[รีวิว] มาตาลดา Ep1-3 : ฟีลกู๊ดแบบเข้าใจโลกและชีวิต ทั้งฮีลใจและทำเอาน้ำตารื้นในวันเดียวกัน
Our score
8.4

กำกับ

ปวันรัตน์ นาคสุริยะ

บทโทรทัศน์

Script Maker

บทประพันธ์

ณัฐณรา

จำนวนตอน

21 ตอน

ช่องทางรับชม

ช่อง 3HD ทุกจันทร์-อังคาร เวลา 20.30 น. รับชมย้อนหลังได้ที่ 3Plus และ NETFLIX

[รีวิว] มาตาลดา Ep1-3 : ฟีลกู๊ดแบบเข้าใจโลกและชีวิต ทั้งฮีลใจและทำเอาน้ำตารื้นในวันเดียวกัน
Our score
8.4

[รีวิว] มาตาลดา Ep1-3 : ฟีลกู๊ดแบบเข้าใจโลกและชีวิต ทั้งฮีลใจและทำเอาน้ำตารื้นในวันเดียวกัน

จุดเด่น

  1. บทมีความฮีลใจและปลอบประโลม ให้แง่คิด สะท้อนชีวิตแบบไม่เชยและไม่เครียด เป็นละครที่เบาใจและซัพพอร์ตความรู้สึกได้ดีเลยละค่ะ ใครเหนื่อย ใครท้อ ดูมาตาลดา ช่วยได้
  2. พระ-นางเคมีใหม่ ลงตัวแบบไม่น่าเชื่อและโดดเด่นทั้งคู่จนส่องแสงกลบตัวแสดงอื่น ๆ ได้มิด
  3. เป็นละครสะท้อนสังคมที่ย่อยง่าย สุด ๆ

จุดสังเกต

  1. โปรดักชันและการดำเนินเรื่องบางจุด มีขัดหูขัดตาไปบ้าง แต่ภาพรวมที่ออกมาก็ให้อภัยในจุดนี้ไปหมดแล้ว
  • บท

    8.0

  • การแสดง

    9.0

  • โปรดักชัน

    8.0

  • การดำเนินเรื่อง

    8.0

  • ความสนุกตามแนวละคร

    9.0

จากนิยายขายดี 2 เล่มจบของ ‘ณัฐณรา’ กลายมาเป็นละครฟีลกู๊ด ฮีลใจใครหลายคนได้ตั้งแต่ตอนแรกที่ออกอากาศ ‘มาตาลดา’ หญิงสาวที่มาพร้อมแสงสว่างและสีสันสดใส แม่สาวโบฮีเมียนที่ซุ่มซ่าม ใสซื่อ บ้าบอแต่จริงใจแบบสุดโต่ง และเข้าใจโลกอย่างที่สุด จนหมอหนุ่มผู้เย็นชา และไม่ยินดียินร้ายต่อสิ่งใดอย่าง ‘ปุริม’ ผู้ที่โลกของเขาเต็มไปด้วยความอ้างว้าง หม่นเศร้า เกิดความอบอุ่นและเจิดจ้าขึ้นมาอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน

มาตาลดา : เล่าเรื่องราวของ ‘มาตาลดา’ หรือ ‘มาตา’ (เต้ย จรินทร์พร) ลูกสาวคนเดียวของ ‘เกริกพล’ หรือ ‘เกรซ’ (ชาย ชาติโยดม) เจ้าของ The Cage บาร์ชื่อดังในพัทยา ที่ต้องหอบลูกสาวหนีมาอยู่ที่พัทยาตั้งแต่ยังเล็ก เพราะโดน ‘เปา’ (นพพล โกมารชุล) และ ‘เฟิน’ (ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์  ณ อยุธยา) เตี่ยและแม่ของเขาไล่ออกจากบ้าน เพราะผิดหวังที่เขาไม่ใช่ผู้ชาย แต่เกรซก็เลี้ยงดูมาตาลดามาอย่างดี ท่ามกลางความรักของมิตรสหายอย่าง ‘วีนัส’ (โกโก้ กกกร) ‘คิตตี้’ (ป๋อมแป๋ม นิติ ชัยชิตาทร) และน้า ๆ ในคณะโชว์

มาตาเติบโตมาเป็นเด็กสาวที่มองโลกในแง่ดี เต็มไปด้วยพลังของความใจดีจนใครหลายคนคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เพี้ยนไม่เบา และพลังของความใจดีนั้นก็ทำให้มาตารบเร้าให้เกรซซื้อบ้านให้อยู่ที่กรุงเทพฯ เพื่อภารกิจพิชิตใจอากง กาม่า และนำครอบครัวกลับมาให้พ่อเกรซของเธอในสักวัน

การย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ ของมาตาทำให้เธอได้พบกับ ‘ปุริม’ หรือ ‘เป็นหนึ่ง’ (เจมส์ จิรายุ) ศัลยแพทย์หัวใจและทรวงอกฝีมือเยี่ยม แต่ดูท่าทางคุณหมอคนเก่งจะเป็นชายไร้หัวใจ เก็บกดและติดอยู่ในโลกของความอ้างว้าง เพราะครอบครัวไม่ใช่เซฟโซนและบ้านก็ไม่เคยเป็นสถานที่ที่ให้ความสุขกับเขาได้ ความสุขหนึ่งเดียวของเขาคือการช่วยเหลือคนไข้ให้รอดพ้นจากความตาย และการปล่อยอารมณ์ของตัวเองให้จินตนาการดิ่งลึกภายใต้แว่นตาดำน้ำ จนเมื่อวันหนึ่งเขาได้พบกับ ‘มาตาลดา’ โลกใบเก่าของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป อย่างสิ้นเชิง

ความเจิดจ้าของชีวิตเริ่มต้นได้ที่บ้าน

การออกอากาศเพียง 3 ตอนแรกของมาตาลดา นอกจากให้ความสุขกับผู้ชมได้ยิ้ม หัวเราะและน้ำตารื้นไปกับละครฟีลกู๊ดเรื่องนี้แล้ว ยังเต็มไปด้วยสาระที่อัดแน่นอยู่ในนั้นจนแตะใจคนดูได้หลายต่อหลายคน ผู้เขียนคิดว่าเป็นอย่างนั้นนะคะ เพราะเพียง 3 ตอนที่ออกอากาศ ก็ทำให้เกิดความคิดมากมายต่อละครเรื่องนี้ และที่สัมผัสได้แบบชัดเจนก็คือ มาตาลดา คือตัวแทนของผลผลิตที่ดีที่สุด จากต้นแม่ที่แข็งแกร่งและอดทนแม้ต้องอยู่ท่ามกลางพายุร้าย ที่เราอยากให้มีเกลื่อนกลาดบนโลกใบนี้ซะเหลือเกิน

ไม่สำคัญว่าจะเกิดมาจากไหน ไม่สำคัญว่าจะเกิดมาจากใคร แต่สำคัญว่าเติบโตมาอย่างไรต่างหากล่ะ เราจะกลายเป็นคนที่มีความสุขและเจิดจ้าจนส่องแสงไปถึงมุมที่มืดมิดที่สุด และทำให้ความมืดมิดนั้นสว่างกระจ่างขึ้นมาได้อย่างไร ถ้าเราไม่ถูกบ่มเพาะมาจากความรักดี ๆ และมาตาลดาก็เป็นผู้หญิงที่แบตเต็มแบตอึดแบบไม่มีวันหมดซะด้วยสิ นั่นหมายความว่าเธอพร้อมจะส่องแสงแบบนี้ได้อีกนาน และส่องอย่างทั่วถึงแม้ว่าคนคนนั้นจะบอกว่า “ฉันไม่ต้องการแสงสว่างของเธอหรอก” แต่มาตาก็พร้อมจะให้แบบไม่สะทกสะท้าน เพราะเธอรู้ว่าเขาเหล่านั้นต้องการมัน

ผู้เขียนได้อ่านนิยายเรื่องนี้อยู่แว้บ ๆ เมื่อทราบว่าจะมีการนำมาทำเป็นละคร สารภาพว่ายังอ่านไม่จบค่ะ แต่ก็สามารถบอกได้ว่านิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่อ่านสนุกเรื่องหนึ่ง ตัวละครมีมิติ เป็นนิยายฟีลกู๊ดที่ตีแผ่ปัญหาครอบครัวและสังคม สามารถเยียวยาจิตใจคนได้ดีเรื่องหนึ่งเลยละค่ะ เชื่อว่าแฟนนิยายต้องมีความคาดหวังว่าละครจะทำออกมาได้ดีอย่างที่ใจคิดหรือเปล่า แต่ถ้าเราเข้าใจว่า นิยายก็สนุกอย่างนิยาย ละครก็มักจะสนุกอย่างละคร การรับชมของเราก็จะมีอรรถรสขึ้น และในภาคละครก็แคสติ้งตัวแสดงออกมาได้สมกับความเป็น มาตาลดา จริง ๆ

ผู้หญิงอย่างมาตาลดา ใครอยู่ใกล้ต้องมีแต่ความสุข ทั้งนิยายและละครบอกกับเราแบบนั้นค่ะ คาแรกเตอร์แบบนี้ทำให้คนดูมีความสุขไปด้วย เป็นบทละครที่ตั้งใจบอกกับโลกว่า ความเจิดจ้าของมนุษย์ เริ่มต้นได้ที่บ้าน และพ่อแม่ทุกคนสามารถสร้างมาตาลดาของตัวเองได้ แค่เข้าใจโลกและชีวิตให้มากขึ้น มองทุกอย่างอย่างเป็นธรรม ใช้สมองและหัวใจอย่างให้เกียรติ โดยไม่ใช้ตัวเองเป็นศูนย์กลาง เท่านั้นเอง มาตาลดาที่ออกอากาศไปได้เพียงแค่ 3 ตอน ทำให้เราคิดได้แบบนั้น และเป็นการคิดตามไปได้อย่างชื่นใจ สนุกสนาน ไม่ปวดหัว ไม่ซีเรียส ถึงแม้ว่าจะมีฉากที่ทำให้เราน้ำตาซึมออกมาก็ตาม

ความหม่นหมองในชีวิตก็เริ่มต้นจากในบ้าน

มาตาลดาถือว่าเป็นละครสะท้อนชีวิตและสังคม ด้วยการนำเรื่องของการยอมรับในความต่างและคุณค่าของความเป็นมนุษย์มาเป็นแก่นของเรื่องนี้ แต่มาในมุมที่ซอฟต์ลงด้วยบรรยากาศของความเป็นดราม่าคอมเมดี้ ทั้ง ๆ ที่แก่นของเรื่องนั้นหนาหนักอยู่พอสมควร และเป็นแก่นที่เราเคยเห็นมาแล้วในละครเรื่องอื่น ๆ เรียกว่าไม่ได้ใหม่ในใจความ แต่ใหม่ในการนำเสนอ เพราะสิ่งที่มาตาลดาทำออกมา กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างและสร้างสรรค์กว่า ด้วยการนำความเป็นละครมาผสมผสานกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่แล้วในชีวิตจริงแต่สังคมอาจมองข้ามไปได้อย่างกลมกลืน

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ LGBTQ ที่ไม่ได้ถูกยอมรับอย่างแท้จริง ทั้งจากครอบครัว จากสังคมบางสังคม มันคือความจริงที่เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ในบางครอบครัว บางสังคม ยังตะขิดตะขวงใจกับเพศทางเลือกของใครบางคนอยู่ หรือแม้แต่เรื่องของสิทธิอำนาจของในบางครอบครัว ที่ผู้เป็นใหญ่ที่สุดในบ้าน ยังคงกำหนดกรอบและพยายามชี้นำชีวิตของทุกคนภายในบ้านให้เป็นไปตามใจตน ภายใต้คำว่าความหวังดี หรือแม้แต่เรื่องของการเปรียบเทียบลูกฉัน ลูกเธอ และแข่งขันกันเองเพื่อคำว่าเหนือกว่า จนสร้างความกดดันภายในใจให้คนที่ตัวเองรัก และกลายเป็นแผลใจที่กัดกินพวกเขาไปทีละนิดโดยไม่รู้ตัว

ซึ่งเรื่องนี้ก็มีตัวแทนที่ได้รับผลกระทบอย่างเห็นได้ชัดอยู่ 3 คนด้วยกัน หนึ่งคือพ่อเกรซของมาตา ที่ต้องปวดร้าวกับการไม่ถูกยอมรับจากพ่อและแม่ของตัวเอง ต้องถูกสังคมบางสังคมตัดสินและเดียดฉันท์ แต่ยังดีที่พ่อเกรซเป็นคนมองโลกในแง่บวก และมีกัลยาณมิตรที่มีหัวใจดวงเดียวกัน ความแข็งแกร่งที่บริสุทธิ์นี้จึงส่งมาถึงมาตา คนที่สองคือ ปุริมซึ่งเป็นพระเอกของเรื่อง ที่ผลกระทบที่ปุริมได้รับทำให้กลายเป็นคนเก็บกด และแสดงออกมาในแง่ของการไม่ยี่หระต่อสิ่งใดในโลก เรียกว่าทุกข์ในใจจนหาความสุขแทบจะไม่ได้ทั้ง ๆ ที่มีเงินเป็นกองก็ไร้ประโยชน์

และคนสุดท้ายคือ ‘ไตรฉัตร’ (ริว วชิรวิชญ์) ลูกพี่ลูกน้องของปุริม ที่อีกไม่นานเราจะได้เห็นบทบาทของตัวละครตัวนี้มากขึ้น เพราะเขาจะเป็นตัวแทนของผลกระทบจากการถูกเปรียบเทียบกับปุริมอยู่ตลอดเวลา เมื่อแข่งทางไหนก็แพ้ ไม่ว่าจะหน้าที่การงานหรือหน้าตา ไตรฉัตรก็มักจะเป็นรองปุริมอยู่ตลอด แล้วแม่ก็ขยันเอาลูกตัวเองไปเปรียบจังเลย เปรียบเก่ง เปรียบแบบไม่มีพัก เพราะฉะนั้นเมื่อทำอะไรก็แพ้ แม่ไม่ปลื้มซะที การแอบแย่งมาอย่างเนียน ๆ ก็เป็นอะไรที่ง่ายกว่าการแข่งขันกันซึ่ง ๆ หน้าเป็นไหน ๆ (ตัวละครตัวนี้เป็นพระเอกอีกเรื่องหนึ่งของนิยายเรื่อง ไตรฉัตร จักรวาลเดียวกันกับมาตาลดาค่ะ)

ซึ่งถ้าผลกระทบที่เกิดขึ้นกับตัวละครเหล่านี้เป็นเรื่องจริงไม่ใช่ในละคร มันคือเรื่องที่โคตรซีเรียสเลยนะคะ พ่อแม่ที่เลี้ยงลูกมาอย่างเอาแต่ใจตนเองแบบนั้น เขากำลังผลิตมนุษย์พันธุ์ไหนออกมาสู่สังคมกันแน่ น่ากลัวจะตาย แต่โชคดีเหลือเกินค่ะที่นี่เป็นเพียงละครที่สะท้อนออกมาในมุมที่เบาลง จนทำให้สามารถเคี้ยวเข้าไปได้ง่ายและย่อยง่าย จนอาจจะกลายเป็นพลังวิเศษให้ใครสักคน ‘คิดได้’ แบบที่ละครเรื่องนี้กำลังสร้างมาตาลดาให้เป็นตัวแทนของยอดมนุษย์ที่มีพลังของความใจดี เป็นพลังวิเศษที่ใคร ๆ ก็อยากอยู่ใกล้ เพราะแม่เล่นแจกความสดใสแบบไม่มีพักเลยจริง ๆ

ความเป็นธรรมชาติของการแสดงที่ลงตัวกว่าที่คิด

เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของการพบกับระหว่าง เจมส์ จิรายุ และ เต้ย จรินทร์พร บอกเลยว่าตอนแรกไม่คิดว่าเคมีจะดีได้ขนาดนี้ ผิดคาดมากจริง ๆ ค่ะ เพราะเมื่อสองคนลงจอร่วมกันแล้ว ความเป็นเต้ยและความเป็นเจมส์ จิ ก็ทำให้เราต้องซูฮกในฝีมือการแสดงที่ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลยจริง ๆ บวกกับผลงานกำกับของ เหมี่ยว-ปวันรัตน์ นาคสุริยะ และบทละครที่น่ารัก อบอุ่น ชวนยิ้ม โดย Script Maker ที่ไม่แพ้ในนิยาย ก็ทำให้เกิดความลงตัวแบบอมยิ้ม เหมาะกับการรับชมในวันที่เหนื่อยใจเหนื่อยกาย เอามาก ๆ

และถึงแม้ว่าละครเรื่องนี้โดยรวมแล้วจะเป็นละครฟีลกู๊ด แต่อย่างที่บอกในตอนต้นค่ะว่าละครเรื่องนี้สามารถทำให้คนดูน้ำตารื้นได้อย่างไม่รู้ตัว ถ้าคุณมีปู่ย่าตายายที่รักที่คิดถึงและไม่ใจแข็งเกินไปนัก ใน Ep3 คุณจะต้องมีน้ำตาปริ่ม ๆ กับฉากซบมืออาม่าแน่นอน เต้ยกลั่นอารมณ์ช่วงนั้นออกมาได้อย่างปัจจุบันทันด่วน มีเสียงสั่นเครืออย่างเป็นธรรมชาติจนเราเห็นว่ามันจริง อินสุด เข้าใจสุดจนคิดถึงคนแก่ที่บ้าน

คุณจะเข้าใจว่าทำไมมาตาลดาดาถึงเติบโตมาอย่างสดใสได้ขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่ชีวิตครอบครัวไม่สมบูรณ์ ด้วยบทที่เขียนให้เกรซเป็นสตรีเหล็กที่มองโลกในเชิงบวกและเลี้ยงเด็กคนหนึ่งออกมาอย่างคนใจดี ชาย ชาติโยดม ในบทพ่อเกรซ ถ่ายทอดออกมาซะเนียนกริ๊บจนเราเกือบลืมไปแล้วว่า ในชีวิตจริงเขามีภรรยาเป็นถึงอดีตนางเอกละครแถวหน้า และเป็นคุณพ่อของน้องตฤณ กับ น้องไทเลอร์ OMG! แม่เล่นได้เนียนซะจนคิดว่าเข้าไปใช้ชีวิตในนั้นเลยละค่ะ

มาตาลดา ละครน้ำดีที่อยากให้ทุกคนมานั่งดูด้วยกัน ออกอากาศทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 3 กด 33 รับชมย้อนหลังได้ที่ 3Plus และ NETFLIX

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส