นี่เป็นการประกาศเลิกจ้างครั้งแรกที่มีผลต่อหลาย ๆ หน่วยงานของ Amazon ในปี 2024 นี้ การเลิกจ้างครั้งนี้นับเป็นผลกระทบต่อเนื่องมาจากการที่ Amazon เข้าซื้อสตูดิโอ MGM เมื่อปี 2022 บวกกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และการประท้วงหยุดงานของสมาคมนักเขียนและสมาคมนักแสดงเมื่อปี 2023 ซึ่ง Amazon วางเป้าหมายที่จะเลิกจ้างพนักงานทุกหน่วยงานรวมแล้วประมาณ 18,000 ราย

ไมค์ ฮอปกินส์

ไมค์ ฮอปกินส์ (Mike Hopkins) หัวหน้าฝ่ายบันเทิงของ Amazon ส่งอีเมลแจ้งข่าวร้ายนี้ถึงพนักงานเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ใจความว่า
“นี่เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก และมันเป็นเรื่องที่ทีมบริหารของผมไม่สามารถละเลยได้ เป็นเรื่องยากที่จะบอกลาชาว Amazon ทุกท่านที่มีความสามารถซึ่งได้มีส่วนร่วมอย่างมีความหมายต่อลูกค้าของเรา ทีมของเรา และธุรกิจของเรา ขอบคุณสำหรับความทุ่มเทในการทำงานที่ผ่านมา ในการช่วยเหลือในการเลิกจ้างครั้งนี้ เราได้จัดเตรียมแพ็กเกจที่ประกอบไปด้วย เงินชดเชยตามกฎหมาย เงินสงเคราะห์ในกรณีเลิกจ้างที่อิงตามเกณฑ์ในแต่ละประเทศ และการช่วยหางานใหม่”

ฮอปกินส์กล่าวว่า Amazon จะเริ่มแจ้งข่าวถึงพนักงานที่ถูกเลิกจ้างแต่ละรายในเช้าวันพุธที่ 17 มกราคมนี้ ส่วนพนักงานในอเมริกาที่ถูกเลิกจ้างจะได้รับแจ้งภายในวันพุธที่ 10 มกราคม ส่วนพนักงานในภูมิภาคอื่น ๆ ส่วนใหญ่จะได้ทราบข่าวภายในสุดสัปดาห์หน้า

แดน แคลนซี

ภายในฝั่ง ‘Twitch’ แพลตฟอร์มของเหล่าเกมเมอร์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Amazon นั้น แดน แคลนซี (Dan Clancy) CEO ได้ประกาศเลิกจ้างพนักงานจำนวน 500 ราย และได้อธิบายเหตุผลในการเลิกจ้างว่า
“ผมรู้ว่าพวกคุณหลายคนสงสัยว่าทำไมจึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ในปีที่ผ่านมาเราได้ทำงานเพื่อสร้างธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่ยั่งยืน แต่เพื่อให้ Twitch สามารถคงอยู่ต่อไปได้ในระยะยาว เราจำเป็นต้องลดต้นทุนบางส่วนและจำต้องตัดสินใจทำอะไรหลายอย่างเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น”

“น่าเสียดายที่ว่า เราได้ลองทำอะไรหลายอย่างแล้ว แต่ก็ยังชัดเจนว่าองค์กรของเรามีขนาดใหญ่เกินความจำเป็น เมื่อพิจารณาถึงขนาดธุรกิจของเรา ปีที่แล้วเราใช้เงินไปมากว่า 1,000 ล้านเหรียญกับเหล่าสตรีมเมอร์ทั้งหลาย แต่ในขณะที่ Twitch ยังคงแข็งแกร่งอยู่เช่นนี้ เราจึงควรต้องปรับขนาดองค์กรของเราให้มีขนาดที่เหมาะสมที่จะดำเนินต่อไปในช่วง 3 ปีนี้หรือมากกว่านั้น แต่ไม่ใช่ในขนาดปัจจุบันนี้ เช่นเดียวกับบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ ในวันนี้เรากำลังปรับขนาดองค์กรอิงตามขนาดของธุรกิจเราในปัจจุบันและตามการคาดการณ์ว่าเราจะโตไปในระดับใดในอนาคต”

ที่มา : Variety