สำนักข่าว CNBC ได้รายงานว่า สตูดิโอภาพยนตร์ฮอลลีวูดได้ระงับการเปิดฉายภาพยนตร์ใหม่ในโรงภาพยนตร์ที่ประเทศรัสเซีย ภายหลังจากที่รัสเซียได้เข้าโจมตียูเครน

รายงานดังกล่าวระบุว่า The Walt Disney Company เป็นสตูดิโอฮอลลีวูดยักษ์ใหญ่รายแรกที่ได้ประกาศจุดยืนในกรณีนี้อย่างชัดเจน นับตั้งแต่รัสเซียได้เริ่มเข้ารุกรานยูเครน ซึ่ง The Walt Disney Company ได้สั่งระงับการเปิดตัวภาพยนตร์ใหม่ทั้งหมดในรัสเซีย รวมถึงผลงานล่าสุดของ Pixar อย่าง ‘Turning Red’

สตูดิโอยักษ์ใหญ่อื่น ๆ อย่าง Warner Bros. และ Sony ก็ได้ประกาศการตัดสินใจในแนวทางเดียวกันนี้ด้วยเช่นกัน

Turning Red
Turning Red : ภาพจาก Pixar/Disney

ทาง Disney ได้กล่าวว่า “เราจะตัดสินใจต่อการดำเนินธุรกิจในอนาคตโดยอ้างอิงพื้นฐานจากสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน และทางเรายังได้ร่วมงานกับองค์กร NGO ที่เป็นพันธมิตร เพื่ออบควมช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วนให้แก่ผู่ลี้ภัยที่มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว”

ทางด้าน Warner Bros. ก็ได้กล่าวว่า ได้สั่งระงับการฉาย ‘The Batman’ ที่กำลังจะฉายในสุดสัปดาห์นี้ไปแล้ว และ Sony ก็ได้กล่าวว่า ได้เลื่อนกำหนดการฉายภาพยนตร์หลายเรื่องในรัสเซียออกไป รวมถึง ‘Mobius’ ด้วย

The Batman
The Batman : ภาพจาก Warner Bros.

อย่างไรก็ดี รัสเซียนั้นมิใช่ตลาดหลักของสตูดิโอฮอลลีวูด โดยครองส่วนแบ่งยอดจำหน่ายตั๋วทั่วโลกของภาพยนตร์ฮอลลีวูดเพียง 3% เท่านั้น ต่างจากตลาดประเทศจีนที่สตูดิโอฮอลลีวูดสามารถทำเงินได้อย่างมหาศาล

หนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือ ‘Spider-Man: No Way Home’ ที่ทำรายได้ในรัสเซียไปเพียง 50 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 1,600 ล้านบาท จากรายได้ทั่วโลกที่ทำไปถึง 1,851 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 60,300 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นรายได้จากประเทศรัสเซียเพียง 2% จากรายได้ทั้งหมด

ดั้งนั้น การตัดสินใจของสตูดิโอภาพยนตร์ฮอลลีวูดในครั้งนี้ จึงอาจไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของทางสตูดิโอมากนัก

ข้อมูลอ้างอิง : cnbc

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส