เป็นหนังอีกเรื่องที่ยื้อยุดกันอยู่นานว่าจะฉายโรงหรือฉายแบบออนไลน์ สำหรับหนัง Mulan หนัง Live Action ของหนังเทพนิยาย Disney และเป็นโปรแกรมยักษ์ของปีนี้ที่ค่ายหนังก็หวังรายได้เอาไว้มาก จึงเลื่อนฉายสลับกับ Tenet ในการจะเป็นหนังฟอร์มใหญ่เรื่องแรกที่ฉายในช่วงโควิดยังไม่ซา แต่รายงานล่าสุดอาจเป็นข่าวร้ายสำหรับแฟนหนังประเทศที่มีสตรีมมิง Disney+ เปิดให้บริการ เพราะหนังได้ตัดสินใจฉายลง Disney+ เรียบร้อยแล้ว

โดย Disney+ จะเริ่มให้ดู Mulan ในวันที่ 4 กันยายนนี้ ด้วยราคา 29.99 เหรียญฯ (ราว 930 บาท ซึ่งดูคนเดียวไม่คุ้มแน่ ๆ) ซึ่งจะเป็นการขายแบบที่ไม่ใช่บริการปกติบน Disney+ เพราะผู้ใช้จำเป็นต้องจ่ายค่าเข้าชมเพิ่มอีก นอกเหนือจากการจ่ายค่าสมาชิกรายเดือน 6.99 เหรียญฯ และคาดว่าผู้ใช้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกรายเดือนก็สามารถเช่าชมในราคาเดียวกันนี้ อย่างไรก็ตามสื่อ 2 สำนักก็ยังมีการรายงานแพ็กเกจการเช่าที่ไม่ตรงกัน เพราะ Variety บอกว่าจะเป็นการเช่าแบบจำกัดเวลา ส่วน Insider รายงานว่า ราคา 29.99 เหรียญฯ ถือเป็นการซื้อขาดและสามารถชมได้ไม่จำกัดตราบใดที่ยังเสียค่าบริการรายเดือนอยู่

Disney Mulan

แต่สำหรับประเทศอื่น ๆ ที่ไม่มี Disney+ จะยังคงมีแผนฉายในโรงภาพยนตร์ตามปกติทันที สื่ออย่าง Variety ก็ทำโพลอย่างรวดเร็วว่า แฟน ๆ ในสหรัฐฯ จะตอบรับกับการซื้อหนังดูผ่านสตรีมมิงมากแค่ไหน ซึ่งผลที่ได้ตามด้านล่าง ถ้าเป็นจริงก็คงสร้างความร้อน ๆ หนาว ๆ ให้กับ Disney เหมือนกัน

How The Twitter Community Feels About $29.99 For 'Mulan' Rental ...

เรามองว่าการขายหนัง Mulan แบบออนไลน์แบบนี้ จะเกิดขึ้นแค่ในสถานการณ์แบบนี้เท่านั้น และมันไม่ใช่ธุรกิจใหม่แบบที่เราตั้งใจจะทำ” CEO Bob Chapek ยืนยัน ซึ่งหมายความว่า Disney จะยังคงสนับสนุนการฉายหนังฟอร์มใหญ่ทุนสูงของตัวเองให้ได้ออกฉายในโรงภาพยนตร์ต่อไป โดย Bob Chapek บอกว่า Disney ต้องการแค่เม็ดเงินจริง ๆ จากการขายออนไลน์

แต่หากว่า Mulan ทำเงินเป็นกอบเป็นกำจากการนี้ ก็ไม่มีอะไรยืนยันว่า Disney จะไม่เปลี่ยนใจ Bob Chapek ยังยืนยันหนักแน่นว่า Black Widow จะไม่ถูกถอดจากโรงใหญ่ไปฉายทาง Disney + แบบ Mulan เพราะพวกเขาไม่มีแผนจะปล่อยหนัง Marvel ลงสตรีมมิง ขณะที่กลยุทธ์การตั้งราคาของ Disney+ ของ Mulan ก็ต้องยอมรับว่าโหดอยู่ไม่น้อย เทียบกับยูนิเวอร์แซลที่นำร่องแผนคล้าย ๆ กันเช่นกับหนัง Trolls World Tour ก่อนหน้าก็ยังมีราคาแค่ 19.99 เหรียญฯ

เหตุการณ์นี้ตอกย้ำถึงวิกฤตของอุตสาหกรรมฮอลลีวูดที่ไม่อาจทนรอให้หนังฉายโรงเพื่อได้เงินกลับมาหมุนใช้จ่ายในบริษัทได้อีกต่อไป มีการคาดการว่าวิกฤตครั้งนี้จะทำให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ทั่วโลกขาดทุนระหว่าง 1,000 ถึง 2,000 ล้านเหรียญฯ ไตรมาส 2 ปีนี้ ธุรกิจสตรีมมิง ของ Disney ทำเงินได้ 4,000 ล้านเหรียญฯ ขยับขึ้นจากไตรมาส 2 ปีที่แล้ว 2% ซึ่งส่วนสำคัญมาจากทุกสตรีมมิงในเครือ มีสมาชิกทั่วโลกเพิ่มขึ้นมาเป็นกว่า 100 ล้านคนทั่วโลก และเฉพาะ Disney+ ก็เพิ่มขึ้นมาเป็น 60.5 ล้านคนทั่วโลก ครองอันดับ 3 แพลตฟอร์มนี้ที่มีจำนวนสมาชิกทั่วโลกมากสุด รองจาก Netflix และ Amazon Prime Video

AMC Disney

อีกปัจจัยที่ทำให้ Disney กล้าฉาย Mulan ควบทั้งในบนออนไลน์และในโรงภาพยนตร์ คือการยอมพักรบกับ แพลตฟอร์มสตรีมมิงของเครือ AMC เครือโรงภาพยนตร์เบอร์หนึ่งในสหรัฐฯ กับ Universal จากตอนแรกเมื่อช่วงเมษายนขณะที่ไวรัสเริ่มระบาดอย่างหนัก ฝ่าย AMC เคยขู่จะไม่ฉายหนังของ Universal มาแล้ว หลังไม่พอใจอย่างมากที่ Universal ฉาย Trolls World Tour ควบทั้งในโรงและแพลตฟอร์ม VOD ด้วย

Mulan Universal

ต่อมาเมื่อปลายกรกฎาคม ก็เกิดดีลครั้งประวัติศาสตร์กับค่ายหนัง Universal  ภายใต้ดีลใหม่นี้ AMC กับ Universal ได้ตกลงกันว่าจะลดกรอบเวลาการฉายหนังโรงจาก 90 วันลงมาเหลือเพียง 17 วัน เพื่อให้ Universal ปล่อยหนังลงสตรีมมิงได้เร็วขึ้น ขณะที่ Universal ก็ยอมแบ่งรายได้บางส่วนจากหนังที่ย้ายไปลงสตรีมมิงให้ AMC ด้วย

นอกจากนี้ สื่ออย่าง Variety ก็วิเคราะห์ตัวเลขของ Mulan ออกมาว่า หาก Disney อยากได้ทุนสร้าง 200 ล้านเหรียญฯ คืน เฉพาะในส่วนรายได้ที่จะได้จาก Disney+ พวกเขาจำเป็นต้องมีผู้เสียเงินเพิ่มเพื่อเช่าหนังจำนวน 6.7 ล้านบัญชีสตรีมมิง ซึ่งไม่ถือว่าเยอะมากและพอสู้ไหว เพราะคิดเป็น 11% ของผู้ใช้ทั้งหมด และหากเพิ่มค่าโปรโมตไปอีกราว ๆ 50 ล้านเหรียญฯ จะต้องมีผู้เช่า 8.4 ล้านบัญชีสตรีมมิง หรือ 13.8% ของผู้ใช้ทั้งหมด ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องลุ้นกันว่าราคาเช่าที่สูง 29.99 เหรียญฯ หรือราว 930 บาทต่อหนึ่งครัวเรือน (ตกเฉลี่ยครัวเรือนละ 4 คน จะต่างจาก 36 เหรียญฯ (ถ้า 4 คนในหนึ่งครัวเรือน ไปดูหนังในโรง ก็จะตกคนละ 9 เหรียญฯ) ก็ยังถือว่าดูผ่านทานออนไลน์นั้นถูกกว่าแบบนี้ จะจูงใจให้คนยอมจ่ายเงินมากเท่าไร

นอกจากนี้นักวิเคราะห์ก็ได้ประเมินว่าหากไม่มีเหตุการณ์โควิด หนังน่าจะทำเงินในสหรัฐฯ ไปได้ประมาณ 210 ล้านเหรียญฯ และทำรายได้ทั่วโลกไป 750 ล้านเหรียญฯ หักลบกลบหนี้จะได้กำไรอยู่ที่ประมาณ 375 ล้านเหรียญฯ ถึงอย่างนั้น แม้ทางฝั่งสหรัฐฯ จะยอมแพ้ถอดใจส่ง Mulan ขายแบบสตรีมมิงไปแล้ว แต่เครือโรงหนังสองค่ายใหญ่ของบ้านเรา ยังคงยืนยันว่าหนังจะฉายในโรงภาพยนตร์แน่นอน ในวันที่ 3 กันยายนนี้

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส