‘บาร์โธโลมิว คุมะ (Bartholomew Kuma)’ ผู้ได้รับสมญานามว่า จอมป่าเถื่อนคุมะ เป็นหนึ่งในตัวละครของเรื่อง ‘วันพีซ’ (One Piece) ที่มีความลึกลับเยอะมาก บุคลิคท่าทางของเขาที่ไม่รู้ว่าจะสามารถเรียกได้ว่าเป็นมิตรหรือเป็นศัตรูดี อีกทั้งยังมีหลายฉายา ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งเจ็ดเทพโจรสลัดที่คอยรับใช้รัฐบาลโลก หรือ ตำแหน่งผู้บริหารของกองทัพปฏิวัติ ก็ล้วนแต่ขัดแย้งกันทั้งสิ้น แล้วตัวตนที่แท้จริงของคุมะ คือใครกันแน่ ?

สำหรับแฟน ๆ วันพีซที่คอยติดตามทั้งอนิเมะและมังงะมาอย่างยาวนาน น่าจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกสับสนนี้เช่นเดียวกัน ตั้งแต่ที่คุมะปรากฏตัวครั้งแรกบนเกาะ ทริลเลอร์บาร์ค เพื่อสังหารกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง และนำหัวของลูฟี่ไปมอบให้แก่รัฐบาลโลก ทั้งที่ความจริงแล้วคุมะเคยมีตำแหน่งเป็นผู้บริหารในกองทัพปฏิวัติของดราก้อน (พ่อของลูฟี่)

อีกทั้งยังมีการกระทำที่อาจารย์โอดะจงใจทิ้งปริศนาไว้อีกมากมาย ทั้งในเรื่องของการช่วยกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางให้สามารถหนีออกไปจากหมู่เกาะชาบอนดี้ จนได้ไปฝึกฝนตัวตามเกาะต่าง ๆ ก่อนเข้าสู่โลกใหม่ และในระหว่างช่วงเวลา 2 ปีนั้น คุมะที่โดนดัดแปลงร่างกายจนไร้ซึ่งสติสัมปัญชัญญะ ก็ยังมาคอยปกป้องเรือเธาซันด์ซันนี่ของกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางอยู่ตลอดเวลาโดยไม่มีใครรับรู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาเลย

เนื้อเรื่องในปัจจุบันของมังงะต้นฉบับนั้น ได้ดำเนินมาถึงบทของเกาะเอ้กเฮด (Egg Head island) ซึ่งตัวละครหลักแต่ละตัวที่เกี่ยวข้องกับคุมะล้วนมารวมตัวกันด้วยความบังเอิญ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง, บอนนี่ ผู้อ้างตัวเป็นลูกสาวของคุมะ และ ดร. เวก้าพังค์ นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะ ผู้ดัดแปลงร่างกายของคุมะจนกลายเป็นไซบอร์ก

ถึงแม้คุมะจะไม่ได้แสดงตัวว่าเป็นพรรคพวกของกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางแบบชัดเจน แต่การกระทำต่าง ๆ ของเขานั้นกลับคอยให้การสนับสนุนกลุ่มหมวกฟางอยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด ดังนั้นในบทความนี้จะพาไปทำความรู้จักตัวตนที่แท้จริงของ ‘จอมป่าเถื่อนคุมะ’ และจุดประสงค์ต่าง ๆ ในการกระทำของเขาที่ถูกปกปิดไว้มาจนถึงทุกวันนี้


คำเตือนสปอยล์ : มีการเปิดเผยเนื้อหาในมังงะตอนที่ 1095 – 1103

(อ่านแปลไทยถูกลิขสิทธิ์ได้ในแอพพลิเคชั่น Manga Plus )


จุดเริ่มต้นของชะตากรรม

47 ปีก่อน ณ อาณาจักรซอร์เบ ทะเลเซาธ์บลู

บาร์โธโลมิว คุมะ ได้ถือกำเนิดมาจากพ่อที่มีสายเลือดของชนเผ่าในตำนาน ‘บัคคาเนียร์’ กับ แม่เผ่ามนุษย์ ซึ่งรูปร่างลักษณะของชาวบัคคาเนียร์นั้น จะมีรูปร่างส่วนบนสูงใหญ่กว่าส่วนล่างแบบไม่สมส่วม (เหมือนรูปร่างของคุมะในปัจจุบัน) และมีพละกำลังที่เยอะกว่ามนุษย์ปกติทั่วไป แต่สายเลือดนี้กลับถูกเรียกว่าสายเลือดของทาสเท่านั้น ทำให้ทั้งครอบครัวต้องตกเป็นทาสให้แก่เผ่ามังกรฟ้าตั้งแต่คุมะยังอายุแค่ 4 ขวบ

ทว่าอีกสิ่งหนึ่งที่สืบทอดมาในเผ่าบัคคาเนียร์ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญต่อเนื้อเรื่องเลย ก็คือ เรื่องราวของ ‘เทพพระอาทิตย์ นิกะ’ ผู้ซึ่งได้รับฉายาว่าเป็นนักรบในตำนานผู้มาพร้อมกับเสียงดนตรีที่จะมาช่วยปลดปล่อยเผ่าบัคคาเนียร์ให้เป็นอิสระจากการเป็นทาส

38 ปีก่อน เกาะก็อดวัลเลย์ ทะเลเวสต์บลู

สถานที่ในตำนานที่สร้างชื่อให้กาฟ กลายเป็นวีรบุรุษแห่งกองทัพเรือ แท้จริงแล้วจุดเริ่มต้นกลับเป็นการ ‘ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ทุกคนที่อาศัยอยู่ในเกาะ’ ของเผ่ามังกรฟ้าเท่านั้น คุมะที่ตอนนั้นเป็นหนึ่งในทาสหายากเพราะมีสายเลือดของเผ่าบัคคาเนียร์ในตำนาน ก็ได้ถูกจับเข้ามาร่วมเล่นเกมล่าสังหารนี้ด้วยเช่นกัน

แต่ความโชคดีในความโชคร้ายนั้นคือ คุมะได้รู้จักกับทาสอีกสองคนที่จะเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล นั่นคือ เอ็มโพริโอ อีวานคอฟ (อนาคตจะเป็นราชินีแห่งราชอาณาจักรคามะบัคคะ) และ จินนี่ ทาสผู้เป็นเซียนด้านการขโมยกับการดักฟัง ทั้งสองคนได้มอบความหวังในการรอดชีวิตไปจากก็อดวัลเลย์ ด้วยการแย่งชิงผลปีศาจจากพวกเผ่ามังกรฟ้า ได้แก่ ผลปีศาจสายโซอน พันธุ์สัตว์มายา ‘เซริว (มังกรฟ้า)’ และ ผลนิคิวนิคิว (ปุ่มเนื้อ)

ซึ่งทุกอย่างได้ถูกเฉลยไว้ก่อนหน้าแล้ว ว่าพลังพิเศษจากผลปีศาจที่คุมะได้รับ ก็คือพลังของผลนิคิวนิคิว และทำให้เขากลายเป็นมนุษย์ปุ่มเนื้อ ที่สามารถปลดปล่อยคนจากเกาะแห่งโศกนาฏกรรมก็อดวัลเลย์ได้มากกว่า 500 ชีวิต แต่ความจริงเบื้องหลังของเหตุการณ์นั้นยังถูกปกปิดเอาไว้รอวันเปิดเผยในอนาคตอยู่


เส้นทางแห่งกองทัพปฏิวัติ

30 ปีก่อน ณ อาณาจักรซอร์เบ ทะเลเซาธ์บลู

คุมะที่เริ่มอาศัยอยู่กับจินนี่เป็นระยะเวลา 8 ปี หลังจากที่หนีออกมาจากก็อดวัลเลย์ได้ เขาได้เริ่มทำงานในฐานะของ ‘บาทหลวง’ คอยใช้พลังจากผลปีศาจสะท้อนความเจ็บปวดจากชาวบ้าน เพื่อรักษาอาการเจ็บไข้ได้ป่วยต่าง ๆ โดยที่คุมะต้องเป็นผู้เสียสละรับสิ่งเหล่านั้นแทน แม้จินนี่จะคอยห้ามแล้ว แต่คุมะก็ยังอยากที่จะได้เห็นรอยยิ้มของชาวบ้านมากกว่าความเจ็บปวดที่ตนได้รับอยู่ดี

แต่แล้ววันหนึ่งพระราชาเบโกริแห่งอาณาจักรซอร์เบ ก็ได้ออกกฏหมายใหม่มา เป็นการแบ่งครึ่งประเทศและบังคับให้คนอีกครึ่งที่เหลือกลายเป็นทาส เพื่อจะได้ลดจำนวนประชากรที่ต้องจ่ายเงินบรรณาการให้แก่รัฐบาลโลก ทำให้คุมะที่ทนไม่ได้ ออกมาประท้วงจนโดนจับในข้อหากบฏ

ทว่าผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือในช่วงเวลาคับขันนั้นก็คือ ‘มังกี้ ดี ดราก้อน’ ผู้นำแห่งกองทัพปฏิวัติ ที่มาพร้อมกับอีวานคอฟเพื่อปลดปล่อยประชาชนอาณาจักรซอร์เบให้พ้นจากวิกฤตการกดขี่นี้ จากนั้นคุมะและจินนี่ จึงได้ตัดสินใจเข้าร่วมกับกองทัพปฏิวัติ (22 ปีก่อน) และกลายเป็นหนึ่งในเสาหลักของกลุ่มในเวลาต่อมา

แต่โชคกลับไม่เป็นไปตามที่คิด หลังจากคุมะเข้ากองทัพปฏิวัติมาเป็นระยะเวลา 8 ปี (14 ปีก่อน) จินนี่ที่ ณ ตอนนี้ได้ตำแหน่งเป็นหนึ่งในผู้บัญชาการแห่งกองทัพปฏิวัติ ทัพตะวันออก ก็ได้โดนรัฐบาลโลกหมายหัว และโดนลักพาตัวไปเป็นภรรยาของเผ่ามังกรฟ้า โดยที่ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือเธอได้เลย


ที่มาของจอมป่าเถื่อนคุมะ

12 ปีก่อน ณ อาณาจักรซอร์เบ ทะเลเซาธ์บลู

คุมะที่ได้รับการติดต่อจากจินนี่ซึ่งหลบหนีจากเผ่ามังกรฟ้ามาได้ รีบกลับมาที่ซอร์เบเพื่อพบกับเธอ แต่โชคชะตากับทำร้ายคุมะหนักเข้าไปอีก เมื่อคุมะมาถึง กลับพบแค่ร่างอันไร้วิญญาณของจินนี่ที่ติด ‘โรคเกล็ดไพลิน’ จากการกระทำของเผ่ามังกรฟ้า ผลข้างเคียงของโรคจะลุกลามมากยิ่งขึ้นเมื่อพบเจอกับแสงจากธรรมชาติ แต่ถึงอย่างนั้น จินนี่ก็ยังพยายามข้ามน้ำข้ามทะเลมา เพื่อพา ‘บอนนี่’ ลูกของเธอมาส่งที่ซอร์เบให้ได้

คุมะได้ตัดสินใจลาออกจากกองทัพปฏิวัติ เพื่อจะอยู่ดูแลบอนนี่ที่ได้รับโรคเกล็ดไพลินติดต่อมาจากจินนี่ และคอยหาวิธีรักษามาตลอด แม้จะเป็นการปิดกั้นอิสระของบอนนี่ ไม่ให้ไปเจอกับโรคภายนอกได้ก็ตาม (ห้ามโดนแสงจากธรรมชาติ) และในระหว่างการใช้ชีวิตเพื่อเลี้ยงดูบอนนี่อยู่นั้น เธอก็ได้รับสืบทอดเรื่องเล่าของนิกะ มาจากคุมะอีกด้วย

6 ปีก่อน ณ อาณาจักรซอร์เบ ทะเลเซาธ์บลู

ราชาเบโกริกลับมาที่อาณาจักรซอร์เบอีกครั้ง และได้เริ่มแบ่งครึ่งประเทศอีกรอบ ทว่าคราวนี้พระราชาได้ตัดสินใจทำการเผาเมืองและชาวบ้านที่อาศัยอยู่จำนวนครึ่งประเทศทิ้ง นั่นทำให้คุมะไม่สามารถทนเก็บความรู้สึกไว้ได้อีกต่อไป เขาได้ตัดสินใจบุกเข้าไปที่ปราสาทเพื่อจัดการพระราชาเบโกริด้วยตัวคนเดียว จนภายหลังเหตุการณ์นี้ได้ถูกขนานนามว่า ‘การปฏิวัติด้วยฝีมือคนผู้เดียวแห่งอาณาจักรซอร์เบ’

จากการเรียกร้องของประชาชนที่เหลือรอด ทำให้คุมะได้กลายเป็นราชาของอาณาจักรซอร์เบคนต่อไป ทว่าการกระทำต่าง ๆ ที่ราชาเบโกริเป็นคนทำทั้งหมด ก็ได้ถูกส่งต่อมาที่คุมะด้วยเหมือนกัน จนเขาถูกตั้งฉายาว่า ‘ทรราชจอมป่าเถื่อน’ และเนื่องจากคุมะกลัวว่าจะเกิดอันตรายแก่บอนนี่และประชาชนในอาณาจักร เขาจึงได้ตัดสินใจออกเรือสู่ท้องทะเล และกลายเป็นโจรสลัดเลื่องชื่อในเวลาต่อมา


จุดเริ่มต้นของการขายวิญญาณให้รัฐบาล

ระหว่างการเดินทางไปตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลกในฐานะโจรสลัด คุมะได้ไล่สอบถามถึงวิธีการรักษาโรคเกล็ดไพลินจากทุกที่ที่เขาไป ไม่ว่าจะเป็น เกาะแห่งวิทยาศาตร์ควบคุมอากาศ เวเธอเรีย, ประเทศแห่งอนาคต บัลจิมัวร์, เกาะแห่งวิทยาการรักษาสมัยโบราณ โทริโนะ และสถานที่อีกมากมาย แต่กลับไม่มีที่ไหนสามารถรักษาโรคเกล็ดไพลินได้เลย (บอนนี่จะเสียชีวิตจากโรคนี้ก่อนอายุครบ 10 ขวบ)

แต่หลังจากที่ได้รับข่าวจากดราก้อน ว่า ดร.เวก้าพังค์ นักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานให้รัฐบาลโลก สามารถที่จะรักษาโรคนี้ได้ คุมะก็รีบพาบอนนี่ไปที่ศูนย์วิจัยของเวก้าพังค์ทันที จากนั้นเขาได้รับข้อเสนอเงื่อนไขในการรักษาโรคของบอนนี่ ด้วยการขอนำสายเลือดของเผ่าบัคคาเนียร์ในตำนานของคุมะ ไปสร้างเป็นทหารโคลนของรัฐบาลโลก

จุดประสงค์ตอนแรกของเวก้าพังค์ คือต้องการให้ทหารโคลนเป็นฮีโร่ปกป้องประชาชนผู้อ่อนแอ คุมะจึงได้ตั้งชื่อไว้ให้ว่า ‘แปซิฟิสต้า (ผู้รักสินติภาพ)’ ทว่าการเจรจานั้นกลับถูกแทรกแซงจากเบื้องบนของรัฐบาลโลกอย่าง 1 ใน 5 ผู้เฒ่า เซนต์ เจย์การ์เซีย แซทเทิร์น ผู้ได้รับสมญานามว่าเป็น เทพนักรบแห่งวิทยาศาสตร์และกลาโหม เขาได้เสนอเงื่อนไขให้แก่คุมะ 3 ข้อเพื่อแลกกับการให้งบรักษาบอนนี่

  1. บาร์โธโลมิว คุมะ จะต้องเข้ารับตำแหน่ง ‘เจ็ดเทพโจรสลัด’
  2. บาร์โธโลมิว คุมะ จะต้องกลายเป็น ‘อาวุธมนุษย์’ ให้แก่กองทัพเรือ ด้วยการดัดแปลงร่างกายให้เป็นไซบอร์ก
  3. เมื่อการดัดแปลงร่างกายเสร็จสิ้น บาร์โธโลมิว คุมะ จะต้อง ‘ละทิ้งความคิดและจิตใจ’ ของตัวเองไปทั้งหมด

แม้ทุกเงื่อนไขจะเท่ากับเป็นการเสนอให้คุมะฆ่าตัวตายเพื่อแลกกับการรักษาโรคเกล็ดไพลินของบอนนี่ให้หายขาด แต่คุมะกลับตัดสินใจได้ในทันที และแม้ว่าจะตามหนทางการรักษามานานขนาดไหนก็ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือเธอได้เลย จนกระทั่งได้มาเจอกับเวก้าพังค์ นี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายในชีวิตของลูกสาวเขาก็เป็นได้

“ขอบใจนะ… ถ้ามันจะช่วยให้บอนนี่หายป่วยได้ละก็
ไม่ว่าจะเป็นชะตากรรมแบบไหนฉันก็พร้อมจะยอมรับมันอยู่แล้วละ !!!”

ระยะเวลาการรักษาของบอนนี่คือ ครึ่งปี และพักรักษาตัวอีก 1 ปี ส่วนการดัดแปลงร่างกายของคุมะนั้นจะเสร็จสิ้นภายใน 2 ปี ทว่าแซทเทิร์นได้บังคับให้บอนนี่เป็นตัวประกันอยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาลโลกในช่วงระยะเวลาพักรักษาตัว และห้ามไม่ให้คุมะได้เจอกับบอนนี่อีกต่อไป เพื่อป้องกันกรณีที่คุมะจะทรยศก่อนที่จะถูกลบความคิดและจิตใจ ซึ่งคุมะก็ได้ให้คำสัญญาไว้ว่าจะทำตามเงื่อนไขทุกอย่างของรัฐบาลโลก ขอแค่ให้ลูกสาวของเธอได้มีชีวิตต่อไปก็พอ


เจ็ดเทพโจรสลัดผู้เชื่อฟังรัฐบาลโลก

หลังจากบอนนี่หายจากโรคเกล็ดไพลิน คุมะได้ส่งเธอไปพักรักษาตัวที่อาณาจักรซอร์เบ บ้านเกิดของบอนนี่ และตัวเองได้ออกทะเลในฐานะของ ‘เจ็ดเทพโจรสลัด’ ผู้ที่ถึงแม้จะถูกขนานนามว่าจอมป่าเถื่อน แต่กลับยอมฟังทุกคำสั่งของรัฐบาลโลก ในระหว่างการเดินทางนั้น คุมะได้รู้ความลับอย่างหนึ่งของดราก้อน เรื่องลูกชายของเขาที่อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ในอาณาจักรโกอา ‘มังกี้ ดี ลูฟี่’ นั่นเอง

ทว่าสถานการณ์ที่อาณาจักรซอร์เบหลังจากที่คุมะออกไปนั้น กลับย่ำแย่กว่าที่คิด เนื่องจากว่าคนของรัฐบาลคอยจับตาดูบอนนี่อยู่ตลอดเวลา ทำให้จดหมายของคุมะที่อยากจะถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ ในการผจญภัยของตัวเองนั้นถูกฉีกทิ้งทุกฉบับ สุดท้ายพรรคพวกของบอนนี่ได้ให้ความช่วยเหลือ เพื่อให้บอนนี่สามารถออกทะเลไปพบกับคุมะได้สำเร็จ และกลายเป็นจุดกำเนิดของ ‘กลุ่มโจรสลัดบอนนี่’ ในเวลาต่อมา

ไม่นานหลังจากนั้น ชื่อเสียงของ ‘หมวกฟางลูฟี่’ ก็เริ่มมีการกล่าวถึงมากขึ้นในหมู่โจรสลัด เริ่มต้นจากการปราบกลุ่มโจรสลัดมนุษย์เงือกอารอน จนไปถึงการประกาศสงครามกับรัฐบาลโลกที่เกาะเอนิเอสล็อบบี้ ทำให้คุมะค่อย ๆ ให้ความสนใจในตัวของลูฟี่ขึ้นมาเรื่อย ๆ เพราะเรื่องเล่าของเทพนิกะที่คุมะหลงใหล ก็เป็นเรื่องราวของชายผู้มีพลังยางยืดและยืนหยัดต่อสู้กับรัฐบาลโลกเฉกเช่นเดียวกับ ลูฟี่


ผู้คอยช่วยเหลือกลุ่มหมวกฟางอยู่เบื้องหลัง

เกาะทริลเลอร์บาร์ค แกรนด์ไลน์

คุมะได้รับคำสั่งจากรัฐบาลโลก ในฐานะของเจ็ดเทพโจรสลัด ให้มากำจัดกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางให้สิ้นซากก่อนที่จะก่อเรื่องไปมากกว่านี้ เพราะวีรกรรมที่กลุ่มนี้ทำค่อย ๆ รุนแรงมากยิ่งขึ้น ล่าสุดคือถึงขั้นประกาศสงครามกับรัฐบาลโลกบนเกาะเอนิเอส ล็อบบี้ เพียงเพื่อจะช่วยเหลือสมาชิกกลุ่ม นิโค โรบิน

ทว่าด้วยความดื้อรั้นของสมาชิกกลุ่มคนอื่น ๆ ที่ไม่มีความคิดที่จะขายพวกพ้องเพื่อเอาตัวรอด อีกทั้งโซโลและซันจิยังออกหน้าเสียสละรับความเจ็บปวดทุกอย่างแทน เพื่อให้ไว้ชีวิตลูฟี่ไป ทำให้คุมะอดที่จะชื่นชมในตัวของพวกเขาไม่ได้ และออกจากเกาะทริลเลอร์บาร์คไป โดยไม่ได้สังหารใครสักคน (ถึงจะถล่มทั้งกลุ่มทิ้งไปแล้วก็เถอะ)

“มีพวกพ้องที่ดีจริง ๆ… สมกับเป็นลูกของนายเลยนะ ดราก้อน”


หมู่เกาะชาบอนดี้

การเจอกันครั้งแรกระหว่างกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง กับ กลุ่มโจรสลัดบอนนี่ ด้วยการรวมตัวของเหล่าโจรสลัดรุ่นใหม่ที่ถูกเรียกขานว่าซุปเปอร์โนว่า คุมะที่คอยเป็นห่วงและรักษาระยะกับบอนนี่อยู่ห่าง ๆ ก็ได้มาที่เกาะชาบอนดี้นี้ด้วยเช่นกัน

ในระหว่างเกิดเหตุ ‘โจรสลัดทำร้ายเผ่ามังกรฟ้า’ ณ ร้านค้ามนุษย์ คุมะได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และยังรู้อีกด้วยว่าสาเหตุที่กลุ่มหมวกฟางจงใจทำเรื่องต้องห้ามของโลกอย่างการทำร้ายเผ่ามังกรฟ้านั้น ทุกอย่างเพียงเพื่อจะปกป้องมนุษย์เงือกเพื่อนของเขาเท่านั้น แม้ว่าการกระทำนั้นจะถือเป็นการก่อกบฏครั้งใหญ่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนในรอบหลายร้อยปีก็ตาม

ก่อนที่กลุ่มหมวกฟางจะโดนพลเรือเอกคิซารุและแปซิฟิสต้าเล่นงาน คุมะได้เข้ามาขัดจังหวะการต่อสู้ และใช้พลังการสะท้อนของผลนิคิวนิคิว ในการผลักสมาชิกกลุ่มหมวกฟางแต่ละคนให้ไปยังเกาะต่าง ๆ ที่อยู่ห่างไกลกับเกาะชาบอนดี้ ซึ่งที่มาของแต่ละเกาะ ล้วนเป็นเกาะที่คุมะเคยเดินทางผ่านการผจญภัยของตัวเองมาแล้วทั้งนั้น

หลังจากนั้นการดัดแปลงร่างกายของคุมะก็ดำเนินมาถึงขั้นตอนสุดท้าย คุมะจะต้องถูกลบจิตใจทิ้งทั้งหมดก่อนเข้าร่วมสงครามสุดยอดเพื่อต่อสู้กับกลุ่มโจรสลัดหนวดขาว แต่คุมะได้ขอร้องเวก้าพังค์อย่างหนึ่ง ให้ช่วยเพิ่ม ‘ภารกิจปกป้องเรือของกลุ่มหมวกฟาง จนกว่าสมาชิกคนใดคนหนึ่งจะกลับมา’ เป็นหนึ่งในโปรแกรมหลังจากจบสงครามให้หน่อย

นั่นเป็นคำขอร้องสุดท้ายของคุมะ หนึ่งในสมาชิกกองทัพปฏิวัติที่เลือกจะเดิมพันในตัวของ ลูฟี่ หัวหน้ากลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง ผู้ที่มีลักษณะนิสัยคล้ายคลึงกับ ‘นิกะ’ นักรบในตำนานผู้ปลดปล่อยทาส ตัวตนที่คุมะเฝ้ารอคอยมาตลอดชีวิตของเขา แต่เขากลับไม่มีโอกาสที่จะได้เฝ้าดูสิ่งเหล่านั้นด้วยตาของตัวเองอีกต่อไปเสียแล้ว

“ความตายของนายต่างหาก คือ การสร้างความเดือดร้อนที่แย่ที่สุด !!
คุมะ นายนั่นแหละ คือ ฮีโร่ตัวจริง !!

ฮีโร่ของบอนนี่ แล้วก็ฮีโร่ของทุกคนเลย !!”


ทั้งหมดคือเรื่องราวชีวิตของ ‘คุมะจอมป่าเถื่อน’ ชายหนุ่มผู้สืบสายเลือดทาสเผ่าบัคคาเนียร์ และต้องต่อสู้กับชะตากรรมมาตลอดชีวิต แต่เขาก็ไม่เคยละทิ้งความอ่อนโยนที่เป็นนิสัยติดตัวของเขามาตั้งแต่แรกเริ่มได้เลย

ในบทการเล่าเรื่องอดีตของคุมะ ถือเป็นอีกหนึ่งการเฉลยปมที่อาจารย์โอดะจงใจทิ้งไว้ในเรื่องวันพีซมาอย่างยาวนาน ทั้งการช่วยเหลือที่ไม่ทราบที่มาในหมู่เกาะชาบอนดี้ ทั้งการเฝ้าเรือเธาซันด์ซันนี่เพื่อรอคอยลูกเรือกลับมา ทั้งสาเหตุที่คุมะออกจากกองทัพปฏิวัติไปเข้าร่วมเจ็ดเทพโจรสลัด และสาเหตุที่คุมะยอมทิ้งบอนนี่ไปเป็นทาสเหล่ามังกรฟ้า

สำหรับใครที่อยากตามเรื่องราวของคุมะและกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง ในภาคของเกาะเอ้กเฮด สามารถอ่านมังงะแปลไทยแบบถูกลิขสิทธิ์ต่อได้ในแอปพลิเคชัน Manga Plus แต่จะอ่านได้แค่เฉพาะ 3 ตอนแรกและ 3 ตอนล่าสุดเท่านั้น

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส