เมาเทนดิว (Mountaindew) เป็นเครื่องดื่มอัดลมที่คิดค้นโดยบริษัทเป๊ปซี่ (Pepsi) ตั้งแต่ปี 1940 แม้ว่าเมาเทนดิวจะไม่ได้รับความนิยมมากนักในบ้านเรา แต่ในสหรัฐฯ ก็ยังมีผู้นิยมบริโภคจำนวนมาก และยังคงมีวางขายอยู่ทั่วไป ทั้งในร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต และเครื่องหยอดเหรียญอัตโนมัติ

คดีที่หยิบมาเล่านี้ เป็นกรณีที่ลูกค้าชายรายหนึ่งซื้อเมาเทนดิวจากตู้หยอดเหรียญอัตโนมัติแล้วเขาอ้างว่า พบซากหนูในกระป๋องเครื่องดื่มเมาเทนดิว เลยฟ้องร้องค่าเสียหายกับเป๊ปซี่ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ แม้ว่าการพบซากสัตว์หรือสิ่งแปลกปลอมในกระป๋องหรือกล่องยูเอชทีนั้นเป็นกรณีที่พบเจอกันอยู่เรื่อย ๆ ก็เป็นเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์อยู่แล้ว แต่เหตุผลที่ทนายของเป๊ปซี่ออกมาโต้แย้งนี่สิ ชวนอึ้งกว่า และทำให้คดีนี้กลายเป็นไวรัล แม้ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดมาตั้งแต่ปี 2009 แล้ว แต่ก็ยังเป็นหนึ่งในคดีประวัติศาสตร์ที่ถูกหยิบมาพูดถึงกันอยู่เนือง ๆ

เรื่องราวเริ่มต้นจาก นายโรนัลด์ บอล (Ronald Ball) วัย 52 ปี เขาเป็นพนักงานบริษัทน้ำมันอาศัยอยู่ในเมืองเมดิสันเคานตี รัฐอิลลินอยส์ บอลอ้างว่าเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2008 นั้น เขาได้ซื้อเมาเทนดิวแบบกระป๋องจากตู้หยอดเหรียญอัตโนมัติที่ตั้งอยู่ในที่ทำงานเขา เมื่อเขายกขึ้นดื่มเข้าไปอึกแรก ก็รู้สึกถึงความผิดปกติในรสชาติที่ชวนสะอิดสะเอียนอย่างรุนแรง จนถึงกับอาเจียนออกมา ทำให้บอลสงสัยว่ามีสิ่งแปลกปลอมอะไรอยู่ในกระป๋องเครื่องดื่มเป็นแน่ รสชาติถึงได้เป็นแบบนั้น บอลจึงเทเครื่องดื่มที่เหลือลงในแก้ว แล้วเขาก็พบคำตอบว่า มีซากหนูอยู่ในกระป๋องเมาเทนดิวนั้น

บอลจึงส่งซากหนูดังกล่าวไปยังบริษัทเป๊ปซี่ พร้อมกันนั้นก็ได้แนบจดหมายเรียกร้องค่าชดเชยเป็นเงิน 50,000 เหรียญ (ประมาณ 1.7 ล้านบาท) แต่เมื่อมีการทวงถามไปยังเป๊ปซี่ ก็ได้รับคำตอบว่าทางบริษัทได้ทำลายซากหนูซึ่งเป็นหลักฐานไปเรียบร้อยแล้ว บอลจึงตัดสินใจดำเนินการทางกฎหมาย ด้วยการยื่นฟ้องต่อศาลเมดิสัน เคาน์ตี ในปี 2009 เรียกร้องเงินค่าชดเชยเป็นมูลค่า 75,000 เหรียญ

ทางเป๊ปซี่ยืนยันปฏิเสธข้อเรียกร้องของบอล และดำเนินการยื่นเรื่องต่อศาลให้ยกฟ้องคดีนี้เสีย และตรงนี้แหละที่เป็นประเด็นสำคัญของคดี เมื่อทนายตัวแทนของเป๊ปซี่อ้างเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลว่า ข้ออ้างของบอลไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะถ้าอ้างอิงตามวันเวลาที่บอลดื่มเมาเทนดิวกระป๋องนั้น ถ้ามีหนูอยู่ในนั้นจริง หนูจะต้องละลายไปแล้ว

เป๊ปซี่ได้เชิญ ลอว์เรนซ์ แม็คกิล (Lawrence McGill) สัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มาให้การโต้แย้งด้วย แม็คกิลกล่าวว่า เมาเทนดิวกระป๋องที่โจทก์อ้างนั้น ได้ถูกปิดผนึกและจัดส่งไปตั้งแต่เดือนเมษายน 2008 และถ้ามีหนูอยู่ในนั้นจริง ภายใน 30 วัน มันจะถูกแปรสภาพให้มีลักษณะคล้ายวุ้นไปแล้ว
“ปฏิกิริยานี้ก็เกิดได้กับเครื่องดื่มอัดลมที่เป็นกรดทั่วไป เมาเทนดิวก็เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นหนูหรือสัตว์อื่น ๆ “
แม็คกิลยังอ้างต่อไปอีกว่า ถ้าร่างหนูแช่อยู่ในเครื่องดื่มเมาเทนดิวประมาณ 4 – 7 วัน แคลเซียมในกระดูกหรือโครงสร้างอื่น ๆ ในร่างก็จะหายไปหมด ส่วนเดียวที่จะยังหลงเหลือแล้วพอบ่งบอกได้ว่าเป็นหนูก็คือ ส่วนหาง เท่านั้น

ส่วนเมาเทนดิวกระป๋องที่บอลอ้างว่าดื่มแล้วเจอซากหนูนั้น ทางเป๊ปซี่ได้ตรวจสอบแล้ว เมาเทนดิวกระป๋องนั้นถูกบรรจุในโรงงานที่เซนต์หลุยส์ นับถึงวันที่บอลเปิดกระป๋องดื่มก็ 74 วันเข้าไปแล้ว ถ้าอิงจากกระบวนการดังกล่าวจะต้องไม่มีซากหนูในกระป๋องให้เห็นแล้ว ทางเป๊ปซี่ยังให้การโต้แย้งข้อกล่าวอ้างของบอลอีกว่า เขาไม่เคยส่งหลักฐานใด ๆ ที่อ้างว่ามีซากหนูในกระป๋องมาให้กับบริษัทเป๊ปซี่

คดีนี้ยืดเยื้อไปเป็นเวลา 4 ปี มาได้ผลสรุปในปี 2012 เมื่อทางเป๊ปซี่ได้ทำการตกลงตัวเลขเงินชดเชยกับ โรนัลด์ บอล นอกศาลโดยไม่เปิดเผยมูลค่าต่อสื่อ เอ็ด อันเซลล์ (Ed Unsell) ทนายของบอลกล่าวกับสื่อว่า
“มันเป็นตัวเลขที่เป็นความลับตามคำขอของโจทก์ครับ ทางเป๊ปซี่ยังคงปฏิเสธข้อกล่าวหา แต่ทั้งสองฝ่ายก็ตกลงกันด้วยจำนวนเงินที่ไม่เปิดเผย คดีนี้เสร็จสิ้นและทั้งสองฝ่ายก็แยกย้ายกันไป”

เอ็ด อันเซลล์ ทนายของโรนัลด์ บอล และ ไมเคิล เนสเทอร์ ทนายของเป๊ปซี่ ก็ยื่นความจำนงต่อศาลให้ยกฟ้องคดีนี้ในวันที่ 30 กรกฎาคม 2012

คดีจบ แต่ข้อเท็จจริงก็ยังคงเป็นปริศนาว่า มีหนูอยู่ในกระป๋องเมาเทนดิวจริงหรือไม่ แต่ที่น่าตกตะลึงไปกว่านั้น ก็คือหลักฐานโต้แย้งจากทางฝั่งเป๊ปซี่ที่จะยังคงตราตรึงในความทรงจำผู้บริโภคไปอีกยาวนาน ว่าฤทธิ์การกัดกร่อนของเครื่องดื่มอัดลมมันรุนแรงได้ถึงเพียงนี้เลยหรือ เราเคยเห็นแต่คำเตือนถึงความน่ากลัวของเครื่องดื่มอัดลมจากแพทย์ และนักโภชนาการ แต่รอบนี้ดันมาจากทางผู้ผลิตเองเลย

จากคำกล่าวอ้างถึงฤทธิ์กัดกร่อนแคลเซียมของเมาเทนดิวที่รุนแรงนี้ จึงมียูทูบเบอร์รายหนึ่งได้ทำการทดลอง แล้วก็ได้รับการพิสูจน์ชัดว่าซากหนูที่แช่ในเมาเทนดิวในระยะเวลา 30 วัน ได้กลายสภาพเป็นวุ้นจริง ไม่เหลือกระดูกให้เห็นแม้แต่ชิ้นเดียว

คำเตือน : ทานอาหารให้อิ่มก่อนดู

กดข้ามไปดูการทดลองนาทีที่ 2 เลย

ที่มา ที่มา ที่มา