แม้ชื่อเรื่องและตัวละครหลักของอนิเมะเรื่อง ‘ฟรีเรน คำอธิษฐานในวันที่จากลา’ จะเป็นเอลฟ์จอมเวทย์ผู้มีอายุมาเป็นพันปี แต่รู้หรือไม่ว่าอีกหนึ่งตัวละครที่ได้รับความนิยมสูงมาตลอดสำหรับเรื่องนี้เลยก็คือ ‘ผู้กล้าฮิมเมล’ นั่นเอง ทำไมกันนะ ทั้งที่ตัวละครนี้ตายไปตั้งแต่ต้นเรื่องแล้วนี่นา ทำไมคนถึงยังชื่นชอบฮิมเมลจนได้รับการโหวตจัดอันดับเป็นตัวละครอันดับ 1 กันนะ ?

‘ฮิมเมล’ ได้รับคะแนนโหวตเป็นอันดับที่ 1 อย่างล้นหลามในการโหวตจัดอันดับตัวละครยอดนิยมครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่น ด้วยจำนวนโหวตสูงถึง 17,354,803 คะแนนโหวต ซึ่งสูงกว่าอันดับที่ 2 อย่าง ‘ฟรีเรน’ ที่เป็นตัวละครเอกแบบทิ้งห่างกัน 5 ล้านกว่าคะแนนเลยทีเดียว โดยฟรีเรนได้รับคะแนนโหวตไปที่ 11,820,565 คะแนน เป็นการแสดงให้เห็นว่า ถึงแม้ตัวละครฮิมเมลจะปรากฏตัวมาในอดีตแบบผ่าน ๆ แต่การกระทำของเขานั้นช่างดึงดูดใจผู้ชมได้มากเหลือเกิน

ดังนั้นในบทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับตัวละครยอดนิยมอย่าง ‘ผู้กล้าฮิมเมล’ ที่แม้จะหมดบทหลักและเสียชีวิตไปแล้ว แต่ลักษณะนิสัยและบุคลิคอะไรบ้างของเขานะ ที่ยังสามารถมัดใจผู้อ่านได้มากขนาดนี้

ฮิมเมล (Himmel) เป็นคำในภาษาเยอรมันที่มีความหมายว่า ‘ท้องฟ้า หรือ สวรรค์’ ดังนั้นสีประจำตัวของเขาจึงเป็นสีน้ำเงิน ไม่ว่าจะเป็นชุดที่สวมใส่ สีผม หรือแม้กระทั่งสีตา ทุกอย่างล้วนคุมธีมให้อยู่ในสีฟ้าทั้งหมด ฮิมเมลใช้ดาบเป็นอาวุธประจำตัว แม้จะไม่มีฉากต่อสู้ให้เห็นมากนักแต่เขาก็ได้รับมอบหมายตำแหน่งสำคัญอย่าง ‘ผู้กล้า’ เพื่อรวบรวมพวกพ้องไปปราบจอมมาร และนำเอาสันติสุขมาสู่โลกให้ได้

สมาชิกในปาร์ตี้ของผู้กล้าปราบจอมมาร ที่ร่วมออกผจญภัยกันนานถึงสิบปี ได้แก่ ‘ฟรีเรน’ นักเวทย์สาวเผ่าพันธุ์เอลฟ์ ผู้ถูกฮิมเมลชักชวนมา เพราะอยากจะให้ฟรีเรนได้ออกมาสัมผัสโลกภายนอกบ้าง, ‘ไฮเตอร์’ นักบุญที่คอยใช้เวทย์รักษาเพื่อช่วยเหลือพรรคพวกอยู่เสมอ แต่มีข้อเสียตรงติดเหล้าเกินไปหน่อย, ‘ไอเซ็น’ นักรบเผ่าคนแคระ ที่คอยรับมือในฐานะแนวหน้าของการต่อสู้กับเหล่ามอนสเตอร์

แต่อย่างที่ทุกคนรู้กันอยู่แล้ว ว่าการเดินทางผจญภัยของปาร์ตี้ผู้กล้านั้นจบลงตั้งแต่ในตอนแรก (นาทีแรกของเนื้อเรื่องเลย) และการดำเนินเรื่องหลังจากนั้นจะโฟกัสไปที่การใช้ชีวิตด้วยการออกผจญภัยของฟรีเรนเป็นหลัก ในมุมมองที่สัมผัสทางด้านเวลาแตกต่างจากมนุษย์ทั่วไปของเธอ ส่งผลกระทบต่อตัวละครหลักมากมาย มีการไทม์สคริปไปถึง 50 ปีหลังจากปราบจอมมารได้ ทำให้เราได้เห็นจุดจบชีวิตของผู้กล้าฮิมเมลภายในอนิเมะตอนแรกเลย

ถึงอย่างนั้นตัวของฟรีเรนก็ได้ทำเข้าใจถึงความสำคัญของชีวิตมนุษย์ที่ไม่เคยคิดจะทำความเข้าใจมาก่อน ฟรีเรนมองว่า ‘ช่วงระยะเวลา 10 ปี’ ที่ร่วมผจญภัยกันไปปราบจอมมารพร้อมกับพวกฮิมเมลนั้น แม้จะเป็นระยะเวลาสั้น ๆ สำหรับเธอแต่ก็เป็นช่วงระยะเวลาที่มีค่ามาก ทำให้เธอมีจุดมุ่งหมายในการผจญภัยครั้งใหม่ด้วยการเดินทางไปที่ ‘สวรรค์’ เพื่อพบและพูดคุยสิ่งที่ยังค้างคาไว้กับเหล่าวิญญาณคนที่ตายไปแล้ว

ในการเดินทางครั้งใหม่นั้น เป็นการเดินทางที่ซ้อนทับกับการเดินทางไปปราบจอมมารของก๊วนผู้กล้า ทำให้ในแต่ละสถานที่ หรือแต่ละคนที่ฟรีเรนได้พบเจอ ทางอนิเมะจะมีการย้อนอดีตไปถึงช่วงการผจญภัยกับฮิมเมลและพวกพ้องเสมอ ทำให้ถึงแม้ฮิมเมลจะไม่อยู่ในโลกปัจจุบัน แต่ก็ยังมีการกล่าวถึงอยู่เรื่อย ๆ ให้ผู้ชมได้คุ้นเคยกับตัวละครนี้และหลงรักตัวละครนี้มากขึ้น แต่จะมีเหตุการณ์อะไรกันบ้างนะ ไปทำความรู้จักผู้กล้าฮิมเมลไปพร้อมกันเลยดีกว่า


เหตุผลในการตามหาหญ้าจันทร์ครามที่สาบสูญ

อนิเมะตอนที่ 2, มังงะตอนที่ 3

เมื่อตอนที่เดินทางร่วมกับฟรีเรน ฮิมเมลเคยชมเวทมนตร์ไร้สาระมากมายที่ฟรีเรนรวบรวมมาเป็นงานอดิเรกว่าเป็นสิ่งที่สวยงาม โดยเฉพาะเวทมนตร์ที่ฟรีเรนชื่นชอบมากที่สุดอย่าง ‘เวทมนตร์ในการเสกดอกไม้’ ซึ่งเป็นเวทมนตร์ที่ฟรีเรนใช้ตอนช่วยเหลือฮิมเมลในสมัยเด็กที่กำลังหวาดหลัวเพราะหลงทางอยู่ เพื่อให้สบายใจมากขึ้น นอกจากนั้นยังเป็นเวทมนตร์ที่อาจารย์ของฟรีเรนชื่นชอบที่สุดด้วยเช่นกัน

ฮิมเมลได้พูดถึงดอกไม้ในบ้านเกิดของตนเองอย่าง ‘หญ้าจันทร์คราม’ ดอกไม้สีฟ้าที่ปัจจุบันแทบจะหาไม่เจอในพื้นที่ทั่วไปแล้ว แต่สิ่งที่เขาพูดในอดีตนั้นได้ส่งผลให้ฟรีเรนในปัจจุบันออกตามหาหญ้านั้นจนเจอ แม้จะใช้เวลาหลายเดือนจนเฟรุนแทบจะหมดความหวังในการตามหาต่อ และนำมาประยุกต์ใช้กับเวทมนตร์สร้างเป็นแปลงดอกไม้ของหญ้าจันทร์ครามอยู่รอบรูปปั้นของฮิมเมลอย่างสวยงาม

แค่มีตาบ้าคนหนึ่ง ชมเวทมนตร์ที่ฉันสะสมไว้เป็นงานอดิเรกก็แค่นั้น

ฟรีเรน


ตามอารมณ์วันนี้ ก็ต้องกินเจ้านี่สินะ

อนิเมะตอนที่ 3, มังงะตอนที่ 4

หลังผ่านการเดินทางร่วมกันกับก๊วนผู้กล้ามาเป็นระยะเวลาหลายปี ฮิมเมลก็สามารถคาดเดาอารมณ์ของฟรีเรน และสิ่งของที่อยากกินในวันนั้นได้ ซึ่งนั่นทำเอาฟรีเรนถึงกับตกใจและสงสัยว่ารู้ได้ไง ทั้งที่ตัวเองก็เดินทางร่วมกันมา ยังไม่รู้ของที่อยากกินของสมาชิกคนอื่น ๆ เลย ตรงจุดนี้แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของฮิมเมลเป็นอย่างมากในการจะทำความเข้าใจฟรีเรน และพยายามที่จะเปิดใจฟรีเรนให้รู้จักทำความเข้าใจคนรอบตัวให้มากกว่านี้ จนสุดท้ายก็ส่งผลถึงปัจจุบันในการเดินทางครั้งใหม่ เฟรุนรู้สึกดีใจมากที่ฟรีเรนพยายามที่จะทำความเข้าใจเธอและเลือกของขวัญให้ แม้จะเป็นเรื่องที่ยากลำบากของฟรีเรนก็ตาม

คิดว่าเดินทางมาด้วยกันกี่ปีแล้ว มันก็พอรู้ได้เองไงล่ะ

ฮิมเมล


ผนึกของปีศาจสุดแข็งแกร่ง ควาล ปราชญ์เฒ่าผู้ชั่วร้าย

อนิเมะตอนที่ 3, มังงะตอนที่ 5

ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ปาร์ตี้ของฮิมเมลได้ผนึกปีศาจที่แข็งแกร่งตนนึงไว้ นามว่า ‘ควาล ปราชญ์เฒ่าผู้ชั่วร้าย’ เป็นปีศาจที่คิดค้นเวทมนตร์สังหารมนุษย์ขึ้นมาและก่อให้เกิดผู้เสียหายจำนวนมาก พวกฮิมเมลในตอนนั้นไม่สามารถจัดการลงได้จึงต้องผนึกเอาไว้ ทว่าหลังปราบจอมมารลงไปได้ฮิมเมลก็ยังแวะเวียนมาที่หมู่บ้านนี้อยู่ทุกปีเพื่อทำการตรวจสอบผนึกของควาลจนกระทั่งเสียชีวิตไป

แม้โลกจะสงบสุขลงแล้ว ฮิมเมลก็ยังให้ความสำคัญกับภาระต่าง ๆ ที่พวกเขาได้ทิ้งไว้ให้กับหมู่บ้าน และแวะมาเยี่ยมเยียนอยู่เพื่อปลอบประโลมและมอบความหวังในการมีชีวิตให้แก่ชาวบ้าน ถึงฟรีเรนที่เป็นคนสำคัญในการกำจัดควาลจะไม่ได้แวะมาเลยก็ตาม แต่ฮิมเมลก็ยังออกปากอย่างหนักแน่นว่า ในที่สุดแล้วฟรีเรนจะไม่มีทางทอดทิ้งหมู่บ้านไว้แบบนั้นแน่นอน เธอจะปรากฏตัวมาในยามที่ผนึกเริ่มคลาย และจัดการทุกสิ่งทุกอย่างต่อให้เอง

ถึงฟรีเรนจะเป็นคนเย็นชาที่ไม่ยอมมาดูสภาพหมู่บ้าน แต่เธอก็ไม่ได้เย็นชาขนาดจะทอดทิ้งหมู่บ้านนี้ไปหรอก

ฮิมเมล


เหตุผลในการสร้างรูปปั้นทองแดงของก๊วนผู้กล้า

อนิเมะตอนที่ 7, มังงะตอนที่ 13

หลังจากที่ฮิมเมลและพรรคพวกเข้าไปช่วยเหลือหมู่บ้านต่าง ๆ เขามักจะชอบให้สร้างรูปปั้นของก๊วนผู้กล้าเอาไว้เสมอ (แม้จะมีการปรับแต่งท่าทางให้ดูหล่ออยู่หลายชั่วโมงก็เถอะนะ) แต่เหตุผลหลักในการที่ฮิมเมลอยากมีรูปปั้นไว้ตามเมืองต่าง ๆ ที่ตัวเองเดินทางผ่านไปนั้น ไม่ใช่เพื่อโอ้อวดหรือให้ใครต่อใครมาเคารพในงานเทศกาลทุกปี เขาเพียงแค่มองไปถึงอนาคตในยามที่พวกตนไม่ได้มีชีวิตอยู่อีกต่อไป ในยามที่ฟรีเรนยังต้องใช้ชีวิตอยู่ต่อไปเพียงลำพัง ก็อยากให้นึกถึงตัวตนและการร่วมผจญภัยกับพวกเขาอยู่เสมอ

แต่ว่าเหตุผลอันดับแรก คงเพื่อไม่ให้เธอในอนาคตต้องอยู่ลำพังคนเดียวล่ะนะ เพราะพวกเราไม่ได้มีชีวิตยืนยาวเหมือนเธอนี่

ฮิมเมล


ดาบของผู้กล้าที่แท้จริง

อนิเมะตอนที่ 12, มังงะตอนที่ 25

ดาบประจำตัวที่ฮิมเมลใช้ในการต่อสู้มาตลอด เป็นเพียงแค่ ‘ดาบผู้กล้าของปลอม’ เท่านั้น เขาไม่สามารถดึงดาบผู้กล้าที่แท้จริงซึ่งถูกปักไว้ในหิน ณ หมู่บ้านแห่งดาบออกได้ แม้จุดเริ่มต้นในการเดินทางของเขาจะมาจากของปลอม แต่สุดท้ายฮิมเมลก็ได้พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่า เขาสามารถปราบราชาปีศาจและนำความสงบสุขมาสู่โลกได้จริง ๆ และเรื่องราวของผู้กล้าที่ดึงดาบไม่ออก ก็ค่อย ๆ ถูกลบเลือนออกไปด้วยเรื่องเล่ามีชื่อและความสำเร็จจากการปราบจอมมารของผู้กล้าฮิมเมลแทน ซึ่งสิ่งเหล่านั้นเป็นของจริงที่ฮิมเมลใช้ความพยายามในการไขว้คว้ามาได้ จนเหมาะสมกับตำแหน่ง ‘ผู้กล้า’ ที่แท้จริงแล้ว

ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่ ผมจะล้มราชาปีศาจและนำความสงบสุขกลับคืนสู่โลกให้ได้ ทำอย่างนั้นแล้วมันก็ไม่เกี่ยวหรอกว่าจะเป็นตัวจริงหรือตัวปลอมน่ะ

ฮิมเมล


แหวนสำคัญที่ฮิมเมลมอบให้

อนิเมะตอนที่ 14, มังงะตอนที่ 30

ฮิมเมลตัดสินใจจะมอบเครื่องประดับชิ้นหนึ่งให้เป็นรางวัลในการปราบมอนเตอร์แก่ฟรีเรน แต่สิ่งที่ฟรีเรนเลือกกลับเป็น แหวนลายคางามิเร็นเกะ ที่มีความหมายในภาษาดอกไม้ว่า ‘รักนิรันดร์’ แม้ฮิมเมลจะไม่ได้บอกโดยตรงว่าเขารู้ความหมายนั้นนะ (ซึ่งฟรีเรนไม่รู้อยู่แล้วแหละ) แต่เขาก็แสดงออกด้วยการคุกเข่าและสวมแหวนวงนั้นให้ฟรีเรนที่ไร้เดียงสาทางด้านความรัก เพื่อไม่แสดงท่าทีชัดเจนจนทำให้เธอรู้สึกอึดอัดเกินไป

และแหวนวงนั้นก็เป็นหนึ่งในเครื่องประดับที่ฟรีเรนให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ทว่าฟรีเรนดันทำหล่นหายในระหว่างการเดินทาง แต่เธอก็ยังแอบออกมาตามหาด้วยตัวคนเดียวอยู่ทุกคืน แม้จะมีสิ่งของต่าง ๆ มากมายที่ฮิมเมลมอบให้เธอมา แม้เธอจะรู้ความหมายในภาษาดอกไม้ของแหวนวงนั้นจากเฟรุนในภายหลัง แต่ความรู้สึกที่ฟรีเรนมีต่อแหวนวงนั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย

ไม่ยักรู้มาก่อนเลยนะ แต่ช่างเถอะ คิดว่าฮิมเมลเองก็คงไม่รู้ภาษาดอกไม้พรรค์นั้นหรอก

ฟรีเรน


การนำพาความทรงจำไปสู่อนาคต

อนิเมะตอนที่ 16, มังงะตอนที่ 33

ปู่ฟอล นักรบเผ่าคนแคระผู้ปกป้องหมู่บ้านแห่งหนึ่งมาเป็นระยะเวลายาวนาน จุดเริ่มต้นมาจากการที่ปู่ฟอลต้องการจะปกป้องหมู่บ้านของภรรยามนุษย์ที่เสียชีวิตไปเมื่อนานมาแล้ว แต่ระยะเวลานั้นนานมากจนเขาลืมเลือนทั้งหน้าตา เสียง รวมไปถึงเหตุผลที่ยังคงต้องปกป้องหมู่บ้านนี้ต่อไป เขารู้เพียงแค่ต้องปกป้องสัญญานี้เอาไว้ต่อไปจนวันตายของตน

ถึงแม้ปู่ฟอลจะมองว่าเป็นเรื่องน่าขำที่มัวแต่มาทำอะไรแบบนี้อยู่ตลอดเวลา แต่ฮิมเมลไม่แม้แต่จะหัวเราะความตั้งมั่นของปู่ฟอลเลยสักนิด อีกทั้งยังยืนยันอย่างหนักแน่นอีกด้วยว่า ภรรยาที่เสียไปแล้วนั้นต้องดีใจอยู่แน่นอน ที่ปู่ฟอลยังตั้งมั่นรักษาสัญญามาอย่างมั่นคงตลอด ถึงสุดท้ายเรื่องราวนี้จะถูกลืมเลือนไปในไม่ช้า แต่ฟรีเรนจะเป็นคนรับผิดชอบนำความทรงจำอันแสนสำคัญนี้ส่งต่อเพื่อไปบอกเล่าแก่ผู้คนในอนาคตเอง

คนเราไม่เดิมพันชีวิต กับสิ่งที่ไม่สำคัญหรอก

ฮิมเมล


ชักชวนเอลฟ์สโลว์ไลฟ์ไปปราบจอมมาร

อนิเมะตอนที่ 17, มังงะตอนที่ 35

จากการที่ฟรีเรนมีชีวิตอยู่มายาวนานหลายร้อยปี และจากลักษณะนิสัยทำให้ชอบใช้ชีวิตเอื่อยเฉื่อย ฝึกเวทมนตร์ไปแบบสโลว์ไลฟ์เรื่อย ๆ ไม่อยากข้องเกี่ยวกับใคร เพราะทุกชีวิตที่ผ่านเข้ามาเป็นเพียงเสี้ยวเดียวของชีวิตอันยืนยาวของเธอเท่านั้น จนวันหนึ่งมีกลุ่มผู้กล้ามาชวนเธอให้ไปปราบจอมมาร ฮิมเมลให้ไฮเตอร์ลองวัดระดับพลังเวทมนตร์ที่ปล่อยออกมาของฟรีเรน (ตอนนั้นฟรีเรนจำกัดพลังไว้อยู่) แต่พอรู้ว่าอยู่ในระดับที่ธรรมดา ฮิมเมลก็ยังเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตนเอง ว่าฟรีเรน เอลฟ์สาวจอมเฉื่อยชานี่แหละ ที่จะเป็นนักเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยเจอมา

แต่เหตุผลที่แท้จริงที่ฮิมเมลอยากให้ฟรีเรนมาออกผจญภัยด้วยกัน ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องราวสมัยเด็กตอนที่เขาพบกับฟรีเรนครั้งแรก ฮิมเมลหลงทางเข้าไปในป่าและไม่สามารถหาทางออกได้ จนกระทั่งได้พบกับฟรีเรนที่บังเอิญผ่านมาเก็บสมุนไพรพอดี และฟรีเรนก็บอกทางกลับสู่หมู่บ้านให้แก่เขาโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ แต่ความอ่อนโยนที่ฟรีเรนแสดงออกมาในตอนนั้นคือการใช้เวทมนตร์เสกดอกไม้มาเพื่อให้ฮิมเมลในตอนเด็กสบายใจขึ้น นั่นเป็นสาเหตุที่ถึงแม้จะมีนักเวทย์ที่เก่งกาจมากมายในโลกใบนี้ แต่สุดท้ายแล้วคนที่ฮิมเมลอยากร่วมเดินทางไปด้วยก็ยังคงจะเป็นฟรีเรนอยู่ดี

หลังจากนั้นฟรีเรนก็มอบความหวังในการออกเดินทางให้แก่ หนึ่งในนักบวชที่ต้องการตามหาเพื่อน แต่ไม่มีความกล้าพอที่จะก้าวออกจากหมู่บ้านอย่าง ‘ซายน์’ ฟรีเรนมองภาพของตัวเองในสมัยก่อนซ้อนทับกับเขา และตัดสินใจที่จะทำเหมือนที่ฮิมเมลเคยชักชวนเธอให้เริ่มออกเดินทางไปปราบจอมมาร ทำให้เธอได้เข้าใจถึงความสนุกสนานในการเดินทางร่วมกับพวกพ้อง ฟรีเรนจึงอยากจะกลายเป็นคนที่มอบจุดเริ่มต้นให้แก่คนอื่นบ้าง

จับมือสิฟรีเรน คนที่เป็นจุดเริ่มต้นให้เธอออกเดินทาง คือผมคนนี้

ฮิมเมล


รสชาติอาหารที่อร่อยมักจะไม่อยู่นาน

อนิเมะตอนที่ 22, มังงะตอนที่ 46

หลังทำภารกิจช่วยเหลือพ่อครัวในการนำมีดประจำตระกูลกลับมาคืนได้ พวกฮิมเมลก็ได้รับการเลี้ยงอาหารชั้นเลิศจากพ่อครัวคนนั้น แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดคือในจานของฟรีเรน กองพูนไปด้วยเนื้อจำนวนมหาศาลที่คิดยังไงก็เกินจากปกติไปมาก โดยฟรีเรนให้เหตุผลในการกินรวดเดียวเยอะขนาดนั้นก็เพราะว่ามันอร่อยยังไงล่ะ ดังนั้นเลยอยากจะลิ้มรสให้เยอะ ๆ ก่อนที่รสชาตินี้จะถูกเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต จนไม่ได้กินอีกเป็นครั้งที่ 2

ฮิมเมลเห็นดังนั้นก็อมยิ้มเล็กน้อยในความไร้เดียงสาของฟรีเรน แม้จะเป็นจริงอย่างที่เธอพูด บางร้านเปลี่ยนรสชาติอาหารไปตามตัวเองโดยไม่คงเอกลักษณ์เอาไว้ ฮิมเมลจึงตัดสินใจขอค่าตอบแทนในการทำภารกิจนี้ด้วยการที่ให้เชฟรักษาคุณภาพและรสชาติของอาหารนี้เอาไว้ ให้ถึงอนาคตในตอนที่ฟรีเรนกลับมากินอีกครั้ง โดยหวังว่าเธอจะยังได้สัมผัสความรู้สึกในการลิ้มรสชาติของอร่อยปริมาณมหาศาลเช่นเดียวกันตอนนี้

งั้นก็ส่งรสชาตินี้ไปถึงอนาคตให้ได้ล่ะ นั่นคือค่าตอบแทนที่ฉันต้องการในครั้งนี้

ฮิมเมล


ทำไมฮิมเมลถึงชอบช่วยเหลือคนกันนะ

อนิเมะตอนที่ 22, มังงะตอนที่ 47

ฟรีเรนสงสัยว่าทำไมฮิมเมลถึงชอบช่วยเหลือคนตามข้างทางตลอด ทั้งที่จริง ๆ แล้ว แทบจะไม่ได้เป็นส่วนในการช่วยให้ปราบจอมมารได้เร็วขึ้นเลยสักนิด แถมเรียกได้ว่าเสียเวลาแวะข้างทางเยอะกว่าเดิมด้วย แต่คำตอบที่ได้รับจากฮิมเมลคือ ‘เพราะเป็นผู้กล้ายังไงล่ะ’

ฮิมเมลตัดสินใจที่จะช่วยเหลือคนให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ระหว่างเดินทางไปปราบจอมมาร ด้วยเหตุผลที่แท้จริงอย่าง การอยากให้มีคนจำเรื่องราวการผจญภัยของพวกเขาได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวตนของฮิมเมล หรือพรรคพวกที่ร่วมเดินทางด้วยกัน ซึ่งการจะทำให้คนส่วนมากจดจำได้ ก็เพียงเข้าไปช่วยเหลือพวกเขาในยามลำบาก หรือยามที่เขาต้องการความช่วยเหลือ ทำให้ชีวิตคน ๆ นั้นให้สามารถดำเนินไปต่อได้ ถึงจะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่แค่นั้นก็เพียงพอสำหรับทั้งสองฝ่ายแล้ว

แค่นิดเดียวก็ได้ ที่จะทำให้ชีวิตใครสักคนเปลี่ยนแปลงไป แค่นั้นก็พอแล้ว

ฮิมเมล


เป้าหมายการผจญภัยของฮิมเมล

อนิเมะตอนที่ 23, มังงะตอนที่ 48

หลังจากร่วมผจญภัยกันมานาน ฟรีเรนก็เริ่มรู้ตัวแล้วว่าฮิมเมลนั้นชอบดันเจี้ยนมาก นอกจากนั้นไม่พอเขายังชอบสำรวจทุกซอกทุกมุมของแต่ละชั้นให้ละเอียดก่อนจะลงไปยังชั้นต่อไปอีกด้วย แม้เป้าหมายของภารกิจจะเป็นห้องบอสที่ชั้นสุดท้ายของดันเจี้ยน แต่ฮิมเมลก็มักจะทำแบบนั้นทุกครั้ง โดยยึดหลักสำคัญเลยคือ ‘ต้องสนุก’ ในการออกผจญภัยด้วยสิ ถึงจะเป็นสิ่งที่สุดยอดน่ะ แม้ข้างหน้าจะมีหนทางอันตรายหรืออาจจะเสียเวลามากขึ้น แต่ถ้าได้พบเจอสิ่งแปลกใหม่ ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้อีกแล้วล่ะนะ

ได้ผจญภัยสนุก ๆ พิชิตดันเจี้ยน ปราบมอนสเตอร์ ค้นหาสมบัติ แล้วพอรู้สึกตัวอีกที ก็ช่วยโลกสำเร็จแล้ว ฉันอยากผจญภัยอย่างนั้นน่ะ

ฮิมเมล


พวกเราไม่เหมาะกับน้ำตาแห่งการจากลาหรอกนะ

อนิเมะตอนที่ 28, มังงะตอนที่ 60

ก๊วนผู้กล้ามักจะรับภารกิจและร่วมเดินทางกับคนอื่นนอกปาร์ตี้อยู่บ่อยครั้ง หรือไม่ก็ช่วยเหลือผู้คนในหมู่บ้าน และในทุกครั้งนั้นฮิมเมลจะบอกลาคนเหล่านั้นอย่างง่ายดาย ถึงจะดูเหมือนไม่ค่อยมีเยื่อใย หรือ ความผูกพันธ์ที่ร่วมเดินทางกันมาสักเท่าไหร่ แต่สาเหตุจริง ๆ นั้นกลับเป็นเรื่องที่ฟรีเรนและพรรคพวกคนอื่นคาดไม่ถึง เพราะฮิมเมลคิดว่า ในอนาคตพวกเราอาจจะได้วนกลับมาเจอกันและร่วมผจญภัยกันอีกครั้งก็ได้ ใครจะรู้ ถ้าเกิดบอกลากันจริงจังขึ้นมาแล้วมาเจอกันอีกครั้งมันจะเป็นเรื่องน่าอายขนาดไหนกันนะ อีกอย่างที่ฮิมเมลคิดก็คงเป็นเรื่องที่ว่า ไม่อยากให้การจากลาครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายล่ะนะ

พวกเราไม่เหมาะกับน้ำตาแห่งการจากลาหรอก แล้วมันก็น่าอายด้วยถ้าได้เจอกันใหม่น่ะ

ฮิมเมล


จากเหตุการณ์มากมายในฉากย้อนอดีตที่มีอยู่ในอนิเมะซีซัน 1 ทำให้เรายิ่งได้ทำความรู้จักกับลักษณะนิสัยของผู้กล้าฮิมเมลมากยิ่งขึ้น และ ยิ่งเป็นการชี้ชัดว่าทำไมตัวละครนี้ถึงเป็นที่นิยมขนาดนี้ แม้เขาจะตายไปตั้งแต่ตอนแรกแล้วก็ตาม เรื่องราวทั้งหมดในการผจญภัยของฮิมเมลและพรรคพวกยังถูกส่งต่อมาได้อย่างน่าเหลือเชื่อผ่านมุมมองการเล่าเรื่องและการใช้ชีวิตของฟรีเรน ทำให้เราสามารถหลงรักตัวละครนี้ได้อย่างเต็มหัวใจ