เอ็ด ชีแรน (Ed Sheeran) ยอดศิลปินเจ้าของรางวัลแกรมมี เดินทางมาเปิดคอนเสิร์ตครั้งที่ 3 ในบ้านเรา กับทัวร์ที่ใช้ชื่อว่า ’Ed Sheeran ‘+ – = ÷ x’ Mathematics Tour Bangkok 2024’ ซึ่งเป็นโชว์ที่มีรูปแบบเปลี่ยนไปจากครั้งก่อน ๆ และอัดแน่นไปด้วยโมเมนต์ประทับใจมากมาย

เริ่มต้นกันที่ศิลปินเปิด คอนเสิร์ตของชีแรนขึ้นชื่อเรื่องการมีศิลปิน opening act คุณภาพมาเล่นเปิดให้เสมอ ครั้งที่แล้วก็นำ ONE OK ROCK มาระเบิดความมันส์ลั่นแดนหัวหมากไปแล้ว ครั้งนี้ชีแรนให้โอกาส คัลลัม สก็อตต์ (Calum Scott) นักร้องคนชาติเดียวกัน เจ้าของเพลงฮิต “You Are The Reason” และ “Dancing on My Own” มาเล่นเปิดให้ ซึ่งสก็อตต์ก็ทำการ “Steal the show” ด้วยเสียงร้องอันงดงามและทรงพลังของเขา โดยเฉพาะเพลง “You Are The Reason” ที่แฟน ๆ ช่วยกันเปิดแฟลชบนมือถือ ทำเอาเจ้าตัวถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่

เวลา 20.15 เป๊ะ ชีแรนโผล่ขึ้นมาจากเวทีตรงกลาง พร้อมกับเพลงพลังงานสูงอย่าง “Tides” ก่อนจะต่อเนื่องความมันส์ด้วยเพลง “BLOW” หลังจบเพลงชีแรนกล่าวทักทายแฟน ๆ ชาวไทยครั้งแรกว่า ”กรุงเทพฯ เป็นไงบ้าง ขอบคุณที่มาในวันนี้”

โชว์ในครั้งนี้เวทีถูกออกแบบเป็นวงกลมตรงกลางสนาม สามารถรับชมได้ 360 องศา แถมตัวเวทียังหมุนได้อีกต่างหาก พื้นที่ในสนามราชมังฯ ถูกเปิดเต็มความจุ นั่นหมายความว่าคนดูเกือบ ๆ 60,000 คน จะได้เห็นชีแรนในหลากหลายมุมมองตลอดโชว์

อีกหนึ่งความพิเศษคือ ครั้งนี้ชีแรนตัดสินใจนำวงดนตรีสดมาร่วมบรรเลงกับเขาแล้ว หลังเจ้าตัวโชว์เล่นกับลูปสเตชันคนเดียวมาเกือบตลอดนับตั้งแต่เดบิวต์อัลบั้มแรก โดยตัววงถูกวางไว้สี่มุมสี่ซุ้มรอบ ๆ เวทีหลักตรงกลาง แม้จะเป็นโชว์ที่นำวงมาเล่นด้วยแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ทิ้งการโชว์แบบโซโลที่เขาถนัด ชีแรนเปิดช่วงต่อไปด้วยเพลง “I’m a Mess” และ “Shivers” ก่อนจะบ่นอากาศบ้านเราบนเวทีว่า “ร้อนมากเลย ผมเพิ่งบินมาจากอังกฤษเมื่อสองวันก่อน ซึ่งสภาพอากาศต่างจากที่นี่สุดขั้วเลย ที่นั่นเดินออกจากบ้านก็ประมาณ 3 องศา”

ชีแรนพูดเกริ่นเข้าเพลงต่อไปว่า “ตอนผมอายุ 18 ผมเล่นที่ผับแห่งหนึ่ง ตอนนั้นผมเล่นเพลงซ้ำไปซ้ำมา แต่ก็ไม่มีใครสนใจ จนวันหนึ่งเพลงนี้ก็เปลี่ยนชีวิตผมตลอดกาล ตอนแรกผมคิดว่ามันจะเป็น One-hit wonder ซะแล้ว แต่ 14 ปีผ่านไป มันทำให้ผมได้มีโอกาสมาเล่นที่สนามแห่งนี้ต่อหน้าพวกคุณ” โดยเพลงที่ชีแรนเล่านั้นมีชื่อว่า “The A Team”

นักร้องวัย 32 ปี ต่อเนื่องความสนุกด้วยเพลง “Castle on the Hill”, “Don’t”, “Eyes Closed”, “Give Me Love” และ “Boat” ถือเป็นช่วงที่ชีแรนโชว์ให้เห็นถึงความเป็นสุดยอดนักเหยียบลูป ที่เป๊ะเหมือนเดิม มีการโชว์อัดลูปหลายชั้น เล่นกีตาร์หลายไลน์ เล่นภาคริทึ่มเซสชันเอง ร้องประสานเอง ที่สำคัญไทม์มิงเวลาชีแรนเหยียบลูปในท่อนต่าง ๆ ถือว่าจังหวะเป๊ะมาก แทบไม่มีสะดุดหรือเหลื่อมจังหวะ เรียกได้ว่าคนเดียวก็เอาอยู่จริง ๆ!

ช่วงกลางชีแรนและวงเลือกเล่นเพลงจากผลงานชุดใหม่ ๆ อย่าง “Punchline”, “Overpass Graffiti”, เมดเลย์เพลง “River”, “Peru”, “Beautiful People”, “South of the Border”, “I Don’t Care” เพลงประกอบเกมโปเกมอน “Celestial”, “Galway Girl” และปิดท้ายช่วงนี้ด้วยเพลงฮิตตลอดกาล “Thinking Out Loud” ซึ่งเจ้าตัวมาพร้อมวลีเด็ดก่อนขึ้นเพลงว่า “ถ้าคุณร้องเพลงนี้ไม่ได้ แปลว่าคุณมาผิดคอนเสิร์ตแล้วครับ!”

ชีแรนเล่าต่อว่าตัวเขานั้นเป็นคนที่ทำอะไรอย่างอื่นไม่ค่อยเป็น นอกจากการแต่งเพลง ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นการออกกำลังกายประจำวันของเขา ก่อนเจ้าตัวจะเริ่มเล่น “Love Yourself” เพลงที่เขาแต่งให้กับ จัสติน บีเบอร์ (Justin Bieber) หลังจากนั้นชีแรนก็กระหน่ำเพลงฮิตต่อเนื่องทั้ง “Sing”, “Photograph”, “Tenerife Sea”, “Bloodstream” และ “Perfect” สุดยอดเพลงขอแต่งงาน ที่งานนี้ก็ไม่พลาด มีคนขอแต่งงานกลางคอนเสิร์ตอีกแล้ว (ขอแสดงความยินดีด้วยครับ)

ช่วงท้ายชีแรนกลับขึ้นมาบนเวทีพร้อมกิมมิกประจำตัว คือการใส่เสื้อฟุตบอลทีมชาติไทย! เจ้าตัวหยิบเพลงอย่าง “Afterglow”, “You Need Me, I Don’t Need You”, “Shape of You” และ “Bad Habits” มาใช้ปิดจบโชว์ในครั้งนี้อย่างสมบูรณ์

ภาพรวมโชว์ตลอดเกือบ 2 ชั่วโมงครึ่ง ชีแรนยังเอาโชว์อยู่เหมือนเดิม ยังคงเป็นเป็นเจ้าพ่อลูป สุดยอดนักเหยียบลูปที่ไทม์มิงเป๊ะเช่นเคย จังหวะที่เกือบจะหลุดร่อมร่อ ก็กลับมาเหยียบได้ทันท่วงทีตลอด โดยทีมงานวางลูปสเตชันไว้ 5 ตำแหน่ง ตรงกลางหนึ่ง และตั้งไว้ 4 ตัวที่บริเวณวงแหวนด้านนอกเวทีตรงกลาง ระหว่างโชว์จะสังเกตเห็นว่าชีแรนกำหนดคิวเดินระหว่างเพลงของตัวเองอยู่แล้ว (มีแวะกดเปลี่ยนลูปตามสเตชันต่าง ๆ บ้างบางเพลง) เขาจะเดินไปขวาก่อนเสมอ และจะกลับมาที่จุดศูนย์กลางตลอด เพื่อเซตลูปใหม่ ขึ้นเพลงใหม่ในเพลงต่อไป

โชว์นี้ออกแบบเวทีดีทีเดียว ด้วยความเป็น 360 องศา ทำให้ชีแรนวิ่งไปมา เอนเตอร์เทนคนดูได้รอบทิศขึ้น วิ่งบิลด์คนดูได้ทั่วถึงกว่าเดิมเยอะมาก ๆ ทำให้คนดูมีอารมณ์ร่วมไปกับการแสดงได้ดีขึ้นตามไปด้วย ผังที่นั่งให้ความสำคัญกับเกือบทุกที่นั่ง โซนที่เสาบัง ก็มีการกั้นหมดไม่ฝืนขายบัตร อันนี้ต้องชื่นชม น่าเสียดายเซตลิสต์ช่วงกลางอืดไปหน่อย ดีที่เข้าโซนเพลงฮิตทันเวลาไม่งั้นโชว์อาจดูจืดได้

และในที่สุดครั้งนี้ชีแรนก็ยอมเล่นกับวงสักที! ทำให้โชว์ดูมีสีสันขึ้นเยอะ เสียงเบสเป็นลูก เสียงกลองเป็นก้อน ไม่ใช่เกิดจากเสียงเคาะกีตาร์อีกแล้ว จริง ๆ ชีแรนได้อธิบายเหตุผลที่เขาเปลี่ยนมาใช้วงเล่นสดบ้างระหว่างโชว์ เป็นเพราะหลังทำอัลบั้ม ‘No.6 Collaborations Project’ ทำให้เขารู้สึกไม่อยากทิ้งองค์ประกอบบางอย่างเวลาเล่นสดไป ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเรื่องซาวนด์ร็อก ๆ ที่เขาอยากจะนำเสนอให้กับคนดูได้เห็นมุมนี้จากเขาบ้าง แต่บางเพลงเสียงกีตาร์แรงไปนิดหนึ่ง จากเสียงแตกของกีตาร์ 2 ตัวที่อาจจะหนาไปหน่อย ทำให้กลบเสียงชีแรนไปบ้าง

รวม ๆ เป็นโชว์ที่ให้ความบันเทิงได้ดีเหมือนเคย แต่อาจจะยังไม่สุดในเรื่องของ arrangement หรือภาคดนตรีที่ให้ความรู้สึกแตกต่างจากโชว์ครั้งก่อน ๆ มากนัก แต่จัดว่าเป็นคอนเสิร์ตที่สามารถประทับตราความน่าทึ่ง ของชายที่ชื่อ ’เอ็ด ชีแรน’ ได้ดีทีเดียว โชว์ ‘ร้อง-เล่น-เต้น’ กว่าสองชั่วโมงครึ่ง ชนิดแรงดีไม่มีตก เหยียบและขึ้นเลยเหมือนรถไฟฟ้าอย่างใดอย่างนั้น

ส่วนสภาพการจราจรขาไปและขากลับสนามราชมังฯ ยังเป็นอัมพาตเหมือนเคย การโดยสารหลัก ๆ ต้องใช้บริการพี่ ๆ วินมอเตอร์ไซค์หลายร้อยคัน ที่งานนี้พร้อมใจมารวมตัวโดยไม่ได้นัดหมาย อย่างที่บอกทุกรีวิวครับ คงได้แต่หวังให้รถไฟฟ้าสายใหม่เสร็จเร็ว ๆ การเดินทางไปชมคอนเสิร์ตที่ราชมังฯ ของทุกคนก็จะสะดวกสบาย และชีวิตดีกว่านี้มาก

ป.ล. ระหว่างรอภาพจากศิลปิน ทีมงานขอใช้ภาพประกอบจากโชว์ครั้งก่อน ๆ นะครับ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส