ภาคปิดท้ายในไตรภาคของ วูลฟ์เวอรีน ฮีโร่ผู้โดดเด่นจากทีม X-Men ที่รอบนี้มีข่าวสร้างกระแสตั้งแต่ก่อนเปิดกล้องแล้ว เพราะแฟน ๆ ต่างก็ลุ้นว่า ฮิวจ์ แจ็คแมน จะยอมกลับมาไหม เหตุจากก่อนหน้านั้นฮิวจ์ ออกปากเขาเบื่อเหลือเกินแล้ว กับบทวูลฟ์เวอรีนที่เล่นมาแล้ว 9 เรื่องถ้านับ Logan ด้วยนี่ก็เรื่องที่ 10 แล้ว สุดท้ายก็ได้เสียงเฮเมื่อฮิวจ์ประกาศผ่านหน้าอินสตาแกรมของเขาว่า “โอเค ยอมกลับมาเป็นเรื่องสุดท้ายล่ะ” ไม่กี่เดือนจากนั้นเราก็ได้เห็นเทรลเลอร์แรกของ Logan ที่ให้ความรู้สึกแตกต่างมาก จากหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่เคยผ่าน ๆ ตากันมา ด้วยลุคชราภาพของ โลแกน และ ชาร์ล เซเวียร์ บนฉากหลังทะเลทรายส้ม ๆ แล้วใช้เพลงคันทรี่ของจอนนี่ แคช มาประกอบ สร้างความกระหายอยากลิ้มลองหนังซูเปอร์ฮีโร่ทิศทางที่แปลกใหม่ บวกกับไม่กี่วันก่อนหน้านี้ คะแนนจากนักวิจารณ์ในเว็บ Rottentomatoes พุ่งพรวด วันนี้อยู่ที่ 92% ส่วน IMDB อยู่ที่ 9.0 โอ้โห!! มันมีดีอะไรในหนังเรื่องนี้เนี่ย

ภาคนี้นับได้ว่าผู้กำกับเจมส์ แมนโกลด์ ดึงตัวตนกลับมาในผลงานได้มากขึ้น เจมส์ เป็นผู้กำกับที่เก่งมากคนหนึ่งในฮอลลีวู้ด มีรางวี่รางวัลติดตัวมาเยอะแม้จะเป็นเวทีเล็ก เคยส่งให้ รีส วิเธอร์สปูนได้ออสการ์สมทบหญิงมาแล้วจากเรื่อง Walk The Line (2005) เคยมีหนังคาวบอยมันส์ ๆ อย่าง 3:10 to Yuma (2007) อีกทั้งยังเป็นมือเขียนบทภาพยนตร์ที่เก่งด้วย เรื่องนี้ เจมส์ เลยเหมาหน้าที่เองทั้งเขียนบทและกำกับ ได้ผลชะงัดครับ Logan ออกมาเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่มีสัดส่วนความเป็นดราม่าหนัก ๆ อย่างที่ผู้กำกับเจมส์ เคยบอกไว้ว่าภาคนี้เขาอยากเน้นด้านความเป็นมนุษย์ของวูลฟ์เวอรีนออกมามากว่าด้านเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ หนังเลยเน้นด้านความสัมพันธ์ของตัวละครระหว่างโลแกน กับ ชาร์ล ดูแล้วเป็นภาพที่น่ารักดีที่ได้เห็นอาจารย์กับศิษย์เอกได้มาดูแลกันในวันเวลาที่ลำบาก และความผูกพันที่ค่อย ๆ สร้างสมในวิกฤตการณ์ระหว่างมิวแตนท์สูงวัยกับมิวแตนท์เด็กวัย 11 ขวบ

ภาคนี้เจมส์ดัดแปลงเรื่องราวมาจากการ์ตูน Old Man Logan ที่เล่าชีวิตของโลแกนในบั้นปลาย เขากำลังสูญเสียพลังในการฟื้นฟูรักษาแผลตัวเองไปตามวัย และอยู่ในยุคที่มิวแตนท์โดนกำจัดไปเกือบหมด ในหนังเขียนให้เหตุการณ์เกิดในปี 2024 เป็นช่วงอนาคตอันใกล้เลยไม่ต้องใส่ซีจีจำลองภาพโลกที่มีวิทยาการกันมากนัก โลแกน และคาลิบัน (มนุษย์กลายพันธุ์ที่มีพลังจิตตามหามนุษย์กลายพันธุ์ตัวอื่นได้เคยปรากฎตัวในภาค X-Men: Apocalypse ) พาศาสตราจารย์ชาร์ล เซเวียร์ มาหลบซ่อนตัวอยู่ที่ชายแดนอเมริกา-เม็กซิโก โลแกน ทำงานเป็นคนขับรถลิมูซีน เป็นภาพที่แปลกดีได้เห็นมิวแตนท์ทำงานหาเงิน

ชาร์ล ในวัยขึ้นเลข 9 ก็เริ่มมีอาการอัลไซเมอร์และควบคุมพลังตัวเองไม่ได้คอยยิงกระแสจิตออกมาเป็นระยะ  ทำให้คนที่อยู่ในรัศมีรอบด้านเป็นอัมพาตไปชั่วขณะ โลแกนและคาลิบัน ก็เลยต้องมีภาระดูแลให้ชาร์ล กินยาระงับประสาทตรงเวลา วันหนึ่งก็มีหญิงเม็กซิกันติดต่อโลแกน ว่าจ้างให้พาเธอและลูกสาววัย 11 ขวบข้ามชายแดนไปแคนาดา เพราะมีองค์กรลึกลับกำลังตามล่าตัวเธอและลูก และนั่นคือจุดเริ่มต้นเรื่องราวทั้งหมดในภาคนี้ ที่เปิดมาด้วยปริศนามากมายแล้ว เด็กหญิงคนนี้เป็นใคร จากที่เราเห็นในตัวอย่างว่าเธอมีกรงเล็บอะดาเมนเทียมเหมือนโลแกน และพวกที่ตามล่าคือองค์กรอะไรมีเป้าหมายอะไร ถึงแม้จะเป็นภาค 3 ของวูลฟ์เวอรีนแต่เนื้อหาก็ไม่ได้ต่อเนื่องจากภาค 1 , 2 แต่อย่างใด มีการอิงตัวละครจาก X-men เท่านั้น แต่เป็นเรื่องราวที่อยู่กันคนละไทม์ไลน์ แค่พอรู้จัก X-Men มาบ้างก็ดูรู้เรื่องครับ

อย่างที่เจมส์ กล่าวไว้ว่าเขาต้องการดึงด้านความเป็นมนุษย์ของโลแกนออกมาให้มาก ถึงใช้ชื่อเรื่องว่า โลแกน คือตัวตนจริง ๆ ของโลแกน ไม่ใช่วูลฟ์เวอรีน เราจึงได้เห็นโลแกนทำงานเพื่อปากท้อง ได้เห็นโลแกนที่แก่หนวดเคราหงอก ทั้งหน้าตาและร่างกายมีแต่รอยแผลที่ฟื้นตัวได้ไม่สมบูรณ์เหมือนแต่ก่อน เดินขากะเผลกทั้งเรื่อง ชาร์ลก็หลง ๆ ลืม ๆ เป็นตาแก่ขี้บ่น คาลิบันก็ผอมกะหร่องเดินกระย่องกระแย่งแต่ละคนไม่หลงเหลือภาพลักษณ์เท่ ๆ ในอดีตให้เห็นแถมยังมีคำพูดจิกกัดเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ที่ใช้ชุดแนบเนื้อปกป้องโลกอีกด้วย

หนังมีความเป็นโร้ดมูฟวี่พอควรเพราะเรื่องหลัก ๆ อยู่บนท้องถนนที่ทั้ง 3 ชีวิต โลแกน ชาร์ล แลลอร่า ต้องใช้ชีวิตกันในรถหนีการตามล่าจากองค์กร เป็นการเดินทางที่ทุลักทุเลมากต้องหนีไปด้วยแล้วยังต้องดูแลชาร์ลที่เผลอนานไม่ได้ก็จะปล่อยพลังจิตออกมา เราได้สนุกไปกับเส้นเรื่องหลักบนถนนสอดแทรกกับเรื่องราวที่่ทั้ง 3 พบเจอระหว่างทาง

หยอดด้วยปริศนาที่ค่อย ๆ เผยออกมา ทั้งความลึกลับขององค์กร ความสัมพันธ์ของโลแกน และลอร่า และเหตุที่เหล่ามิวแตนท์หายไป แม้หนังจะค่อนไปทางดราม่าไม่โชว์พลังพิเศษของเหล่ามิวแตนท์อย่าง X-Men ทุก ๆ เรื่องที่ผ่านมา แต่ฉากต่อสู้ใน Logan ก็สนุกและน่าเอาใจช่วย เพราะภาคนี้เหล่าร้ายยกโขยงกันมาหลายสิบ ตัวบอสก็ดุน่ากลัว ในขณะที่โลแกนเราก็ไม่ได้แข็งแรงแบบแต่ก่อนแล้ว แก่และหอบง่ายพลังเหลือน้อย ด้อยกว่าคู่ต่อสู้มากต้องคอยลุ้นว่าจะรอดมั้ย แต่ฉากต่อสู้ก็โหดเกินคาด โหดกว่า X-Men ทุกเรื่องที่เคยสร้างมา เห็นกรงเล็บอะดาเมนเทียมแทงทะลุหัวกันจะ ๆ หนูน้อยลอร่าก็โหดเกินเด็ก เวลาแทงจะซอยกรงเล็บรัว ๆ เลือดกระฉูด ภาคนี้ทางค่ายไฟเขียวให้โหดได้เต็มที่เพราะ Deadpool นำร่องให้ดูแล้วว่าหนังซูเปอร์ฮีโร่เรท R ก็ทำเงินได้โดยไม่ต้องไปมัวกังวลรายได้จากเด็กอายุต่ำกว่า 17

Logan เป็นการปิดไตรภาควูลฟ์เวอรีนและเป็นการสั่งลาของฮิวจ์ แจ็คแมนที่ทำได้สวยงามและน่าจดจำ รวมไปถึงหนูน้อยลูกครึ่งสเปน-อังกฤษ เดฟเน่ คีน ชื่นชมทีมงานจริง ๆ ที่คัดสรรเด็กมาได้เหมาะสมกับบท เดฟเน่เป็นเด็กที่หน้าตาน่ารักโตไปสวยแน่นอน บทลอร่าของเธอคือเด็กที่ผ่านเรื่องราวร้าย ๆ มามากเลยมองคนรอบข้างด้วยตาขวาง ๆ ดูแล้วรู้สึกได้ว่าไอ้เด็กตัวนี้มันต้องร้าย แต่พอถึงฉากดราม่าน้องหนูเดฟเน่ ก็เล่นได้ดีนะ เอาใจช่วยให้หนูเดฟเน่ อยู่ในวงการไปนาน ๆ

ใครเบื่อหนังซูเปอร์ฮีโร่แนะนำว่าให้ลองดู Logan นี่คือหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ฉีกขนบที่แล้วมาทั้งสิ้น มีครบหมดทั้งดราม่า แอ็คชั่น และปริศนามากมาย หนังเข้าวันนี้แล้วรีบไปดูนะครับถ้าช้าอาจโดนสปอยล์แล้วจะพาลโกรธกันเหมือนตอน Starwars: The Force Awakens

Play video