“ไปให้สุดแล้วหยุดที่ภาค 2”

หนึ่งในประโยคล้อเลียนจากหนัง ‘Deadpool’ ที่แซวไปถึงสตูดิโอหนังต่าง ๆ ได้อย่างแสบสัน เนื่องจากโปรเจกต์ต่าง ๆ ที่ผู้สร้างพยายามจะทำให้เป็นแฟรนไชส์ มักจะหยุดอยู่ที่ภาค 2 กันซะส่วนใหญ่ โดยภาพยนตร์ชุด ‘Percy Jackson’ เองก็เป็นหนึ่งในแฟรนไชส์ที่โดนคำสาปหยุดที่ภาคสองเช่นกัน แต่เอ๊ะ ทั้งที่หนังมีนักแสดงที่ดี CG ก็งามตา ไปจนถึงโปรดักชันที่ดูทุนหนา อะไรกันที่ทำให้ ‘Percy Jackson’ ถึงโดนคำสาปให้ไปไม่ถึงฝั่งฝันกันนะ 

ย้อนกลับไปในปี 2001 หลังจากที่หนัง ‘Harry Potter and the Sorcerer’s Stone’ ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม จนกลายเป็นหมุดหมายให้สตูดิโอเตรียมส่งหนัง Harry Potter ตามออกมาอีก 6 ภาค เหตุการณ์นี้ทำให้สตูดิโอในฮอลลีวูดหลายแห่ง ‘เริ่มเข้าซื้อหนังสือที่มีตัวละครหลักเป็นเด็กสามคน มาไล่ตามสัตว์ประหลาด’ เพื่อหมายจะปั้นเป็น Harry Potter เรื่องต่อไป

หลังจากสตูดิโอ 20th Century Fox ตามหาอยู่หลายปี ในที่สุดปี 2005 ก็มีหนังสือเล่มหนึ่งที่ตรงกับความต้องการออกมา นั่นคือ ‘Percy Jackson and the Olympians: The Lightning Thief’ ของริค ไรออร์แดน (Rick Riordan) ซึ่งเล่าถึงเด็กหนุ่ม เพอร์ซีย์ แจ็กสันวัย 12 ปี ที่ค้นพบว่า สัตว์ประหลาด และภาพหลอนต่าง ๆ ที่รบกวนเขามาตลอดชีวิต ไม่ใช่จินตนาการที่สร้างขึ้นมา นั่นเพราะความจริงแล้วเพอร์ซีย์เป็นมนุษย์ครึ่งเทพ 

เรื่องราวทำให้ เพอร์ซีย์ แจ็กสัน ได้รู้ว่าตำนานกรีกที่เขาเรียนรู้มานั้นมีอยู่จริง และด้วยเหตุนี้เขาจึงได้ร่วมออกผจญภัยกับ แอนนาเบ็ธ เชส และ โกรเวอร์ อันเดอร์วู้ด เพื่อตามหาสายฟ้าที่หายไปกลับมา

ในขณะที่โปรเจกต์กำลังเดินหน้าไปได้ดี โดย 20th Century Fox หมายมั่นว่าภาพยนตร์ชุดนี้จะกลายเป็น Harry Potter ของพวกเขา ทว่า ทอม ร็อธแมน (Tom Rothman) ผู้เป็นหัวหน้าของ Sony Pictures ในขณะนั้น และดำรงตำแหน่งประธานร่วมของ 20th Century Fox ก็ได้เข้ามาดูแลโปรเจกต์นี้

ว่ากันว่า ทอม ร็อธแมน อาจเป็นหนึ่งในผู้บริหารสตูดิโอที่แย่ที่สุดในฮอลลีวูด เพราะไอเดียแย่ ๆ หลายอย่างมักจะมาจากเขา อาทิ เดดพูลปิดปากที่เราเห็นใน ‘X-Men Origins: Wolverine’ และเขายังดองโปรเจกต์ Deadpool ไว้จนเกือบไม่ได้ทำหนังออกมา แถมล่าสุดร็อธแมนยังเข้ามายุ่งกับโปรเจกต์การดัดแปลง ‘Uncharted’ ให้กลายเป็นหนัง จนแฟนเกมเห็นยังรู้สึกไม่ชอบ 

ทอม ร็อธแมน

ทอม ร็อธแมน เป็นคนที่คุมเรื่องเงิน ฉะนั้นเขามักจะสร้างหนังให้ถูก ด้วยการกดเงินให้ต่ำ ตัดตรงนั้น หั่นตรงนี้จนเหี้ยน ซึ่งผู้เขียนบทหนัง ‘Percy Jackson & the Olympians: The Lightning Thief’ อย่างเครก ทิดลีย์ (Craig Titley) ถึงขนาดบอกว่า “ถ้าการเป็น Harry Potter คือสิ่งที่เราตั้งเป้าไว้ แน่นอนว่าร็อธแมนจะทำให้โปรเจกต์นั้นพิการอัตโนมัติ ”

เมื่อคิดได้ดังนั้น 20th Century Fox จึงเข้าซื้อลิขสิทธิ์ของ ‘Percy Jackson’ ทันที และเพื่อให้มั่นใจว่าหนังจะออกมาดีแบบ ‘Harry Potter’ สตูดิโอจึงจ้าง คริส โคลัมบัส (Chris Columbus) ผู้กำกับที่สร้าง ‘Harry Potter and the Sorcerer’s Stone’ มาทำหนัง ‘Percy Jackson & the Olympians: The Lightning Thief’ เพื่อหมายมั่นว่ามันจะประสบความสำเร็จในระดับเดียวกับแฟรนไชส์ ‘Harry Potter’ ในตอนที่หนังออกฉาย

“ร็อธแมนรู้สึกว่า ถ้าเราสามารถขายหนังที่ทำจากหนังสืออันโด่งดังได้ แล้วทำไมเราจะต้องเสียเงินแพง ๆ ให้กับการสร้างภาพยนตร์ล่ะ”

เครก ทิดลีย์ ผู้เขียนบท Percy Jackson & the Olympians: The Lightning Thief กล่าว

ทิดลีย์ยืนยันว่า เพราะร็อธแมนลดงบของหนังลง ทำให้หนังต้องเขียนบทใหม่ เพื่อให้ประหยัดงบมากขึ้น จนต้องตัดหลายฉากที่รู้สึกว่ายืดเยื้อออกไป เรียกได้ว่าร็อธแมนไม่สนใจว่าคนดูจะรู้สึกยังไง เพราะเขาคิดว่าตัวเองจะทำอะไรกับทรัพย์สินที่อยู่ในมือก็ได้

แน่นอนว่าริค ไรออร์แดน ผู้เขียนหนังสือชุด ‘Percy Jackson’ ได้พยายามโน้มน้าว 20th Century Fox ให้เปลี่ยนวิธีดัดแปลงเรื่องราวต่าง ๆ ด้วยความใส่ใจมากขึ้น ซึ่งไรออร์แดนถึงขนาดขอลงไปเขียนบทด้วยตนเอง ทว่ารอธแมน และสตูดิโอก็ไม่ฟังเขาเลย

ในปี 2009 คริส โคลัมบัส ก็สามารถเข็นภาพยนตร์ ‘Percy Jackson & the Olympians: The Lightning Thief’ ออกมาสู่สายตาชาวโลกได้สำเร็จ ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ แบกรับความคาดหวังของแฟน ๆ แถมนำแสดงด้วยนักแสดงอายุน้อยที่มีพรสวรรค์อย่างโลแกน เลอร์แมน และอเล็กซานดร้า ดาแดริโอ ซึ่งใครก็หมายมั่นว่ามันจะออกมาปังแบบเดียวกับ Harry Potter อย่างแน่นอน 

ทว่าเมื่อแฟนหนังสือได้เข้าไปดูจริง ๆ กลับมีอันต้องผิดหวัง เพราะเนื้อหาหลายส่วนถูกดัดแปลงไปจากหนังสือต้นฉบับอย่างมาก ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่แฟนคลับต้องการ อายุตัวละครก็เปลี่ยนไป เคมีนักแสดงก็แทบไม่ได้ มันเป็นเพียงหนังวัยรุ่นดาด ๆ ที่ขายอารมณ์ขัน และพ่วงการผจญภัย ซึ่งในภาค The Lightning Thief ก็ทำลายได้ทั่วโลกเพียง 227 ล้านเหรียญ พร้อมกับเสียงก่นด่าของแฟนหนังสือ

แม้จะมีการตอบรับอย่างร้อนแรง ทว่า 20th Century Fox ก็หาได้แคร์ เพราะแกก็เข็นภาคต่ออย่าง ‘Percy Jackson: Sea of Monsters’ ออกมาทันที ซึ่งภาคนี้โคลัมบัสไม่กลับมากำกับ นั่นทำให้ผู้กำกับจึงเปลี่ยนไปเป็น ธอร์ ฟรอยเดนธัล (Thor Freudenthal) แทน

สำหรับภาค Sea of Monsters นั้นก็ยังคงคอนเซ็ปต์ ดัด ตัด ซะเหี้ยนอยู่เช่นเคย ซึ่งผลที่ได้คือการเจ๊งระนาว เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้เพียง 200 ล้านดอลลาร์ นั่นเท่ากับว่าน้อยกว่าภาคแรกซะอีก รวมถึงโดนแฟน ๆ และนักวิจารณ์ต่างรุมสาปส่งทันที ด้วยเหตุนี้ 20th Century Fox จึงปิดประตูแฟรนไชส์ Percy Jackson ไป

คนที่เจ็บปวดใจที่สุดคงไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นคือ ริค ไรเดอร์แดน ผู้แต่งนิยายต้นฉบับนั่นเอง ซึ่งลุงแกถึงกับบอกว่าเขาแทบจะทิ้งฮอลลีวูดในทันที เพราะความเจ็บแสบที่ 20th Century Fox ทำไว้ ทำให้ไรเดอร์แดนขยาดกับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไป

“มีหลายปีที่ผมพูดว่า ไม่อยากมีส่วนร่วมกับแฟรนไชส์นี้ ไม่อยากคิดถึงการดัดแปลงอื่น ๆ มันจบแล้ว”

ริค ไรเออร์แดน

ทว่า ในปี 2019 ก็ดันเกิดเหตุการณ์ที่ช็อกโลก นั่นคือ Disney เข้าซื้อกิจการของ 20th Century Fox การเปลี่ยนแปลงนี้นำมาซึ่งความหวังครั้งใหม่ให้กับแฟรนไชส์ต่าง ๆ อาทิลิขสิทธิ์ X-MEN ของ MARVEL ที่จะได้กลับบ้าน รวมถึงการที่แฟรนไชส์ Percy Jackson มาอยู่ใต้ชายคาของ Disney ที่มีประวัติชั้นดี ซึ่งสามารถดัดแปลง MARVEL ให้ออกมาเป็นที่รักของคนทั่วโลกได้

สำหรับไรเออร์แดน เหตุการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดทั้งความกังวล และ ‘ความหวังอันริบหรี่’ นั่นทำให้เขาเริ่มเข้าพบปะกับผู้บริหารหลาย ๆ คน จากสาขาต่าง ๆ ของบริษัท Disney ในการสร้าง Percy Jackson จนในที่สุดไรเออร์แดนก็ได้เข้ามาร่วมงานในฐานะผู้อำนวยสร้าง Percy Jackson ให้กลายเป็นซีรีส์

Percy Jackson ของ Disney

คราวนี้ไรเออร์แดน ยืนยันว่าโปรเจกต์นี้คือสิ่งที่เขาคัดเลือกมากับมือ ตั้งแต่บทยันนักแสดงนำ เพื่อให้ซื่อสัตย์ต่อต้นฉบับ รวมทั้งสร้างสิ่งที่แฟนหนังสืออยากเห็นขึ้นมาจริง ๆ

แม้ว่าการอยู่ใต้ชายคา Disney จะทำให้เสียงแตก เนื่องจากมีการคัดเลือกนักแสดงผิวดำ มารับบทเป็นแอนนาเบ็ธ เชส ทำให้แฟนหลายคนเกิดความรู้สึกที่ไม่ชอบ เพราะทั้งที่นิยายต้นฉบับก็ชูประเด็นเรื่องความหลากหลายอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องดัดแปลงให้เป็นผิวดำเลย แต่เหตุใดไรเออร์แดนจึงกล้าเลือกแอนนาเบ็ธให้เป็นคนผิวดำ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของทั้งไรเออร์แดน และ Disney ว่าจะทำอย่างไรให้ตรึงคนดูได้อยู่หมัด รวมถึงกอบกู้ความหวังที่เคยพังทลายของแฟนหนังสือกลับมา

อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์ชุด ‘Percy Jackson’ แฟรนไชส์เดิมก็ใช่ว่าจะไม่มีสิ่งที่ดีเลย เพราะมันได้ปั้น โลแกน เลอร์แมน จนกลายเป็นหนึ่งในดาราแถวหน้า รวมถึงส่ง อเล็กซานดร้า ดาแดริโอ ให้กลายเป็นขวัญใจหนุ่ม ๆ ตลอดกาล

ที่มา: variety, screenrant , geektyrant

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส