‘รักใหญ่กว่าโลกทั้งใบ’ เป็นอัลบั้มสุดพิเศษ ที่จะตามมาด้วยคอนเสิร์ตครั้งสำคัญ “คอนเสิร์ต รักใหญ่กว่าโลกทั้งใบ The Perfect Harmony” ที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 11 มิถุนายน 2566 ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย หอประชุมใหญ่ อัลบั้มนี้เกิดขึ้นจากการที่กลุ่มบริษัท โซนิค วิชั่น (Zonic Vision) บริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมเครื่องเสียงในประเทศไทย ที่มีประสบการณ์อันยาวนานพร้อมผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพสูงได้มีอายุครบ 25 ปี จึงมีความต้องการที่จะสร้างผลงานอัลบั้มเพลงพิเศษที่มีเนื้อหาอันงดงาม ดนตรีไพเราะประทับใจ เพื่อมอบเป็นที่ระลึกแก่ผู้ที่มีใจรักในเสียงดนตรีและสังคมเครื่องเสียง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้อัลบั้มชุดนี้มีการบันทึกเสียงระดับออดิโอไฟล์ และมีการใส่ใจในทุกรายละเอียด ทุกตัวโน้ต ทุกห้วงอารมณ์ความรู้สึก

อัลบั้ม “รักใหญ่กว่าโลกทั้งใบ”

ศิลปินที่มารังสรรค์เสียงดนตรีในครั้งนี้คือรุ่นใหญ่แห่งวงการเพลงไทย เป็นการโคจรมาพบกันครั้งสำคัญของของ ‘อาจารย์ดนู ฮันตระกูล’ ‘วงไหมไทยออร์​เคสตรา’ และ ‘วงนั่งเล่น’ โดยบทเพลงที่บรรเลงอยู่ในอัลบั้มเป็นบทเพลงของวงนั่งเล่น ที่ถูกนำมาเรียบเรียงใหม่โดยอาจารย์ดนู บรรเลงโดยวงไหมไทยและวงนั่งเล่น ความน่ารักในบทเพลงทั้งหลายของวงนั่งเล่นจึงได้มาผสมผสานกับความสวยงามตามแบบฉบับของอาจารย์ดนู เป็นการผสมผสานระหว่างศิลปินชั้นนำ สองรูปแบบ สองวง สองสไตล์ ซึ่งต่างก็มีเอกลักษณ์และสีสันของดนตรีเฉพาะตัวในแบบของตัวเอง เปรียบได้ดั่งดอกไม้สองชนิดที่ถูกจัดวางเอาไว้ในแจกันใบเดียวกัน กลมกล่อม กลมกลืน แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ในแบบของตัวเองเอาไว้  

อาจารย์ดนู ฮันตระกูล
วงไหมไทยและวงนั่งเล่น

ก่อนที่จะฟังงานเพลงในอัลบั้ม การรู้รายละเอียดการบันทึกเสียงและการวางตำแหน่งของเครื่องดนตรี จะช่วยให้ฟังงานเพลงในอัลบั้มนี้ได้อย่างเต็มอรรถรส วงไหมไทยของอาจารย์ดนูนั้นมีความชัดเจนในแนวทางการจัดวางเสียงในลักษณะของวงดนตรีแบบวงออร์เคสตราขนาดย่อม (Chamber Orchestra) โดยเอกลักษณ์ของวงไหมไทยคือการบันทึกเสียงสดพร้อมกันทุกชิ้นดนตรี และบรรเลงนักดนตรีที่มีฝีมือขั้นเอกอุ แม่นยำ เพราะหากคนใดเล่นผิดพลาดเมื่อใด นั่นหมายความว่าจะต้องเล่นใหม่กันหมดทั้งวง ร่วมร้องร่วมเล่นบรรเลงขับกล่อมโดยวงนั่งเล่น วงที่รวมคนดนตรีรุ่นเก๋า ที่เคยผ่านงานดนตรี ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังมาอย่างโชกโชน ซึ่งโดดเด่นด้วยการขับกล่อมผู้ฟังผ่านบทเพลงอะคูสติกช้า ๆ ไพเราะ เนื้อหาความหมายดี ผ่านฝีมือทางดนตรีอันยอดเยี่ยม โดยมีบทเพลงเด่น ๆ อาทิ ดอกไม้ในที่ลับตา, สายลม, น่านเนิบเนิบ ซึ่งได้ถูกนำมาบรรเลงไว้ในอัลบั้มนี้ด้วย นอกจากอาจารย์ดนู วงไหมไทย และวงนั่งเล่น ยังมีอีก 2 ศิลปินคุณภาพที่มามอบเสียงร้องอันไพเราะกลมกล่อมในอัลบั้มนี้ด้วยนั่นคือ ธนชัย อุชชิน หรือป๊อด โมเดิร์นด็อก ในบทเพลง “สายลม” และสุภัทรา อินทรภักดี โกราษฏร์ ในเพลง “น่านเนิบเนิบ”

“สายลม” ขับร้องโดย ธนชัย อุชชิน (ป๊อด โมเดิร์นด็อก)

บทเพลงนี้มาพร้อมอารมณ์สบาย ๆ ให้ความรู้สึกเหมือนวงดนตรีกำลังแสดงต่อหน้า โดยมีวงนั่งเล่นบรรเลงเป็นแบ็กกราวด์อย่างสมดุลเป็นธรรมชาติ เปิดพื้นที่ให้ป๊อด โมเดิร์นด็อก ขับร้องผ่านน้ำเสียงกลมกล่อมและลุ่มลึก เป็นอีกครั้งที่เราได้พบว่าเสียงร้องของป๊อดเมื่อมาอยู่ในบทเพลงของศิลปินอื่น ได้มอบความมีชีวิตชีวาในสีสันที่แตกต่างออกไปจากต้นฉบับนับเป็นความประทับใจขั้นสุด พร้อมทั้งมีนักร้องสาวมาร่วมคอรัสประสานเสียงเพิ่มเติมความอิ่มเอมเข้าไปด้วย ในบทเพลงที่สะท้อนธรรมชาติแห่งชีวิตนั่นคือ ‘กาลเวลา’ ที่ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์สุดท้ายแล้ว “เดี๋ยวมันก็ผ่านพ้น เดี๋ยวไม่นานก็จาง เดี๋ยวมันก็มีทางไป”

“น่านเนิบเนิบ” ขับร้องโดย สุภัทรา อินทรภักดี โกราษฏร์

เพลงนี้โดดเด่นด้วยน้ำเสียงละมุนแต่ทรงพลังของสุภัทรา อินทรภักดี โกราษฏร์ และเมื่อมีนักร้องหญิงก็ได้นักร้องประสานชายเข้ามาเสริม มีเสียงเปียโน เบส กีตาร์เข้ามาโอบอุ้มเสียงร้อง และได้กลุ่มเครื่องสายมาสร้างโทนเสียงอบอุ่น ทั้งหมดไหลล่องไปในบทเพลงที่มีความน่ารัก ‘เนิบ เนิบ’ สบาย ๆ และหวานหู สมดังชื่อเพลง

“ดอกไม้ในที่ลับตา”

บทเพลงหวานซาบซึ้งที่บรรเลงโดยวงนั่งเล่นทั้งหมด ผสานไปกับนักร้องคอรัสชาย-หญิง เครื่องดนตรีแต่ละชิ้นจัดวางเสียงได้อย่างน่าทึ่ง เก็บรายละเอียดได้อย่างดีและมีมิติ การร้องผสานเสียงของวงนั่งเล่นทำได้อย่างสมบูรณ์และมีการจัดเสียงสูงต่ำของแต่ละคนได้อย่างกลมกล่อมลงตัว บทเพลงนี้ถ่ายทอดคุณค่าของคุณความดี ‘ในที่ลับตา’ เพื่อให้เรารู้ว่าการทำความดีไม่จำเป็นต้องประกาศให้โลกรู้เสมอไป

“รักใหญ่กว่าโลกทั้งใบ”

ไตเติลแทร็กของอัลบั้มที่มาพร้อมความงามอันละเมียดละไม ในบทเพลงที่มีความหมายดี ที่บอกเราว่าต่อให้โลกใบนี้จะกว้างใหญ่แค่ไหน แต่สิ่งที่อยู่ในหัวใจดวงเล็ก ๆ ของเราอย่าง ‘ความรัก’ นั้นกลับเป็นสิ่งที่ใหญ่และทรงพลังกว่า ดังที่เนื้อร้องได้บอกไว้ว่า “ใหญ่กว่าศาสนา สำคัญกว่ากฎหมาย อุดมการณ์ใด ๆ ไม่เห็นต้องมี แค่คำนี้ก็พอ” ในช่วงท้ายเพลงออร์เคสตราได้เข้ามามีบทบาทสำคัญโดยเข้ามาเติมสีสันใส่ความ ‘ใหญ่’ ให้ ‘ความรัก’ ซึมซ่านเข้าไปในท่วงทำนองได้อย่างกลมกล่อมและเปี่ยมมิติ

“สิ่งสมมุติ”

เพลงนี้วงนั่งเล่นรับบทนำโดยมีวงไหมไทยทำหน้าที่สนับสนุนอยู่ด้านหลังเติมความอุ่นหนาของเสียงประสาน และโดดเด่นด้วยกลุ่มเครื่องเป่าที่เข้ามาเติมสีสันในบทเพลงนี้ได้เป็นอย่างดี เป็นมวลอารมณ์ที่นุ่มนวลเบาสบายล้อรับไปกับเสียงร้องที่อบอุ่น กับบทเพลงที่กระตุ้นให้เรา ‘ตื่น’ จากการติดอยู่ในสิ่งสมมติที่คอยขวางกั้นไม่ให้เรามีอิสระอันก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมามากมายโดยเฉพาะปัญหาของการแบ่งแยกพรมแดน แบ่งแยกเธอฉัน จนลืมไปว่าเรานั้นคือพี่น้องกันไม่ว่าภาษา หน้าตา ผิวพรรณเราจะต่างกันแค่ไหนก็ตาม

“Something Good”

อารมณ์ของเพลงนี้มาในจังหวะสบาย ๆ สไตล์วงนั่งเล่นที่มีเสียงกีตาร์ไฟฟ้าสอดแทรกสว่างใส มีเครื่องเป่าเสริมทำนองแข็งขันจากวงไหมไทยที่อาจารย์ดนูบอกว่าถอดอารมณ์มาจากเพลง “When I’m Sixty-four” ของ The Beatles โดยเครื่องเป่านั้นวงไหมไทยเล่นในสไตล์สำเนียงแบบ ‘งานบวชนาค’ สะท้อนรากความเป็นไทยในการเรียบเรียงแบบสากล ในบทเพลงที่บอกเราว่าไม่ว่าจะวันไหน ๆ ไม่ว่าจะวันที่ใครบอกว่าไม่ใช่วันที่ดี แต่ถ้าหากเรามองมันให้ดี ๆ เราจะพบว่าสิ่งดี ๆ นั้นมีอยู่ในทุกวัน อยู่ที่เราจะมองเห็นมันรึเปล่า

วงนั่งเล่น

“น้ำหวาน”

เพลงนี้โดดเด่นด้วยการร้องเดี่ยวและร้องคู่สลับกันไป การวางเสียงคอรัสชาย-หญิงมีการจัดวางที่ดีทำให้มีมิติ เครื่องดนตรีในเพลงมาแบบจัดเต็มและมีเสียงเครื่องเป่าสอดรับในจังหวะที่ลงตัว บทเพลงนี้คือเสียงสะท้อนของความคิดที่อาจยังไม่มั่นใจว่าทำดีแล้วมันได้ดีจริงไหม บทเพลงนี้กำลังบอกเราว่ามันอาจยัง ‘หวานไม่พอ’ ปริมาณความดีนั้นอาจยังไม่พอที่จะทำให้ใจชุ่มชื่นจากความหวาน ขอแค่มั่นใจและเติมมันไปเรื่อย ๆ สักวันความขมจะกลายเป็นหวานและมันจะกลมกล่อมอย่างแน่นอน

“รักจริงไม่มีวันจาง” (True Love)

อะไร อะไรก็เลือนลางจางหายไปได้ทั้งนั้น ยกเว้นเสียแต่สิ่งเดียวคือ ‘รักแท้’ ‘รักจริง’ ที่ ‘ไม่มีวันจาง’ เพลงนี้เป็นเพลงเร็วที่มีจังหวะกระชับหนักแน่น ดังนั้นเลยมีริทึ่มเซคชั่นอย่างกลองและเบสทำหน้าที่เป็นแกนหลัก โดดเด่นด้วยลีลาของกีตาร์ไฟฟ้าจากวงนั่งเล่นซึ่งทำหน้าที่โซโล่คลอไปกับกลุ่มนักร้อง และมีการโชว์ลีลาแบบเต็มที่จากวงไหมไทย ที่มีกลุ่มเครื่องดนตรีต่าง ๆ เข้ามาเติมลีลาอันน่าสนใจให้กับบทเพลง บ้างก็บรรเลงร่วมกัน บ้างมีการโยน-รับลูกกันอย่างสนุกในแต่ละกลุ่มเครื่องดนตรี ใครที่ชอบฟังแบบเก็บรายละเอียดสนุกกับการฟังสีสันของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นที่สอดประสานกัน รับรองเพลงนี้ถูกใจแน่นอน

“คนดีไม่มีวันตาย”

คนเราเกิดมาย่อม แก่ชรา หรือว่าเจ็บป่วย พอถึงเวลาก็ลาลับไป แต่หากอยากอยู่ยั้งยืนยงคงมีสิ่งเดียวนั่นคือคุณความดีที่จะไม่มีวันตายไปจากความทรงจำของผู้ที่ยังอยู่ บทเพลงคุ้นหูจากละครเรื่อง “ขุนของปลัดชู” ที่หลายคนคงประทับใจในน้ำเสียงที่ธีร์ ไชยเดชได้ร้องไว้ คราวนี้ลองมาสัมผัสเวอร์ชันอัลบั้ม ‘รักใหญ่กว่าโลกทั้งใบ’ กันบ้าง และแน่นอนว่าเมื่อบทเพลงนี้มีที่มาจากการประกอบเรื่องราวของผู้กล้าที่ศรัทธาในคุณความดี ท่วงทำนองจึงต้องมีความดรามาติกเข้มข้น ขึงขัง จริงจังอย่างแน่นอน พร้อมสาดอารมณ์หวานเศร้าเคล้าเข้ามาได้อย่างน่าประทับใจ ผ่านการประสานเสียงที่ยอดเยี่ยมระหว่างวงไหมไทยและวงนั่งเล่น

“ขอคนใจดีเป็นเพื่อนปี้สักคน”

บทเพลงนี้มาพร้อมเสน่ห์ของ ‘มนต์เมืองเหนือ’ ที่มาในรูปแบบของทั้งภาษา ลีลาและท่วงทำนอง เป็นเพลงที่มีเสน่ห์ไพเราะน่าฟัง เย็นสบาย เป็นเพลงที่ฟังไปยิ้มไปสบายหัวใจ พร้อมซึมซับในความหมายของบทเพลงที่บอกให้เราเข้าใจในคุณค่าของสิ่งที่เรียกว่า ‘มิตรภาพ’

อัลบั้มชุดนี้คือผลพวงจากความพิถีพิถันในทุกขั้นตอนโดยแท้ มีความเป็นศิลปะอยู่ในทุกอณูตั้งแต่ตัวเพลงไปจนถึงปกแผ่นและแพ็กเกจของอัลบั้มที่ดีไซน์มาอย่างดีมีความใส่ใจในทุกรายละเอียดครบอรรถรส ทั้งรูปแบบอนาล็อกไวนิลและแผ่นซีดี MQA ที่มาพร้อมเสียงคุณภาพระดับไฮเอนด์ เป็นอัลบั้มประวัติศาสตร์ทั้งของวงการเพลงและวงการเครื่องเสียงจริง ๆ

และสุดท้ายเราขอชวนผู้ที่มีใจรักในเสียงดนตรีทั้งหลาย อย่าพลาดชม “คอนเสิร์ต รักใหญ่กว่าโลกทั้งใบ The Perfect Harmony” ที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 11 มิถุนายน 2566 ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย หอประชุมใหญ่ กับประสบการณ์เพลงสุดยิ่งใหญ่ ที่พร้อมเติมเต็มหัวใจกับทุกท่วงทำนองของดนตรีบนเวทีใหญ่ครั้งแรกในการรวมตัวของ “วงนั่งเล่น” อะคูสติกแบนด์รุ่นเก๋าที่ทุกคนหลงรัก ผสานวงสุดคลาสสิกระดับตำนาน “ไหมไทยออร์เคสตรา”  โดย “ดนู ฮันตระกูล” ผู้มากประสบการณ์ในการเรียบเรียงความไพเราะถึงหัวใจผู้ฟังได้อย่างงดงามพร้อมศิลปินรับเชิญพลังเสียงคุณภาพ ธนชัย อุชชิน , ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว, รัดเกล้า อามระดิษ, สุรสีห์ อิทธิกุล, สุรชัย สมบัติเจริญ และอรวี สัจจานนท์ ซื้อบัตรได้ที่ Thaiticketmajor

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส