OPPO บอกว่า OPPO Find X5 Pro 5G ถ่ายวิดีโอในที่แสงน้อยได้ดีแม้ถ่ายในระดับ 4K และนี่คือวิดีโอ 4K จากสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ครับ แสงน้อยแบบนี้ วิดีโอ 4K ก็ยังออกมาดูดี เห็นสีสันในภาพได้ชัดเจนอยู่ นี่คือ 4K Ultra Night Video

คลิปที่แล้วผมแกะกล่อง Unbox OPPO Find X5 Pro 5G ตัวนี้ให้ดูไปคร่าว ๆ แล้ว ก็เห็นดีไซน์และการร่วมงานกับ Hasselblad แบรนด์กล้อง Medium Format ชื่อดังจากสวีเดนชัดเจนและผมยังมีข้อสังเกตจะลงรายละเอียดชัดๆ ในคลิปรีวิวคลิปนี้ครับ

กล้อง

เริ่มจากจุดเด่นที่สุดของสมาร์ตโฟนรุ่นนี้อย่างกล้องกันก่อนครับ สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือชิป NPU (Neural Processing Unit) ตัวใหม่ที่ OPPO พัฒนาเองอย่าง MariSilicon X ครับ เขียนไว้เด่น ๆ ตรงกลางระหว่าง 3 กล้องนี้เลยว่า Powered by MariSilicon

ซึ่งชิปตัวนี้จะเข้ามาช่วย Snapdragon ในการประมวลผลการถ่ายภาพและวิดีโอครับ ในเชิงภาพนิ่งคือทำให้สามารถดึงข้อมูลมหาศาลระดับ 20-bit จากเซนเซอร์มาประมวลผลได้ออกเป็นภาพที่สวยกว่าเดิม จากเดิมที่ประมวลผลจากข้อมูลแค่ 18-bit เพราะ CPU ทำงานไม่ทัน ส่วนในเชิงวิดีโอคือทำให้ถ่ายวิดีโอ 4K Ultra Night Video ได้ เพราะ AI ประมวลผลวิดีโอแสงน้อยแบบ 4K ทันแล้ว จากเดิมที่ทำได้แค่ Full HD ครับ

สามารถวิดีโอในที่แสงน้อยแบบ 4K 30 fps ที่เปิดโหมด AI Highlight Video เพื่อให้ AI ร่วมประมวลผลในที่แสงน้อย จะเห็นว่าเก็บรายละเอียดภาพและสีสันออกมาได้ดีเลย ซึ่งการถ่ายวิดีโอในที่แสงน้อยมาก ๆ ด้วยเลนส์หลักนี้ ถ่ายได้ดีใกล้เคียงกับ iPhone 13 Pro

แต่ถ้าเทียบการถ่ายวิดีโอกลางคืนด้วยเลนส์มุมกว้างมากก็จะเห็นได้ชัดกว่า OPPO Find X5 Pro 5G สู้ความมืดได้ดีกว่า iPhone 13 Pro เพราะมีชิป MariSilicon X ช่วยประมวลผลวิดีโอในที่แสงน้อยออกมาได้สว่างกว่า เอาไปใช้งานจริงได้ง่ายกว่า

การถ่ายวิดีโอ

ส่วนการถ่ายวิดีโอในช่วงกลางวันก็ทำออกมาได้เนี๊ยบแบบนี้ครับ ระบบป้องกันภาพสั่นไหว 5 แกนก็ทำให้การเคลื่อนไหวออกมานุ่มนวลแม้จะเป็นการเดินถ่าย แต่การถ่ายด้วยความละเอียด 4K 60 fps จะไม่สามารถเปลี่ยนเลนส์ไปมาระหว่างถ่ายได้นะครับ

  • ผลงานภาพวิดีโอสวยๆ มาจากชุดเลนส์ 3 ตัวนี้ครับ
  • เลนส์ใหญ่ตัวบนคือมุมกว้างมาก 0.6 เท่า f/2.2
  • เลนส์ใหญ่ตัวล่างคือเลนส์หลัก f/1.7 พร้อมกันสั่น SLR-Level 5-Axis Image Stabilization

2 เลนส์นี้ใช้เซนเซอร์เกรดท็อป Sony IMX766 ทั้งคู่ เลยให้ความละเอียดสูงสุด 50 ล้านพิกเซลเหมือนกัน ส่วนเลนส์ที่ 3 ตัวเล็กคือซูม 2 เท่า f/2.4 ซูม Hybrid 5 เท่า และซูมสูงสุด 20 เท่า และจุดขาวๆ ตรงนี้คือเซนเซอร์เทียบสี ให้ถ่ายภาพออกมาแล้วสีสันถูกต้องที่สุด

ถ้าคุณคาดหวังว่าสมาร์ตโฟนเรือธงต้องถ่ายรูปได้สวย ผมว่าคุณจะไม่ผิดหวังจาก OPPO Find X5 Pro 5G รุ่นนี้ครับ ด้วยเซนเซอร์รับแสงขนาดใหญ่ ทำให้ภาพมีการละลายฉากหลังเป็นธรรมชาติ แถมเมื่อเอากล้องเข้าไปใกล้วัตถุ ยังมีการสลับเข้าโหมดมาโครอัตโนมัติที่ใช้ภาพจากเลนส์มุมกว้างให้เองด้วย แต่เราก็ยังคิดถึงเลนส์มาโครพร้อม Ring Flash สุดเจ๋งจาก Find X3 Pro 5G อยู่นะ

เราถ่ายภาพเทียบกับ iPhone 13 Pro มาให้ดูครับ จะเห็นว่าในซีนเดียวกัน ถ่ายเวลาเดียวกัน สีสันของภาพถ่ายจาก OPPO Find X5 Pro 5G จะตรงกับความจริงมากกว่าภาพถ่ายจากไอโฟน เช่นภาพถ่ายตุ๊กตาคริสตัลที่ติดหน้าจอคอมมาด้วย จะเห็นว่าหน้าจอคอมจากภาพของ iPhone จะติดสีม่วงแดงมาด้วย หรือภาพถ่ายจอพิกเซล จะเห็นว่าพื้นโต๊ะไม้ของ iPhone อมฟ้า ซึ่งสีพื้นโต๊ะจริงๆ จะต้องเป็นอย่างภาพจาก Find X5 Pro ครับ

ส่วนภาพถ่ายบุคคลสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ก็ทำออกมาได้ดีเลย โบเก้ด้านหลังมีการปรับแต่งให้ให้เป็นจานสวยงาม ซึ่งการตัดขอบบุคคลกับฉากหลังก็ทำออกมาได้ดี สีผิวก็ถ่ายทอดออกมาได้ดี การถ่าย Portrait ในที่แสงน้อยก็ออกมาดี น่าจะเป็นกล้องที่สาวๆ ชอบได้เลย ถ่ายน้องเอิร์นก็สวย

ซึ่ง OPPO ก็มีการร่วมงานผู้เชี่ยวชาญที่ได้รางวัลจาก Hasselblad เพื่อพัฒนาฟิลเตอร์สีภาพในกลุ่ม Master Filter อีก 3 ตัวคือ Radiance ที่ทำให้ภาพดูสว่าง, Serenity สำหรับถ่ายบุคคล และ Emerald สำหรับถ่ายวิวหรือป่า ซึ่งให้โทนสีภาพแตกต่างกันอย่างที่เห็นนี้

ภาพถ่ายกลางคืนก็ออกมาเนี๊ยบ คือกล้องไม่ได้ปรับภาพให้สว่างจนดูเป็นกลางวัน แต่รายละเอียดในภาพก็ออกมาดี ไม่ว่าจะเป็นโทนมืดหรือโทนสว่างก็ยังเห็นดีเทลและสีสันที่ดีครับ ชิป MariSilicon X นี่เฉียบจริง

ผมอยากโชว์อะไรบางอย่างให้เห็นว่า OIS ระบบกันสั่นแบบ 5 แกนของ OPPO Find X5 Pro 5G มันชดเชยการสั่นไหวได้เยอะขนาดไหน ผมถือกล้องถ่ายวัตถุให้ดูนะครับ จะเห็นว่าแม้ผมจะพยายามสั่นมือแต่ภาพในจอยังค่อนข้างนิ่งเลย เพราะกล้องมีการชดเชยการเคลื่อนไหวให้ภาพออกมานิ่งที่สุด ทำให้ลดปัญหาถ่ายแล้วภาพเบลอไปได้เยอะครับ

ซึ่งจะเห็นว่าหน้าตาแอปกล้องมีปุ่มชัตเตอร์เป็นสีส้มสีเอกลักษณ์ของ Hasselblad และเสียงชัตเตอร์กล้องก็เป็นเสียงจากแบรนด์กล้องสวีเดนนะครับ

นอกจากนี้ยังมีโหมด XPAN ที่ถ่ายภาพพาโนราม่าในแชะเดียวเหมือนกล้องฟิล์ม Hasselblad XPAN มีเอฟเฟกเวลาถ่ายที่แสดงภาพเนกาทีฟสู่ภาพโพสิทีฟ ซึ่งภาพที่ออกมาก็จะยาวแบบนี้ครับ สัดส่วน 65:24 เลย

กล้องหน้า

ส่วนกล้องหน้านั้นมีความละเอียด 32 ล้านพิกเซล IMX706 f/2.4 ครับ ถ่ายภาพ Selfies ถ่ายสวยงามแบบนี้ โหมดแต่งหน้าสวยก็ยังให้ผลงานที่ดี ตัดขอบบุคคลเพื่อละลายฉากหลังได้เนียนตาเช่นเคย

ดีไซน์

เรื่องต่อไปที่ต้องพูดถึงคือดีไซน์ตัวเครื่องครับ ถ้าใครดูคลิปพรีวิวแกะกล่องของเราไป เราประกาศว่าจะทดสอบโดยการใช้งานจริงนานนับสัปดาห์แบบไม่ใส่เคส เอาเครื่องใส่กระเป๋ากางเกงทุกวัน เพราะ OPPO บอกว่าฝาหลังของ Find X5 Pro 5G ทำจากเซรามิกนี้มีขึ้นตอนการทำกว่า 45 ขั้นตอน เข้าเตาเผาอุณหภูมิสูงกว่า 1000 องศาเซลเซียส ให้ได้พื้นผิวที่แข็งแรงกว่ากระจก สรุปคือใช้เวลาทำ 168 ชั่วโมง หรือหารออกมาคือ 7 วันในการทำฝาหลังแต่จะชุดออกมา

ซึ่งผลออกมาคือฝาหลังสีดำ Glaze Black (เกลซแบล็ก) นี้ไม่มีแม้แต่รอยขนแมวครับ มีแต่รอยนิ้วมืออย่างเดียวเพราะเป็นฝาหลังมันเงา ซึ่งจับถือใช้ตลอดสัปดาห์ก็ทำได้ทะมัดทะแมง กระชับมือดี เพราะเราจะจับบริเวณเรียบๆ นี้ ไม่ได้ไปโดนส่วนกล้องที่ตรงนูน ๆ นี้มีการเอียงหลบมือแบบ 75 องศาครับ

โดย OPPO Find X5 Pro 5G จะมี 2 สีให้เลือกคือสีดำ Glaze Black (เกลซแบล็ก) ที่เราถืออยู่นี้ และสีขาว Ceramic White ที่สวยสะอาดตา พร้อมป้องกันน้ำในระดับ IP68 ที่ตกน้ำก็ไม่เป็นไร แต่ผมต้องย้ำทุกรอบว่ามาตรฐานกันน้ำแบบนี้มีไว้เพื่อป้องกันอุบัติเหตุนะครับ ถ้าเครื่องพังเพราะน้ำมาจริง ๆ ก็อยู่นอกเงื่อนไขการรับประกัน

หน้าจอ

สมาร์ตโฟนรุ่นนี้มีหน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว เป็นกระจก Gorilla Glass Victus ที่ทนทานมากขึ้น มีโอกาสแตกและเป็นรอยน้อยกว่ารุ่นเดิม พร้อมรองรับสีพันล้านเฉดสี ความละเอียด WQHD+ (3216 x 1440 pixel) พร้อมเป็นจอนุ่ม 120 Hz ซึ่งปรับลด Refresh Rate ได้อัตโนมัติตามการใช้งานครับ ซึ่งก็เป็นหน้าจอที่ให้ภาพเต็มตา ให้สีสันได้สวยงาม รองรับ HDR ทั้งของ Youtube และ Netflix

ซึ่งสำหรับ Youtube นั้นยังใช้ฟังก์ชันการปรับแต่งภาพ O1 Ultra Vision Engine เพื่อทำให้วิดีโอความละเอียดต่ำคมชัดขึ้นมา และทำให้สีสันของวิดีโอสดใสขึ้นได้ด้วย

ส่วนการปลดล็อกเครื่องก็สามารถสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ หรือสแกนใบหน้าก็ได้ครับ

รอบ ๆ เครื่องนั้นไม่มีอะไรพิสดารนะครับ มีลำโพง 2 ตัวแบบสเตอริโอ ให้เสียงได้ดังมีมิติเลย และแน่นอนว่าไม่มีพอร์ตหูฟังตามสไตล์มือถือเรือธง ซึ่งปัจจุบันเราคงใช้หูฟังไร้สายกันมากกว่า อย่าง OPPO Enco X2 ตัวนี้ที่เปิดตัวมาพร้อมกัน ซึ่งร่วมพัฒนาโดย Dynaudio จากเดนมาร์กเช่นเดิมเหมือนรุ่นแรก

OPPO Enco X2

ผมรีวิวหูฟังตัวนี้สั้น ๆ ว่าให้เสียงหนักแน่น เบสกระชับแต่โปร่งกว้างแบบเดียวกับรุ่นแรก พร้อมปรับปรุงให้ดีขึ้น แถมมีตัวเลือกเสียงที่จูนมาโดย Dynaudio 3 แบบให้เลือกด้วย ระบบตัดเสียงรบกวนก็ดี ปรับระดับการตัดเสียงได้อัตโนมัติ และที่ผมชอบมากคือรองรับเทคโนโลยี Multi Point ทำให้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้ 2 ตัวพร้อมกัน เช่นเชื่อมต่อมือถือกับโน้ตบุ๊กได้ ประชุมซูมในโน้ตบุ๊ก แล้วคุยสายในโทรศัพท์ได้เลยโดยไม่ต้องเชื่อมต่อใหม่ครับ

ซึ่ง OPPO Enco X2 นี้เปิดตัวมาด้วยราคา 5,999 บาท ต้องไปลองฟังดูครับว่าจะถูกจริตกับหูคุณหรือไม่
กลับมาที่โทรศัพท์ครับ ก็มีถาดซิมแบบ 2 ซิม รองรับ 5G ทั้ง 2 ช่อง แต่ไม่รองรับการใส่ microSD เพิ่มนะครับ

และแน่นอนว่าต้องใช้ USB-C สำหรับเชื่อมต่อและชาร์จไฟ ซึ่ง OPPO เคลมว่าหัวชาร์จ 80W SUPERVOOC ที่ให้มาสามารถชาร์จแบต 5000 mAh ได้ 50% ใน 12 นาทีเท่านั้นเอง

แถมยังรองรับการชาร์จไร้สายด้วย ซึ่งถ้าใช้แท่นชาร์จเร็วอย่าง 50W AIRVOOC ออปโป้เคลมว่าชาร์จเต็ม 100% แบบไร้สายใน 47 นาทีเท่านั้นเอง

ส่วนอายุแบตเตอรี่จากการใช้งานจริงในแต่ละวัน ก็สามารถใช้จบวันได้แบบพอดี ๆ ครับ ไม่ใช่เป็นสมาร์ตโฟนที่แบตอึดมากนัก ถ้าเอาไปเล่นเกม หรือใช้งานหนักๆ แบตเตอรี่อาจอยู่ไม่จบวันได้

สเปก

มาถึงประสิทธิภาพของ OPPO Find X5 Pro 5G นี้ใช้ชิปตัวท็อปของโลก Android คือ Snapdragon 8 Gen 1 พร้อมแรม 12 GB ที่ขยายด้วยฟีเจอร์ RAM expansion ได้สูงสุด 7 GB รวม 19 GB และมาพร้อมความจุ 256 GB

ซึ่งผลการทดสอบประสิทธิภาพ CPU จาก Geekbench 5 ก็ได้คะแนน Multicore ไป 3203 คะแนน ซึ่งเป็นคะแนนที่ไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับกลุ่ม Snapdragon 8 Gen 1 ด้วยกัน

ส่วนการทดสอบกับ 3Dmark ชุด Wildlife Stress Test เทสต์ 20 รอบ 20 นาที ก็ได้คะแนนสูงสุดถึง 9555 คะแนน ก่อนที่จะลดลงเหลือราว 6000 ในรอบการทดสอบที่ 4 แล้วทำคะแนนประมาณนี้จนจบการทดสอบ ซึ่งหลังการทดสอบ ฝาหลังเครื่องก็อุ่นขึ้นมาแบบรู้สึกได้

และการทดสอบจริงกับเกม Genshin Impact ที่ปรับกราฟิกในระดับสูงสุดพร้อมเปิด 60 fps ก็เล่นได้ลื่นไหลดีมากครับ เราทดลองเล่นประมาณ 30 นาที เกมก็ยังลื่นไหลอยู่ ไม่รู้สึกว่ามีเฟรมดรอปเลยครับ

OPPO Find X5 Pro 5G นั้นใช้ Color 12.1 บนพื้นฐานของ Android 12 นะครับ ซึ่งก็มีความสามารถใหม่ๆ หลายอย่าง เช่นจุดสีแสดงการใช้งานกล้องหรือไมโครโฟน หรือแอปอย่าง O Relax เวอร์ชันใหม่ที่มีเสียงผ่อนคลายมากมายให้ฟัง หรือไปสำรวจเสียงและความผ่อนคลายใหม่ ๆ ในโลกต่างดาวก็ได้

และฟังก์ชัน Multi-Screen Connect ที่ใช้เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ Windows เพื่อเอาหน้าจอมือถือขึ้นไปใช้บนคอม แล้วใช้เมาส์หรือคีย์บอร์ดบังคับได้เลย โดยต้องโหลดโปรแกรมจาก Connect.oppo.com มาลง แล้วเปิดตัวเลือก Multi-Screen Connect ใน Settings เพื่อใช้งานครับ

จุดสังเกต

ส่วนจุดสังเกตของ OPPO Find X5 Pro 5G ของเรานั้นอยู่ที่เลนส์ซูม 2 เท่าครับ แม้ว่าจะมี Hybrid Zoom ได้ถึง 5 เท่า ที้ให้คุณภาพภาพใช้ได้อยู่ แต่อย่างน้อยเราก็อยากให้มีเลนส์ซูมแท้ๆ สัก 3 เท่าติดมานะครับ

อีกเรื่องคือการสั่นครับ สมาร์ตโฟนเครื่องนี้สั่นแบบแนวนอน สั่นระนาบเดียวกับแผ่นเครื่อง เพราะฉะนั้นถ้าเราวางเครื่องอยู่บนโต๊ะจะไม่ได้ยินเสียงสั่นเลย แม้เวลาคนโทรเข้าที่สั่นแรง ๆ ก็ไม่ได้ยินเสียง ถ้าไม่อยากพลาดรับสายก็อย่าลืมเปิดเสียง หรือพกโทรศัพท์ติดตัวไว้เสมอนะครับ

ราคา

OPPO Find X5 Pro 5G เปิดตัวด้วยราคา 39,990 บาทนะครับ ซึ่งก็ได้แรม 12 GB พร้อมความจุในตัวเครื่อง 256 GB ใครสนใจเรือธงที่ดีที่สุดของ OPPO ในตอนนี้ ถ่ายภาพสวย ถ่ายวิดีโอ 4K Ultra Night Video ยามค่ำคืนได้สวย ๆ พร้อมการอัปเกรดการถ่ายภาพและวิดีโอ ทั้งคุณภาพและโทนสีที่ร่วมกับ Hassleblad เครื่องใช้งานลื่นไหล ก็ไปจัดกันได้เลยครับ