ Roll และส่วนตัว

นิว : ถ้าในความเป็น Zweed n’ Roll ผมอยากทำคอนเสิร์ตอะคูสติกครับ เพราะเรายังไม่เคยทำกันมาก่อน แล้วผมคิดว่ามันน่าจะเป็นภาพที่อบอุ่นและสวยงาม และก็ในการ arrange ของแต่ละเพลงผมว่ามันน่าสนใจครับ ทำเวทีกลม ๆ แล้วก็ให้คนฟังมาล้อม อันนี้เป็นอะไรที่ผมคิดไว้ครับหลังออกอัลบั้มอยากจะทำมากเลยถ้าเป็นไปได้   ส่วนเป้าหมายส่วนตัว ผมอยากออกอัลบั้มเดี่ยวของตัวเอง ผมยังมี taste ทางดนตรีที่หลากหลายที่เราชอบก็เลยอยากลองทำมันดูครับ

พัด : อยากทำเพลงที่ทุกคนคิดด้วยกัน เริ่มทำทั้งเพลงด้วยกันค่ะ ส่วนเป้าหมายส่วนตัวคิดว่าอยากจะค้นหาอะไรที่เป็นตัวเองจริง ๆ แล้วก็ทำให้มันขึ้นไปอยู่ข้างบนให้ได้ค่ะ

มิน : เป้าหมายส่วนตัวของผม อยากลองเขียนเพลงให้ศิลปินหลาย ๆ แบบ เขียนเพลงให้วงอื่น ๆ บ้าง

ปูน : ผมอยากไปเล่น Tiny Desk ครับ มันเป็นความฝันอันนึงของผมเลยครับ รู้สึกว่าชอบมาก ๆ อยากมีส่วนร่วมในรายการนี้

ทัน : ผมคิดว่าอยากให้สมาชิกในวงทำผลงานออกมาในแบบของตัวเองครับ คิดว่าถ้าออกมาแล้วมันก็คงจะสวยงามไปอีกแบบ

สุดท้าย Zweed มีอะไรอยากบอกกับแฟน ๆ บ้าง

พัด : ขอบคุณที่สนับสนุนและก็ชื่นชอบในเพลงหรือว่าในตัวของพวกเรานะคะ อยากฝากผลงานเพลง “หลักฐานของการมีอยู่” ไว้ละกันค่ะ ฟังได้ทุกช่องทางนะคะแล้วก็มีเอ็มวีให้ดูในยูทูบค่ะ

นิว : ก็ฝากติดตามเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ก็ follow เราไว้นะครับ เราก็จะมีอะไรมาอัพเดทเรื่อย ๆ แล้วก็รักษาตัวรักษาจิตใจแล้วมาเจอกันครับ เดี๋ยวพอออกอัลบั้มคงต้องมีคอนเสิร์ตอะไรเกี่ยวกับอัลบั้มอยู่แล้ว ก็รอดูว่าจะออกมาเป็นรูปแบบไหนนะครับ แล้วพบกันครับ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส