[รีวิวซีรีส์] ความลับของนางฟ้า : หัวเราะร่าน้ำตาไหล แค่ไม่สวยก็ต้องเหนื่อยขนาดนี้เลยเหรอ!
Our score
8.4

ผู้กำกับ

คิมซังฮยอบ (จาก Extraordinary You)

เขียนบท

อีซีอึน (จาก Top Star Yoo-Baek)

ช่องทางการรับชม

Netflix

ประเภท

โรแมนติก คอมเมดี้

จำนวน

16 ตอน

[รีวิวซีรีส์] ความลับของนางฟ้า : หัวเราะร่าน้ำตาไหล แค่ไม่สวยก็ต้องเหนื่อยขนาดนี้เลยเหรอ!
Our score
8.4

[รีวิวซีรีส์] ความลับของนางฟ้า : หัวเราะร่าน้ำตาไหล แค่ไม่สวยก็ต้องเหนื่อยขนาดนี้เลยเหรอ!

จุดเด่น

  1. ตีความและดัดแปลงเรื่องราวจากต้นฉบับ WEBTOON มาเป็นเวอร์ชั่นซีรีส์ได้เป็นอย่างดี โดยที่ยังคงความสนุกแบบการ์ตูนต้นฉบับเอาไว้ แต่เพิ่มความสมจริงและความเป็นธรรมชาติลงไปได้อย่างลงตัว
  2. ทีมนักแสดงแข็งแกร่ง ทำการบ้านกับบทบาาทของตัวเองได้ดี เคมีเวลาแสดงร่วมกันคือกลมกล่อม มีสีสัน และมุนกายองคือ The Best
  3. เรื่องราวย่อยง่าย ครบรส แต่ก็น่าติดตาม แทรกปมปัญหาครอบครัวและสังคมได้ลึกซึ้ง

จุดสังเกต

  1. ยังคงมีกลิ่นอายความเป็นการ์ตูนอยู่นิด ๆ ไม่ว่าจะเป็นแอคติ้งเล่นใหญ่แบบสุด ๆ ไว้ก่อน หรือจะเป็นเนื้อหาบางส่วนที่ทำให้เรารู้สึกรู้สึกว่ามันยังเชื่อไม่ได้สนิทใจ ใครไม่ชอบซีรีสืเกาหลีแนวนี้อาจจะรู้สึกขัด ๆ อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่แผลที่ใหญ่จนเกินจะมองข้าม
  • บท

    8.0

  • โปรดักชัน

    7.5

  • การแสดง

    8.5

  • การดำเนินเรื่อง

    9.0

  • ความสนุกตามแนวซีรีส์

    8.8

ถ้าย้อนเวลากลับไปเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา ความลับของนางฟ้า นั้นเรียกได้ว่าเป็น WEBTOON เรื่องดังที่ยืนหนึ่งบนชาร์ตได้ยาวนานแสนนาน แค่พูดถึงชื่อ อิมจูกยอง นักอ่านเค้าก็จะรู้กันได้ทันทีว่านี่เป็นชื่อนางเอกจากการ์ตูนเรื่องดังที่ไม่ว่าใครก็ต้องพูดถึง

ด้วยเรื่องราวที่เล่นกับประเด็นฮิตอย่างการแปลงโฉมนางเอกสุดเฉิ่มให้กลายเป็นสาวฮอตสุดปังที่มีหนุ่มหล่อสองคนมาคอยล้อมหน้าล้อมหลังตามจีบ แถมยังมีฉากหักมุมดัดหลังยัยพวกตัวร้ายชอบบูลลี่ให้คนดูได้รู้สึกสะใจอยู่เนือง ๆ ก็เรียกได้ว่าผู้เขียนการ์ตูนมาถูกทางแบบสุด ๆ เพราะทั้งหมดนั้นมันล้วนสร้างแรงดึงดูดให้เหล่าผู้ชมอยากจะเห็นจุดลงเอยที่ดีที่สุดของแต่ละตัวละครนั่นเอง

จนกระทั่งในปี 2020 ที่ผ่านมา ความลับของนางฟ้า ถูกนำไปสร้างเป็นซีรีส์ที่คนพูดถึงมากที่สุดอย่าง True Beauty  เพราะงานนี้ได้ 3 นักแสดงดาวรุ่งมารวมตัวกันในเรื่องเดียว ไม่ว่าจะเป็น มุนกายอง, ชาอึนอู, และ ฮวังอินยอบ ที่กำลังมีผลงานโดดเด่นและเป็นที่น่าจับตามองแบบสุด ๆ โดยเฉพาะพ่อหนุ่มใบหน้าฟ้าประทานอย่าง ชาอึนอู ที่แทบจะกลายเป็นเจ้าพ่อพระเอกซีรีส์เว็บตูนไปซะแล้ว ก็คุณพี่เค้าเล่นเหมาหมดทุกเรื่องทุกการ์ตูนดังขนาดนั้น แถมแต่ละคาแรกเตอร์ที่ได้รับก็ช่างลงตัวและเหมาะสมกับเค้าอย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่าในทีแรกผู้เขียนเองก็ยังแอบรู้สึกกลัวว่าการเป็นพระเอกในเรื่องนี้จะแอบไปซ้ำ ๆ กับคาแรกเตอร์พระเอกเว็บตูนเก่า ๆ ที่เขาเคยรับบทมาก่อนมากไปหน่อย แต่ก็นึกไม่ออกจริง ๆ แหละว่า ถ้าไม่ใช่ ชาอึนอู แล้วจะเป็นใครมารับบทนี้ได้อีก?

เอาเป็นว่าแค่ทีมนักแสดงยังโหดขนาดนี้ มาดูกันดีกว่าว่าซีรีส์ที่ออกมาจะน่าประทับใจ สมมงหนึ่งในตำนานเว็บตูนไหมนะ?

แนะนำนักแสดง

มุนกายอง รับบทเป็น อิมจูกยอง

สาวขี้เหร่ที่โดนเพื่อนกลั่นแกล้งจนทำให้เธอต้องย้ายโรงเรียนและหาวิธีเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่จนไม่มีใครจำได้ และได้กลายมาเป็นสาวสวยสุดฮอต ผู้มาพร้อมกับความลับที่บอกใครไม่ได้เด็ดขาด!

ชาอึนอู รับบทเป็น อีซูโฮ

หนุ่มหล่อพูดน้อย นิสัยขวางโลก ที่บังเอิญเคยช่วยอิมจูกยองเอาไว้ และดันไปล่วงรู้ความลับนางฟ้าของเธอจนได้ แต่เขากลับเป็นคนเดียวที่รู้สึกชอบในตัวตนของเธอจริง ๆ แม้จะเคยเห็นหน้าสดของเธอมาแล้วก็ตาม

ฮวังอินยอบ รับบทเป็น ฮันซอจุน

หนุ่มหล่อแบดบอยประจำโรงเรียนที่คอยตามจีบตามตื๊อ อิมจูกยอง อยู่ตลอด คอยดูแลปกป้องแม้จะรู้ว่าเธอไม่ได้มีใจให้ โดยที่ไม่รู้เลยว่าความลับที่อิมจูกยองปกปิดเอาไว้คืออะไรกันแน่

ความรู้สึกหลังดู

เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงต้องเคยผ่านตากับประโยคเหล่านี้ “ไม่สวยก็เหนื่อยหน่อย” “คนไม่สวยผิดเสมอ” “แค่คุณหน้าตาดีโลกก็จะใจดีกับคุณ” และอีกสารพัดวลียอดนิยมที่นิยามความทุกข์ของคนที่ไม่ได้มีหน้าตาตรงตามค่านิยมสังคมได้อย่างเจ็บแสบ ซึ่งดูเหมือนคำพูดติดตลกเหล่านี้นี่แหละที่กลายมาเป็นคอนเซ็ปต์หลักในช่วงแรกที่ซีรีส์ True Beauty หรือ ความลับของนางฟ้า ตั้งใจนำเสนอออกมาแบบจัดเต็มไม่มีกั๊ก 

ไม่ว่าจะด้วยการเปิดเรื่องแล้วมุ่งประเด็นไปที่หน้าตาของนางเอกอย่าง อิมจูกยอง แบบทันทีทันใดด้วยการบรรยายความไม่สวยของนางเอกซะเละเทะยับเยิน ชนิดที่เรียกได้ว่าแค่เกิดมาก็ขี้เหร่เลย ไม่เคยเป็นที่น่าเอ็นดูในหมู่ป้าข้างบ้าน ถูกญาติผู้ใหญ่ล้อเลียนเรื่องหน้าตาว่าถูกเก็บมาเลี้ยงเพราะหน้าไม่เหมือนคนในตระกูล ลามไปจนถึงการถูกเพื่อน ๆ รุ่นเดียวกันทั้งรุมแบน รุมบูลลี่สารพัด (แค่เพราะว่าเธอไม่สวย ๆ เนี่ยแหละ!) จนกระทั่งกลายเป็นความกดดันจากผู้เป็นแม่ที่คล้อยตามขร้ปากของคนในสังคมไปไกล เหลือทิ้งไว้แค่ความคาดหวังที่คนเป็นลูกไม่ต้องการ 

“ถ้าแกหน้าตาไม่ดีอย่างน้อยก็เรียนให้ได้เกรดดี ๆ หน่อยแล้วกัน” 

เรียกได้ว่าในจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด ซีรีส์ทำคะแนนได้ดีในการปูเรื่องและขยี้จุดที่เป็นเหตุและผลว่าเพราะอะไรที่ทำให้นางเอกของเรื่องอย่าง อิมจูกยอง ต้องกลายมาเป็นนางฟ้าแสนสวยผู้ที่ต้องคอยเก็บซ่อนหน้าตาที่แท้จริงของตัวเองเอาไว้ แถมยังเล่าเรื่องดราม่าผ่านมู้ดคอมเมดี้ออกมาได้แบบตลกหน้าตาย คล้ายกับเวลาที่เราเจอประโยค “ไม่สวยก็เหนื่อยหน่อย” ในโลกโซเชียล ที่ดูเผิน ๆ ก็เสียดสีได้ตลกดี แต่คนที่เจอคำนี้กับตัวเองนี่สิ…มันไม่ตลกเลย

ในขณะที่เรื่องราวค่อย ๆ ดำเนินไปตามร่องรอยเดิมที่มีอยู่แล้วใน WEBTOON สิ่งที่ซีรีส์พยายามมากขึ้นจนเราสังเกตเห็นได้นั่นก็คือการอุดช่องโหว่ของความไม่สมจริงในการ์ตูน เช่น การใส่ที่มาหรือเหตุผลในการกระทำของตัวละครลงไปทีละเล็กทีละน้อย อย่างนางเอกของเราที่เสพติดการแต่งหน้านั้นซีรีส์ก็จะพยายามเพิ่มเรื่องราวจากการ์ตูนขึ้นมาว่า กว่าจะกลายมาเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองขนาดนี้ได้ เธอต้องผ่านสารพัดการดูถูกและคำพูดแรง ๆ ที่บดทำลายความภูมิใจในตัวเองจากทั้งคนในครอบครัวและคนรอบข้างมามากมายแค่ไหน หรือแม้กระทั่งการพยายามเติมเรื่องราวการบูลลี่กันอย่างรุนแรงในสังคมเกาหลี ซึ่งบางเหตุการณ์ก็อ้างอิงจากข่าวจริง พฤติกรรมจริง ไม่ว่าจะเป็นการกลั่นแกล้งกันในโรงเรียนอย่างที่นางเอกเจอ หรือแม้กระทั่งเหตุการณ์ใหญ่ ๆ อย่างการฆ่าตัวตายในศิลปินไอดอลที่ถูกสังคมโซเชียลรุมบูลลี่อย่างหนัก ทั้งหมดทั้งมวลล้วนทำให้เนื้อเรื่องที่มีความเป็นการ์ตูนจ๋า ๆ กลับมีน้ำหนักและมิติตัวละครที่น่าสนใจมากขึ้นทันที

และด้วยการแสดงของ มุนกายอง ที่ผ่านประสบการณ์ซีรีส์ดราม่ามาอย่างโชกโชน ที่แม้ว่าครั้งนี้จะหันมารับบทคอมเมดี้เบาสมอง แต่เธอเองก็ยังหาโอกาสปล่อยของจนได้! พูดง่าย ๆ เลยก็คือ ไม่ว่าจะฉากขายขำตลกโปกฮาก็จัดหนัก พอถึงคราวบทโชว์หน้าสดเปลือยสิวแต่งคิ้วให้น่าเกลียดเธอก็เล่นจัดเต็มไม่มีกั๊ก ไม่มีอาการห่วงสวยใด ๆ และโดยเฉพาะในซีนดราม่าน้ำตาแตกที่ไม่ว่าฉากก่อนหน้านี้จะมีปล่อยมุกโบ๊ะบ๊ะไปมากแค่ไหน พอถึงเวลาที่เนื้อเรื่องเข้าสู่โหมดเศร้า เธอก็สามารถแสดงสิ่งที่ตัวละครต้องการจะสื่อสารกับคนดูออกมาได้อย่างหมดจด ไม่ว่าจะสีหน้าท่าทางที่แสดงความทุกข์และความเจ็บปวดก็เรียกว่าเก็บหมดทุกเม็ด เรียกได้ว่าการแสดงของเธอนี่แหละที่ทำให้เรื่องราวกลมกล่อมมากขึ้น ถ้าจะให้ยกจำแหน่งเดอะแบกของซีรีส์เรื่องนี้ให้เลยก็ไม่ติด เพราะการแสดงของเธอเนี่ยแหละที่ทำให้เราเชื่อว่าเรื่องราวเหล่านี้อาจกำลังเกิดขึ้นกับใครอยู่จริง ๆ บนโลกใบนี้ก็ได้

และในส่วนของหนุ่ม ๆ ที่มารับบทนำนั้น ก่อนอื่นเราจะมองข้ามการแสดงของ ฮวังอินยอบ ไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด เพราะนี่คือบทบาทที่ต้องชนกับพระเอกของเรื่องอย่าง ชาอึนอู ผู้มีเบ้าหน้าฟ้าประทานคอยดึงดูดสายตาคนดูให้จับจ้องอยู่ที่เขาตลอดเวลา แต่ทำไมไม่รู้ว่าทุกฉากทุกซีนที่มีนักแสดงคนนี้เข้ามา เรากลับไม่รู้สึกอยากละสายตาไปจากเขาเลยให้ตายเถอะ ทั้งฉากบู๊ ขี่มอเตอร์ไซค์ไล่ล่า เล่นตลกขายขำ มาในโหมดจริงจัง หรือยันร้องเพลงเล่นดนตรี พี่แกเอาอยู่หมด! เป็นบทที่มีอะไรให้ทำเยอะ แถมยังต้องพยายามให้ผู้ชมเห็นถึงการพัฒนาของตัวละครอยู่ตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งฮวังอินยอบเองก็ทำออกมาได้ดีและมีสเน่ห์ในทุก ๆ ฉากที่โผล่มาก เรียกได้ว่าเป็นจอมขโมยซีนที่แท้ทรู แถมพอมารู้อายุทีหลังว่าพี่แกอายุปาเข้าไปเลข 3 แล้ว แต่ยังรับบทนักเรียนได้แนบเนียนขนาดนี้ จะเอาอะไรมาไม่ตกหลุมรักเขาได้ล่ะเนี่ย!!

และในซีรีส์เรื่องนี้ พาร์ตของ ชาอึนอู คงจะเรียกได้ว่าเป็นพาร์ตที่ดราม่าหนักหน่วงที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะมาคราวนี้เขาจะไม่ใช่แค่บทบาทของหนุ่มหน้าหล่อที่มาพร้อมบุคลิกนิ่งขรึมพูดน้อยแบบเดิม ๆ อีกต่อไป การที่ตัวละคร อีซูโฮ ผู้เกิดมาพร้อมบุคลิกร่าเริงสดใสและมองโลกในแง่ดี ต้องกลายมาเป็นคนขวางโลกและมนุษย์สัมพันธ์แย่ นั่นก็เป็นเพราะปมจากอดีตที่เพื่อนร่วมวงบอยแบนด์ที่เป็นเด็กฝึกมาด้วยกันดันตัดสินใจฆ่าตัวตายจากการถูกโซเชียลบูลลี่ เราจึงได้เห็นชาอึนอูโชว์พัฒนาการด้านการแสดงมากขึ้นเพราะเวทีนี้มีโอกาสให้เขาได้ปล่อยของแบบจัดเต็ม ซึ่งส่วนตัวเราเองก็มองว่าแม้บทบาทของตัวละครนี้ที่ชาอึนอูได้รับจะไม่ได้ดูฉีกออกมาจากกรอบเดิม ๆ มากเท่าไหร่ แต่เราก็ยังได้เห็นฝีมือและการพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ที่คาดไม่ถึงอยู่พอสมควรเลย

และด้วยความเป็นซีรีส์แนวโรแมนติดคอมเมดี้ที่ตลอดมาทีมเขียนบทและผู้กำกับดูเหมือนจะตั้งใจดำเนินเรื่องไปให้ตรงกับหน้าปกโปสเตอร์ที่มีสีสันน่ารัก ๆ มาตลอด แต่จนกระทั่งช่วงท้ายเรื่องที่ความลับหน้าสดของ อิมจูกยอง ถูกเปิดเผยขึ้นมาโดยฝีมือของคนใกล้ตัวที่เธอไว้ใจ ราวกับว่าทุก ๆ ปมที่ซีรีส์เคยทิ้งเอาไว้ตามทางก่อนหน้านี้มันถูกจุดระเบิดขึ้นมาพร้อม ๆ กันทั้งหมด จุดแหกโค้งของซีรีส์ที่ดำเนินมาแบบน่ารักเฮฮามาตลอดกลับเปลี่ยนมู้ดโทน กลายร่างเป็นซีรีส์ดราม่าที่พร้อมขยี้ทุกปมความสัมพันธ์ของทุกตัวละครในเรื่องได้อย่างเจ็บปวด จากปัญหา Beauty Standard กลายเป็นปมความไม่มั่นใจในตัวเองของนางเอก และลามไปจนถึงการรื้อปัญหาการเลี้ยงดูลูกของแต่ละครอบครัวได้โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่ตอน ทำให้เป็นช่วงเวลาที่คนดูจะได้รับทั้งความรู้สึกหนักหน่วง กดดัน และความทุกข์อันเข้มข้นแบบสุด

โดยเฉพาะฉากที่แม่ของจูกยองได้รับรู้เรื่องราวที่ลูกสาวของตัวเองถูกเพื่อนกลั่นแกล้งมาตลอดหลายปีเป็นครั้งแรก ลูกสาวที่ตัวเองไม่เคยพอใจและปล่อยปะละเลยมาตลอด แถมยังเอาแต่คอยเติมความกดดันและตั้งความหวังกับลูกแบบไม่หยุดหย่อน บอกเลยว่าในฐานะลูกสาวคนกลางของครอบครัวหนึ่งที่ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษแบบเรา บทตรงนี้ทำงานกับหัวใจและต่อมน้ำตาหนักมาก และเราก็เชื่อว่า Message นี้ต้องทำงานกับน้ำตาของอีกหลาย ๆ คนที่ได้ดูอย่างแน่นอน

“อยู่ในบ้านแกยังไม่ได้รับความรักเลย อยู่นอกบ้านแกจะเอาความรักจากที่ไหน มันเป็นความผิดของฉันเอง” ประโยคนี้มันทำงานกับต่อมน้ำตาเกินไปมาก ขอปรบมือให้คนเขียนบทเลยจริง ๆ 

สุดท้ายนี้ผู้เขียนก็คงต้องขอขายกันตรง ๆ แบบนี้ไปเลยว่า นี่คือหนึ่งในซีรีส์ที่แสนจะดีงามและอบอุ่นหัวใจ ถึงแม้โปรดักชันจะไม่ได้ยิ่งใหญ่ฟอร์มยักษ์ ไม่ได้มีเรื่องราวอลังการ พล็อตล้ำซับซ้อน หรือเต็มไปด้วยคุณค่าในเชิงหนังรางวัลอะไรเบอร์นั้น แต่ True Beauty ก็ยังคงเป็นซีรีส์ที่พัฒนามาจาก WEBTOON เรื่องดังได้เป็นอย่างดี มีทั้งมุมที่น่ารัก น่าติดตาม และน่าเอาใจช่วยอยู่ตลอด แถมยังอัดแน่นไปด้วยทีมแสดงฝีมือระดับต้น ๆ ของเกาหลี ที่พร้อมจะเล่าเรื่องราวและสะท้อนมุมมองของคนธรรมดา ๆ ที่อยากจะเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นไปเรื่อย ๆ แม้ว่าค่านิยมเรื่องหน้าตาในสังคมจะสูงลิ่ว หรือแม้กระทั่งปัญหาการกลั่นแกล้งกันในโรงเรียนมันจะยังแก้ไม่ได้ทั้งหมด อย่างน้อย ๆ ซีรีส์เรื่องนี้ก็พูดคุยและเข้าใจถึงหัวอกคนธรรมดได้อย่างลึกซึ้ง และทำให้ยิ้มได้ทุกครั้งที่ดูจบ

“มีแค่เราที่กำหนดคุณค่าของตัวเราได้ ขอแค่มั่นใจเข้าไว้ ไม่ว่าใครก็แตะต้องเราไม่ได้” 

อิมฮีกยอง พี่สาวนางเอก

ดูบทสรุปของ อิมจูกยอง จบแล้ว ก็มั่นใจในตัวเองมากขึ้นอีกหน่อยเถอะนะ 🙂 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส