Beartai Battle กับศึกใหญ่ที่ทุกคนรอคอย เมื่อแท็บเล็ตรุ่นท็อปอย่าง Samsung Galaxy Tab S8 Ultra มาปะทะกับ iPad Pro M1 12.9 นิ้ว เพื่อวัดความสามารถในการใช้งานด้านต่าง ๆ ให้เห็นกันจะ ๆ วันนี้เราจัดศึก Battle เจาะลึกการใช้งานแต่ละด้านให้ดูจะได้รู้ชัด ๆ ว่าใครเหนือกว่าใคร!

หน้าจอ

เริ่มต้นยกแรก ดูหนัง-ฟังเพลง มาดูกันค่ะว่าจอ Super AMOLED 120 Hz ขนาด 14.6 นิ้วของ Samsung Galaxy Tab S8 Ultra และจอ Liquid Retina XDR 120 Hz ขนาด 12.9 นิ้วของ iPad Pro M1 ดูหนังแล้วแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

เราเปิด Netflix ในเนื้อหาแบบ HDR เทียบทั้ง 2 จอให้ดูกันก่อนนะคะ ซึ่งด้วยสัดส่วนจอ 16:10 ของ Galaxy Tab S8 Ultra ประกอบกับขนาดจอที่ใหญ่กว่า ทำให้ประสบการณ์ในการชมภาพยนตร์นั้นดีมาก สีสันและ Contrast ของภาพก็ออกมาดีเพราะเป็นจอแบบ AMOLED ที่ให้สีดำได้ลงลึก

ในขณะที่ iPad Pro M1 แม้คุณภาพภาพ ความสว่าง Contrast หรือความลึกของสีดำนั้นไม่ได้เป็นรองจอ AMOLED ของฝั่งซัมซุง แต่ด้วยขนาดจอที่เล็กกว่าและสัดส่วนจอไม่ได้ดีไซน์เพื่อสำหรับการดูหนังเต็มที่ ทำให้ความอลังการของภาพนั้นต่างกันเยอะค่ะ

ลองดูเนื้อหาที่ภาพสดใสอย่างอนิเมะ จะเห็นว่าสีสันของฝั่งซัมซุงนั้นถึงใจกว่า เพราะจอเซ็ตสีมาตรฐานมาเป็นแบบ Vivid แต่ก็สามารถปรับจอให้สีอ่อนกว่านี้ได้

แท็บเล็ตทั้ง 2 รุ่นนี้มีลำโพงข้างละ 2 ตัว รวมเป็น 4 ตัวเหมือนกันค่ะ ซึ่งให้เสียงได้ดังกังวาลทั้งคู่ แต่เสียงออกมาโทนแตกต่างกัน โดย iPad Pro M1 ให้เสียงแบบถ้าเขียนเป็นแผง EQ จะเป็นรูปตัว V หรือเสียงเบสเยอะ และเสียงแหลมมีความคม

ส่วน Samsung Galaxy Tab S8 Ultra จะให้เสียงแบบ Flat ที่เบสและเสียงแหลมไม่ได้ถูกดันออกมามากนัก หรือลักษณะ EQ แบบแผ่นเรียบค่ะ

ผู้ชนะในยกนี้การดูหนัง ฟังเพลงจึงตกเป็นของ Samsung Galaxy Tab S8 Ultra นั้นเองค่ะ เพราะมีจอที่เหมาะสำหรับความบันเทิงมากกว่า ส่วนเรื่องลำโพงก็อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน แล้วแต่ว่าใครชอบโทนเสียงแบบไหนมากกว่ากันค่ะ

ความสามารถในการทำงาน

มาถึงยกที่ 2 ว่าด้วยความสามารถในการใช้ทำงานกันค่ะ เริ่มจากความสามารถในการทำงานหลายๆ หน้าต่างนะคะ แท็บเล็ตตระกูล Galaxy Tab สามารถแบ่งหน้าต่างเปิดแอปพร้อมกันได้ 3 ตัว จะแบ่งจอตามแนวนอนหรือแนวตั้งก็ได้ แถมทำแอปลอยพร้อมใช้งานได้อีก

เช่นเรากำลังใช้ Lightroom อยู่ แต่อยากเปิดอ่านข้อมูลใน Chrome และเปิด MV เพลงใน youtube ไปด้วย แล้วเอาเฟซบุ๊กเป็นหน้าต่างลอยแบบนี้ เพื่อเข้าไปอ่านฟีดเรื่อย ๆ ได้ค่ะ และจะสลับไปแอปอื่นอย่าง Note ก็ทำได้เลย

ส่วน iPad นั้นจะสามารถเปิดพร้อมกันแบบแบ่งครึ่งจอได้แบบนี้ค่ะ แล้วสามารถเอาแอปไปซ่อนอยู่ที่ขอบจอได้แบบนี้ พอจะใช้ก็รูดออกมาซึ่งสามารถปัดที่เส้นด้านล่างนี้เพื่อสลับแอปที่ซ่อนได้ด้วย

ซึ่งใน iPad เราสามารถใช้ LINE ไปพร้อมๆ กับไลน์ในมือถือได้ด้วย ซึ่งแท็บเล็ต Android ยังทำไม่ได้ตอนนี้ค่ะ
ส่วนการรักษาความปลอดภัย Galaxy Tab S8 Ultra สามารถสแกนนิ้วบนหน้าจอได้ หรือจะสแกนหน้าผ่านกล้องก็ได้ค่ะ

iPad Pro แน่นอนว่าต้องใช้ FaceID อยู่แล้วค่ะ สแกนหน้าได้อย่างเดียวไม่สามารถสแกนนิ้วได้ ซึ่งเวลาใช้ iPad แนวนอนแบบนี้ บางทีมือเราจะไปบังกล้อง ทำให้หลายครั้งการปลดล็อกเครื่องก็ขลุกขลักบ้าง เพราะต้องเปลี่ยนท่าจับ iPad ก่อนค่ะ

Galaxy Tab S8 Ultra สามารถเชื่อมต่อคีย์บอร์ด Bluetooth ได้เป็นอย่างดีนะคะ ใช้ปุ่ม Alt + Shift หรือ Ctrl + Space เปลี่ยนภาษาได้เหมือนวินโดวส์ ส่วนถ้าต้องการแบบปกคีย์บอร์ดที่ติดเครื่องไปเลย ซัมซุงก็มี Galaxy Tab S8 Keyboard Cover ขายอยู่ในราคา 8,990 บาทค่ะ

iPad Pro ก็เชื่อมต่อคีย์บอร์ด Bluetooth ได้ดีไม่แพ้กันค่ะ ก็จะใช้ปุ่ม Caplock เปลี่ยนภาษาเป็นหลัก และมีปกคีย์บอร์ดพร้อม Trackpad ขายเช่นกันในราคา 11,690 บาทค่ะ

สรุปรอบนี้ใครจะชนะดีล่ะ เราให้เป็นเสมอกันนะคะ เพราะความสามารถในการใช้งานใกล้เคียงกันเลย แบ่งหน้าต่างได้เหมือนกัน ต่อคีย์บอร์ดใช้สะดวกเหมือนกัน แอปหลัก ๆ อย่าง MS office, Lightroom ก็มีเหมือนกัน ส่วนถ้าใครใช้แอปเฉพาะทาง ก็ต้องพิจารณากันอีกทีนะคะว่าเป็นระบบไหนถึงจะมีแอปให้ใช้ค่ะ

ปากกา

ยกต่อไป ว่าด้วยเรื่องของปากกาค่ะ! ประเด็นนี้เริ่มต้นซัมซุงได้เปรียบไปก่อนแล้ว เพราะ Samsung Galaxy Tab S8 Ultra นั้นมาพร้อมปากกา S Pen เลย ไม่ต้องจ่ายเพิ่มอีกเกือบครึ่งหมื่นสำหรับ Apple Pencil 2 เพื่อใช้กับ iPad Pro

แต่ iPadOS นั้นก็ขึ้นชื่อเรื่องแอปที่ใช้ร่วมกับปากกามายาวนาน เช่น Procreate สำหรับสายวาดรูป หรือ Goodnote / Notability สำหรับนักเรียน นักศึกษาใช้จดระหว่างการเรียน เพราะสามารถเขียนลงไปในไฟล์เอกสาร PDF ได้สะดวกๆ แถมอัดเสียงระหว่างจดได้ด้วย

มาดู Samsung Galaxy Tab S8 Ultra ดีกว่าว่ามาพร้อมแอปสำหรับปากกาอะไรบ้าง

ตัวแรกเลยคือ Samsung Notes แอปคู่บุญของ S Pen มาตลอด ก็ใช้งานได้ลื่นไหล เขียนตัวอักษรลื่นเหมือนเขียนบนกระดาษ โหลด PDF เข้ามาแก้ไขก็ได้ หรือถ้าอยากจดบันทึกไปด้วย อัดเสียงไปด้วย ก็สามารถใช้แอป Noteshelf ที่มากับเครื่องได้ เปิด PDF มาจดเพิ่มได้เหมือนกัน และสำหรับศิลปินต้องที่ต้องการเครื่องมือวาดรูประดับสูง ก็มีแอป Clip Studio มาให้ใช้กันค่ะ ซึ่งแอปนี้จะใช้เต็มความสามารถต้องซื้อเพิ่มนะคะ

มาเทียบ Apple Pencil 2 กับ S Pen กันบ้างนะคะ จะเห็นว่า Pencil 2 มีขนาดใหญ่กว่าและหนักกว่าค่ะ สามารถแตะที่ตัวปากกาเพื่อใช้ปุ่มลัดได้ และชาร์จโดยแปะข้างเครื่องแบบนี้

ส่วน S Pen เล็กกว่า เบากว่า แต่ก็ยังจับถนัดมืออยู่ดี มีปุ่มลัดอยู่บนปากกา ชาร์จโดยเอาไปแปะหลังเครื่อง และสามารถใช้ปากกาเป็นรีโมทได้ เช่นใช้เป็นปุ่มชัตเตอร์ให้กล้อง หรือวาดปากกากลางอากาศที่เรียกว่า Air Action เพื่อสลับโหมดกล้อง หรือเปลี่ยนสไลด์ก็ได้

เราให้คุณสต็อป Art Director ของแบไต๋ได้ลองใช้ทั้ง iPad Pro 12.9 นิ้ว และ Samsung Galaxy Tab S8 Ultra เพื่อวาดรูป ซึ่งคุณสต็อปกล่าวว่าความลื่นไหลในการใช้งานไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ คือลื่นมากทั้งคู่ เพราะเป็นจอ 120 Hz ทั้งคู่ด้วย ใช้สร้างงานออกมาได้ดีทั้งคู่ แต่สัมผัสของตัวปากกานั้นแตกต่างกัน อันนี้แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนแล้วว่าชอบสัมผัสและน้ำหนักแบบไหน

ความสามารถด้านการใช้งานของปากกาของทั้ง 2 รุ่นนั้นไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ ซึ่ง Apple Pencil 2 จะเด่นตรงที่สามารถเอียงปากกาที่แรเงาได้

ส่วน S Pen ก็เด่นตรงใช้งานเป็นรีโมตหรือใช้แบบ Air Action ได้ แต่ Galaxy Tab S8 Ultra รุ่นเริ่มต้นจะมีราคาถูกกว่า iPad Pro 12.9 รวม Apple Pencil เกือบ 3,500 บาท เราจึงให้ Samsung Galaxy Tab S8 Ultra ชนะไปในยกนี้ค่ะ

กล้อง

ยกที่ 4 เป็นเรื่องกล้องค่ะ ที่เห็นอยู่นี้คือวิดีโอ 4K 30 fps จากกล้องหลังของ Samsung Galaxy Tab S8 Ultra ค่ะ แต่ถ้าต้องการถ่ายวิดีโอด้วยเลนส์มุมกว้างจะต้องใช้ความละเอียด 1080p 30 fps ซึ่งจะสามารถสลับจากกล้องหน้าไปกล้องหลังระหว่างถ่ายวิดีโอได้เลยด้วย

และนี้คือวิดีโอ 4K 30 fps จากกล้องหลังของ iPad Pro ค่ะ ได้คุณภาพแบบนี้ และสามารถสลับเลนส์หลักและเลนส์มุมกว้างระหว่างถ่ายได้ แต่ไม่สามารถสลับกล้องหน้า-กล้องหลังระหว่างถ่ายได้นะคะ

ซึ่งเราถ่ายรูปจากกล้องหลังของทั้ง 2 เครื่องเทียบกันให้ดู ก็ให้คุณภาพที่ดีเหมือนกันค่ะ รวมถึงการถ่ายภาพบุคคลด้วย แต่กล้องหลังของ iPad ไม่สามารถถ่ายภาพบุคคลได้นะคะ

ส่วนวิดีโอ 4K 30 fps จากกล้องหน้าของ Samsung Galaxy Tab S8 จะเป็นแบบนี้ค่ะ ซึ่งระหว่างถ่ายจะสามารถสลับไปเลนส์มุมกว้างมากได้ด้วย เพราะแท็บเล็ตรุ่นนี้มีกล้องหน้า 2 ตัวค่ะ

ส่วน iPad Pro นั้นมีกล้องหน้ามุมกว้างมากตัวเดียว ถ่ายวิดีโอได้ Full HD ถ้าถ่ายกว้างเต็มที่จะได้มุมภาพแบบนี้

ส่วนถ้ากดครอปเฟรมภาพก็จะได้มุมภาพแบบนี้ค่ะ แต่ไม่สามารถสลับ 2 มุมได้ระหว่างถ่ายนะคะ ส่วนถ้าเอาไปใช้กับแอปประชุมออนไลน์จะสามารถใช้ความสามารถ Center Stage เพื่อให้กล้องแทร็กตามใบหน้าผู้ใช้ได้

ซึ่งภาพ Selfie จากแท็บเล็ตทั้ง 2 รุ่นเป็นแบบนี้ค่ะ ส่วนภาพมุมกว้างมากจะเป็นแบบนี้ เปรียบเทียบกันได้เลย
ภาพและวิดีโอจากแท็บเล็ตทั้ง 2 รุ่นถือว่าทำได้ดีทั้งคู่นะคะ ก็จะให้โทนภาพต่างกันเล็กน้อย

ในข้อนี้เราจึงเปิดให้คุณผู้ชมตัดสินใจเลยว่ากล้องของรุ่นไหนดีกว่ากัน

การอ่าน eBook

ยกต่อมา การอ่าน eBook ค่ะ เพราะคนจำนวนไม่น้อยเลยที่ซื้อแท็บเล็ตไปอ่านหนังสือ โดยเราจะใช้แอป MEB ในการอ่าน eBook นะคะ

ถ้าอ่านหนังสือแบบหน้าเดียวในแนวตั้ง Samsung Galaxy Tab S8 Ultra จะให้ขนาดหน้าได้ใหญ่กว่าค่ะ เพราะมีจอที่ยาวกว่า เต็มตาสุดๆ กันไปเลย แล้วถ้าอ่านหนังสือในรูปแบบ ePub ที่เปลี่ยนขนาดตัวอักษรได้ก็สามารถแสดงเนื้อหาได้เยอะมากในหน้าเดียวค่ะ

แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นการใช้งานแนวนอนเพื่ออ่านหนังสือแบบหน้าคู่ กลายเป็นว่า iPad Pro จะให้ขนาดที่เหมาะสมกว่า เพราะพื้นที่ซ้าย-ขวาเหลือน้อยกว่า และแอป MEB ใน iPad ให้ภาพได้สุดขอบบน-ล่าง สำหรับการใช้แนวนอน ทำให้เปิดหน้าคู่แล้วได้หน้าหนังสือที่ใหญ่กว่าฝั่ง Galaxy Tab S8 Ultra

สรุปแล้วการอ่าน eBook ก็เป็นฝั่ง iPad Pro M1 ที่ชนะไป เพราะสัดส่วนจอเหมาะสมกับการอ่านมากกว่า

โดยน้ำหนักของ Galaxy Tab S8 Ultra นั้นอยู่ที่ 728 กรัม ส่วน iPad Pro M1 12.9 นิ้ว อยู่ที่ 685 กรัม ถ้าใครต้องการแท็บเล็ตจอเล็กกว่านี้อีกนิด เพื่อให้น้ำหนักลดลง จะได้อ่านหนังสือได้นานขึ้น ก็มี Galaxy Tab S8 รุ่นน้อง หรือ iPad Pro 11 นิ้วให้เลือกใช้ได้นะคะ

ประสิทธิภาพและการเล่นเกม

ยกสุดท้ายเรื่องประสิทธิภาพและการเล่นเกมค่ะ เริ่มจาก Samsung Galaxy Tab S8 Ultra ใช้ CPU Snapdragon 8 Gen 1 ตัวท็อปของแอนดรอยด์ พร้อมแรม 8 GB พื้นที่ 128 GB

ส่วน iPad Pro 12.9 นิ้วใช้ชิป Apple M1 พร้อมแรม 8 GB และพื้นที่ในเครื่อง 128 GB ค่ะ
ซึ่งผลการทดสอบจาก Geekbench 5 Galaxy Tab S8 Ultra ทำคะแนน Multicore ไปได้ 3113 คะแนน ส่วน iPad Pro M1 ทำคะแนนไปได้ 7292 คะแนน หรือ iPad Pro มีประสิทธิภาพมากกว่า Galaxy Tab S8 Ultra กว่าเท่าตัวค่ะ

ส่วนการทดสอบ 3Dmark ชุด Wild Life Stress Test ทดสอบ GPU หนัก 20 รอบนาน 20 นาที Galaxy Tab S8 Ultra ทำคะแนนสูงสุดได้ 7794 คะแนน และคะแนนต่ำสุดที่ 5014 ส่วน iPad Pro ทำได้สูงสุดที่ 18287 คะแนน และต่ำสุดที่ 10792 คะแนน ก็สรุปได้ว่า GPU ของ iPad มีประสิทธิภาพมากกว่า Snapdragon อยู่เกินเท่าตัวค่ะ

และการทดสอบเล่นเกม Genshin Impact ที่ปรับระดับกราฟิกไปสูงสุด ก็พบว่า iPad สามารถเล่นได้ลื่นไหลกว่า สามารถดันเฟรมเรตขึ้นไปได้ถึง 120 fps ส่วน Galaxy Tab S8 Ultra จะเลือกเฟรมเรตได้สูงสุด 60 fps และการเล่นจะไม่ลื่นไหลเท่าค่ะ

ประสิทธิภาพ

ยกสุดท้าย เรื่องประสิทธิภาพ จึงสรุปได้ชัดเจนว่า iPad Pro มีประสิทธิภาพเหนือกว่า Samsung Galaxy Tab S8 Ultra ค่ะ

สรุป

สรุปจาก Beartai Battle ครั้งนี้ Samsung Galaxy Tab S8 Ultra ชนะไป 2 ยกในเรื่องการดูหนัง-ฟังเพลง และเรื่องของปากกานะคะ

ส่วน iPad Pro M1 12.9 นิ้วก็ชนะไป 2 ยกเช่นกัน ในเรื่องการอ่าน eBook และประสิทธิภาพเครื่องค่ะ

และสิ่งที่ทั้ง 2 รุ่นทำได้ดีพอ ๆ กันคือการทำงานนะคะ ที่รองรับงานแบบ Multitask ได้ทีทั้งคู่ ต่อคีย์บอร์ดภายนอกก็ใช้งานได้ดีเช่นกัน

ส่วนเรื่องกล้อง นี่จะเป็นคะแนนที่ 3 ที่ให้คุณผู้ชมตัดสินใจว่าสุดท้ายแล้ว Samsung Galaxy Tab S8 Ultra หรือ iPad Pro ใครจะเหนือกว่ากันในสายตาของคุณค่ะ