Army of Thieves : งานภาคแยกที่บันเทิงไม่แพ้ภาคหลัก
Our score
7.2

2h 7min

Director Matthias Schweighöfer

screenplay by : Shay Hatten

Stars Matthias SchweighöferNathalie EmmanuelRuby O. Fee

Army of Thieves : งานภาคแยกที่บันเทิงไม่แพ้ภาคหลัก
Our score
7.2

Army of Thieves : งานภาคแยกที่บันเทิงไม่แพ้ภาคหลัก

จุดเด่น

  1. ออกแบบตู้เซฟได้สวยงาม เห็นถึงความตั้งใจ
  2. เห็นได้ถึงความพยายามที่จะแตกต่างจากหนังจารกรรมที่มีมาก่อนหน้า
  3. แมทเธียส ชเวกโฮเฟอร์ สร้างบุคลิกลักษณะตัวละครดีเทอร์ให้มีเสน่ห์ จับความสนใจผู้ชมได้ตลอด
  4. นาตาลี เอ็มมานูเอล สวยมาก ควรค่ากับตำแหน่งนำหญิง

จุดสังเกต

  1. สะเดาะตู้เซฟง่ายเกินไป ไม่ให้รายละเอียดหรือเทคนิควิธีการ
  2. ไคลแมกซ์ไม่ชวนลุ้น
  • บทภาพยนตร์

    7.0

  • คุณภาพนักแสดง

    6.0

  • โปรดักชัน งานสร้าง

    7.5

  • ความสนุกตามแนวหนัง

    7.5

  • คุ้มค่ากับเวลาการรับชม

    8.0

ผลงานต่อยอดความสำเร็จของ แซ็ก ชไนเดอร์ ที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น หลังจากได้รับกระแสตอบรับอย่างดีจาก Zack Snyder’s Justice League แล้วก็มี Army of the Dead ตามมาติด ๆ ซึ่งก็ยังคงประสบความสำเร็จ เพราะสร้างยอดผู้ชมให้ Netflix ได้มากถึง 75 ล้านวิว นับเป็นการกลับมาทำหนังซอมบี้ครั้งแรกในรอบ 17 ปีของชไนเดอร์ และการกลับมาครั้งนี้ก็ไม่ใช่การกลับมาแบบฉาบฉวย ทำแค่เรื่องเดียวจบ แต่ชไนเดอร์สร้างจักรวาลซอมบี้ของตัวเองขึ้นมาใหม่เลย ด้วยการสร้างสรรค์เหตุการณ์ฉากหลังและตัวละครขึ้นมาใหม่ 10 กว่าคน แม้จะเป็นหนังที่มีตัวละครมากมายแย่งเวลากันปรากฏตัวบนจอ ในช่วงเวลา 2 ชั่วโมง 28 นาที แต่หนึ่งในตัวละครที่มีบุคลิกอันเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น และสามารถทำให้คนดูชื่นชอบและจดจำเขาได้ นั่นก็คือ ดีเทอร์ นักสะเดาะเซฟมือฉมังชาวเยอรมัน ที่ชไนเดอร์ก็มองเห็นแววว่า แมทเธียส ชเวกโฮเฟอร์ (Matthias Schweighöfer) นักแสดงผู้นี้ไม่ธรรมดาและสามารถต่อยอดความสำเร็จต่อไปได้อีก จึงเป็นที่มาของ Army of Thieves หนังภาคแยกที่เล่าเรื่องราวก่อนหน้าของดีเทอร์ ว่าเป็นมาอย่างไรก่อนจะมาร่วมทีมฝ่าฝูงซอมบี้อย่างที่ได้ผ่านตากันไปแล้ว

Matthias Schweighöfer

ใน Army of Thieves นั้น ชไนเดอร์มั่นอกมั่นใจในฝีไม้ลายมือของชเวกโฮเฟอร์ ถึงขึ้นยกโปรเจกต์ให้ไปโซโลเดี่ยว เหมารวมทั้งแสดงนำและกำกับด้วย ซึ่งชไนเดอร์ถอยหลังไปทำหน้าที่อำนวยการสร้าง เพราะเครดิตการทำงานของชเวกโฮเฟอร์นั้นก็โชกโชนพอควร เคยผ่านงานแสดงมาแล้วกว่า 70 เรื่อง เคยผ่านงานกำกับหนังและซีรีส์มาแล้ว 5 เรื่อง ก็นับว่าไม่ใช่มือใหม่พอวางใจให้คุมหนังโปรดักชันใหญ่เรื่องนี้ได้ ก็นับว่าชเวกโฮเฟอร์ รับมือกับโปรเจกต์ใหญ่เรื่องแรกของตัวเองได้อย่างน่าพอใจ ทั้งการแสดงนำที่ผสมผสานความเป็นอัจฉริยะกับบุคลิกรั่ว ๆ เปิ่น ๆ ได้อย่างลงตัว ใช้บุคลิกอันโดดเด่นที่ไม่ต้องหล่อก็จับความสนใจคนดูให้อยู่กับเขาได้ตลอด 2 ชั่วโมง นาตาลี เอ็มมานูเอล (Nathalie Emmanuel) เลื่อนขั้นจากบทสมทบในแฟรนไชส์ Fast และ Game of Thrones ขึ้นมารับบทนำหญิงเป็นครั้งแรก ต้องยอมรับเลยว่าเธอเป็นนักแสดงหญิงผิวดำที่สวยและมีเสน่ห์อย่างเห็นได้ชัด

Nathalie Emmanuel

หนังใช้จุดเชื่อมโยงเรื่องตู้เซฟในตำนานจาก Army of the Dead ที่ดีเทอร์เห็นผังแล้วกระดี๊กระด๊าตัดสินใจเข้าร่วมทีมเสี่ยงตายแม้ว่าตัวเองจะกลัวซอมบี้ หนังย้อนเล่าประวัติความเป็นมาของนักสร้างตู้เซฟผู้ยิ่งใหญ่ในตำนาน ที่ก่อนตายได้สร้างตู้เซฟในซีรีส์ไว้ 5 ตู้ ดีเทอร์ตอนที่ยังอยู่ในเยอรมันนั้นเขาเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารที่มีชีวิตน่าเบื่อไปวัน ๆ ส่วนตัวเขานั้นคลั่งไคล้ในเรื่องตู้เซฟในตำนานนี้มาก และฝึกสะเดาะตู้เซฟมาตั้งแต่เด็ก วันที่เขาตัดสินใจโพสต์เล่าตำนานตู้เซฟลงในยูทูบ ก็เลยได้รับความสนใจจาก เกว็นโดลีน อาชญากรสาวสวยผู้กำลังตามล่าหาตู้เซฟทั้ง 5 ตู้ในตำนานนี้อยู่เช่นกัน จึงได้ชักชวนดีเทอร์ให้เข้าร่วมทีมสะเดาะตู้เซฟ

หนังเปิดเรื่องมาในบรรยากาศคล้าย ๆ Army of the Dead ด้วยการแนะนำตัวละครหลัก เริ่มจากดีเทอร์ มาถึงเกว็นโดลีน และเพื่อนร่วมทีมอีก 3 คน ที่มี แบรด เคจ เป็นขาลุยประจำทีม, รอล์ฟ นักซิ่งระดับพระกาฬ และโครินา แฮกเกอร์สาว ซึ่งก็บังเอิญอีกนะ ที่เพิ่งมี The Way Down หนังเล่าเรื่องหนุ่มอัจฉริยะเจาะตู้เซฟ ที่เพิ่งลงโรงฉายก่อนหน้านี้ไปไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้

เชย์ แฮตเทน (Shay Hatten) มือเขียนบทคนเดิมจาก Army of the Dead เจอโจทย์ยากพอควรที่จะต้องเล่าเรื่องอย่างไร ให้แตกต่างจากหนังจารกรรมตู้เซฟนับสิบเรื่องก่อนหน้านี้ ก็ถือว่าหาแนวทางได้แปลกใหม่กับการสร้างเรื่องราวตู้เซฟในตำนานขึ้นมา ซึ่งก็นับว่าเป็นการปูทางได้น่าสนใจและชวนติดตาม และอีกจุดที่แตกต่างก็คือเราได้ดูดีเทอร์และเพื่อนร่วมแก๊งต้องวางแผนการเข้าถึงตู้เซฟถึง 3 ตู้ในเรื่องเดียว ซึ่งแต่ละตู้ก็อยู่ในที่แตกต่างกันทั้งธนาคาร และคาสิโน การวางแผนการล่อหลอกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในแต่ละสถานที่กว่าจะเข้าถึงตู้เซฟก็นับเป็นฉากที่ชวนลุ้นได้เบา ๆ แต่สิ่งท่ยังหนีไม่พ้นความจำเจของหนังจารกรรมก็คือทีมงานขาประจำในแก๊งปล้นที่ต้องมี นักซิ่ง และแฮกเกอร์ ร่วมอยู่ในทีม ซึ่งก็มักลงเอยด้วยความโลภและหักหลัง

เมื่อพระเอกของเรื่องเป็นนักสะเดาะตู้เซฟที่มีพรสวรรค์ระดับฟ้าประทานบวกกับเรื่องราวของตู้เซฟในตำนานแล้วนั้น ทำให้ทีมงานต้องทำการบ้านในการออกแบบตู้เซฟกันอย่างนัก ก็เป็นจุดที่น่าชื่นชมครับ ตู้เซฟทั้ง 3 ในเรื่องนี้ผ่านการออกแบบมาดูสมคุณค่า คือมีทั้งความน่าเกรงขามและความสวยงาม ดูมีความขลัง ด้วยความที่หนังให้เวลากับแต่ละตู้พอสมควร และเป็นการถ่ายภาพในระยะโคลสอัป ทีมงานจึงต้องใส่ใจกับพื้นผิวของแต่ละตู้กันแบบละเอียดยิบ และอีกจุดที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจของฉากสะเดาะตู้เซฟได้มากก็คือภาพอินเสิร์ตภายในตู้เซฟ ที่แสดงให้เห็นการเคลื่อนไหวของกลไกภายในเต็มไปด้วยเฟือง ลูกกลิ้ง เดือย จำนวนมากมายสลับซับซ้อน ซึ่งก็ทำได้สวยงามและดูสมจริง เห็นชัดล่ะว่าผ่านกระบวนการออกแบบมาอย่างตั้งใจ

ด้วยความที่หนังกำหนดให้เกิดเหตุในเยอรมัน และเดินทางไปจารกรรมตู้เซฟในหลาย ๆ ประเทศ คนดูก็เลยได้ของแถมเป็นฉากหลังทัศนียภาพสวย ๆ จากประเทศในยุโรปไปด้วย

ส่วนทีมตำรวจสากลในเรื่องนี้ ที่นำทีมโดย เดอลาครัวซ์ รับบทโดย โจนาธาน โคเฮน (Jonathan Cohen) น่าจะกล่าวได้ว่าเปลืองเวลาบนจอ เพราะช่างไร้พิษสง ตามหลังทีมของดีเทอร์แบบทิ้งห่างตลอด พอทีมตำรวจไร้น้ำยาเช่นนี้ก็เลยไม่เป็นอุปสรรคในการทำงานของทีมจารกรรม ไม่ได้ช่วยเพิ่มความระทึกในฉากปฏิบัติการปล้นเท่าที่ควร

แล้วก็ต้องเตือนกันไว้ก่อนว่า อย่าคาดหวังว่าจะเห็นซอมบี้วิ่งไล่คนในเรื่องนี้ เพราะนี่คือหนังจารกรรมตู้เซฟ ที่เหตุการณ์เกิดก่อน Army of the Dead จึงมีแค่การเอ่ยถึงวิกฤติการณ์ซอมบี้ที่เพิ่งแพร่ระบาดในสหรัฐฯ เท่านั้น

จุดด้อยของหนัง (สปอยล์เนื้อหา)
สิ่งที่ชวนให้ผิดหวังอยู่บ้างก็คือวิธีการสะเดาะตู้เซฟแต่ละใบของดีเทอร์ แต่หนังกลับไม่ให้รายละเอียดในส่วนนี้เลยแม้แต่น้อย เพราะดีเทอร์สะเดาะทุกตู้ได้อย่างง่ายดาย ไร้อุปสรรค ไม่มีการใช้เครื่องมือใด ๆ ทั้งสิ้น ใช้แค่เพียงหูแนบไปกับตู้เฉย ๆ แค่นั้น เห็นวิธีการนี้กับตู้แรกก็ชวนอึ้ง ๆ เหมือนกัน พอตู้ที่ 2 ก็ยังคงใช้วิธีการเดิมนี้ พอถึงตู้ที่ 3 ก็คาดเดาได้แล้วว่าดีเทอร์ก็ใช้วิธีการเดิมอีก อารมณ์ที่จะต้องร่วมลุ้นก็มลายหายไป กลายเป็นไคลแมกซ์หนังที่ขาดอารมณ์ระทึกอย่างที่ควรจะมี Army of Thieves จึงเป็นหนังที่มีจุดดีที่อยู่ที่เรื่องราวระหว่างทาง ซึ่งได้ตัวละครต่าง ๆ ที่มีสีสันมาทำหน้าที่ขับเคลื่อนได้อย่างน่าติดตาม หนังจบแบบสานต่อกับเรื่องราวใน Army of the Dead ได้อย่างแนบสนิท และถ้าหนังประสบความสำเร็จ ก็มีแววว่าอาจจะสานต่อการผจญภัยของดีเทอร์กับตู้เซฟใบที่ 5 ในตำนานต่อได้อีก