หลังจากที่เราได้รีวิว Lenovo Legion 5 รหัส 82NW0030TA ที่เป็นแพ็คคู่ความแรงซีพียู + การ์ดจอค่ายแดง AMD ครั้งนี้ถึงคราวของ Lenovo Legion 5i (ย่อมาจากทาง Intel) โน้ตบุ้กที่พลังช้างสารเกิดขึ้นจากการสมานฉันท์กันระหว่างซีพียู Intel i7 Gen 12 และการ์ดจอ RTX 3060 แรงจริงไหม!? ดุดันขนาดไหน!? ผมหนุ่ย พงศ์สุข แบไต๋ให้ได้รู้กันครับ!

ดีไซน์

เปิดกันด้วยดีไซน์ของ Lenovo Legion 5i รุ่นรหัส 15IAH7H เลยละกันครับ แนวคิดของการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกจะเน้นไปที่ความเรียบหรูดูเท่ฝาหลังไม่มีผิวสัมผัสหรือดีไซน์ใด ๆ ที่นูนปูดขึ้นมาเรียกร้องความสนใจนอกจากคำว่า Legion ที่มุมซ้ายบนและโลโก้ Lenovo ที่ขวาล่าง ซึ่งพอบวกกับสีเครื่องที่เราได้มารีวิวในชื่อ Storm Gray ก็ยิ่งขับความเท่แบบขรึม ๆ ขึ้นมาอีกสเตป

อันนี้ผมได้รับทราบแนวคิดของทาง Lenovo มาว่าเขารับฟังความคิดเห็นของผู้ใช้งานที่เป็นเกมเมอร์ว่าพวกเขาก็คือคนที่ทำงานเหมือนกันกับเรา ๆ นี่แหละ แค่เวลาว่างชอบเล่นเกม เครื่องที่ใช้เลยไม่จำเป็นต้องตะโกนให้ใครรู้ว่าเป็นเกมเมอร์แกดเจต จะใช้เข้าประชุมพรีเซนต์งานก็ยังดูน่าเชื่อถือ

ทางฝาเครื่องยังใช้วัสดุเป็นโลหะผสมระหว่างแมกนีเซียมและอลูมิเนียมแข็งแรงสมบุกสมบัญทนไม้ทนมือ ในขณะที่บานพับของฝาจะแยกออกมาจากตัวเครื่องไม่ได้เป็นแบบข้อต่อ เสริมความรู้สึกทนทานอีกทอดหนึ่ง อีกทั้งหน้าจอยังสามารถพับได้ 180 องศา ซึ่งจริง ๆ มีประโยชน์ในหลายกรณี แต่ตัวอย่างที่ชัดสุดก็น่าจะเอาไว้สำหรับใครต้องการความ Erogonomic พับจอให้ตั้งฉากแล้วเสียบคีย์บอร์ดแยกออกมา

ได้เวลาชั่งน้ำหนักครับ ในรุ่นรหัสนี้ Official ระบุไว้ว่าตัวเครื่องเปล่าจะมีน้ำหนักอยู่ที่ 2.45 กิโลกรัม และเมื่อบวกกับอแดปเตอร์ก็จะได้ราว ๆ 3.4 ถ้าวัดจากการเป็นโน้ตบุ้กเกมมิ่งก็ถือว่ามีน้ำหนักที่เป็นมิตรครับ

ส่วนบริเวณคีย์บอร์ดก็เป็นแบบ Full Sized หรือมีปุ่มครบทุกปุ่ม Numpad ก็มีมาให้ด้วยนะ ซึ่งก็ต้องบอกว่าฟีลลิงการพิมพ์สนุกเต็มไม้เต็มมือนิ้วไม่ตกร่อง แต่จุดที่ผมชอบที่สุดคือปุ่มลูกศรที่ขนาดเต็มเท่ากับปุ่มอื่น ๆ สังเกตได้จากการที่โซนคีย์บอร์ดถูกขยายเพิ่มขึ้นมาเต็มไซซ์ของปุ่มลูกศร แม้ WASD จะเป็นปุ่มบังคับ Default ในเกมส่วนใหญ่ไปแล้ว แต่การให้ปุ่มลูกศรมาขนาดนี้ก็รับรู่ได้ถึงความใส่ใจ ฉะนั้นเอาใจเกมเมอร์ขึ้นขึ้นลงลงซ้ายขวาซ้ายขวาแบบผมไปเลย ส่วนทางลูกเล่น RGB ก็ไม่ต้องเสียเวลาไปปรับแสงสีผ่านซอฟต์แวร์ของเครื่อง กด Fn + Spacebar เพื่อเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลพื้นฐานได้เลย

บริเวณท้ายตัวเครื่องก็จะเป็นช่องรับลมเย็นเข้าเพื่อระบายความร้อน จะรับลมเข้าทั้งจากด้านล่างและหลัง ซึ่ง Lenovo Legion 5i รุ่นรหัส 15IAH7H มาพร้อมกับเทคโนโลยี Coldfront 4.0 ซึ่งจะช่วยให้เล่นเกมได้ยาวนานมากขึ้นได้โดยไม่ร้อนมากด้วยครับ

และนี่คือการทดสอบเว็บแคมความละเอียด 1080p และไมโครโฟนบิวอินท์ครับ ก็จะได้ประมาณนี้เลย
ทางด้านพอร์ตต้องบอกว่าให้มาจุก ๆ ทั้งจำนวนและฟังก์ชัน! ไล่จากฝั่งขวาของเครื่องเลยก็จะมี USB-A 3.2 Gen 1, E-Camera Shutter ปุ่มสวิทช์ปิดการทำงานของเว็บแคมซึ่งอันนี้ข้อชมว่าเข้าใจคิดดี (เพราะปกติฟังก์ชันการปิดเว็บแคมที่หากโน้ตบุ้กมีมาให้ ก็จะเป็นการให้เราเลื่อนบานไปปิดเองแบบแมนนวล) และแจ็ค 3.5 มิลลิเมตร

ทางฝั่งซ้ายจะมี USB-C Gen 3.2, USB-C แบบ Thunderbolt 4 รองรับการชาร์จไฟผ่านพอร์ตนี้

ด้านหลังเครื่องช่องแรกกับ พาวเวอร์อะแดปเตอร์ 300 วัตต์, USB-A 3.2 Gen 1 พร้อมความสามารถ Always On เปลี่ยนให้โน้ตบุ้กที่อยู่ในสถานะปิดเครื่องอยู่กลายเป็นพาวเวอร์แบงก์ผ่านการชาร์จพอร์ตนี้, USB-A 3.2 Gen 1 มาอีกพอร์ต, HDMI รับภาพได้สูงสุด 8K/60Hz, USB-C 3.2 Gen 2 อีก 1 พอร์ตแบบ Power Delivery ส่งกำลังไฟให้อุปกรณ์ชิ้นอื่นได้สูงสุด 135 วัตต์ และปิดท้ายกับนาตาลีพอร์ต “แลน” RJ-45 ส่วนช่องอ่าน SD Card ไม่มีมาให้

Lenovo Legion 5i รุ่นรหัส 15IAH7H มีขนาดหน้าจอที่ 15.6 นิ้ว ความละเอียดภาพอยู่ที่ 1920 x 1080 พาแนล IPS รีเฟรชเรต 165Hz รวมถึงยังมี Dolby Vision และ Dolby Atmos ที่ทำให้ได้อรรถรสด้านภาพและเสียงเวลาดูหนังฟังเพลงมากยิ่งขึ้น

สเปก

มาว่ากันที่เรื่องของสเปกกันบ้างดีกว่า! ในรุ่นที่เรารีวิวใช้โปรเซสเซอร์เป็น Intel Core i7- 12700H ซึ่งจุดเด่นของซีพียูในเจเนอเรชันนี้คือการมีคอร์ประมวลผลเป็นสองแบบคือ Performance Core ที่ไว้รองรับการเล่นเกมหนัก ๆ และ Efficient Core สำหรับการใช้งานเบา ๆ อย่างการเปิดเว็บ หรือสตรีมเกม โดยรวมจะมีทั้งหมด 12 Core 20 Theard (6 P-Core + 8 E-Core)

และแน่นอนว่าพอเป็นเจน 12 บนสถาปัตใหม่ Lenovo เลยเป็นโน้ตบุ้กเกมมิ่งเจ้าแรก ๆ ที่ใส่แรม DDR5 16GB มาให้ 2 สลอต ส่วนทางด้านการ์ดจอจะเป็น GeForce® RTX 3060 Ti โดยมีแรมในตัวแบบ GDDR6 ให้มาที่ 6GB พร้อม SSD ความจุ 512GB M.2 NVMe™ PCIe 4.0

ทดสอบประสิทธิภาพผ่าน 3D Mark โหมด Time Spy ทำคะแนนไปได้ถึง 9,383 คะแนน ถัดมากับ Cinebench R23 ทำคะแนนภาพรวม CPU แบบมัลติคอร์ไปได้ที่ 16,857 คะแนนบน Geekbench 5 คะแนนทดสอบ Compute หรือการวัดพลังการ์ดจอก็ทำไปได้ที่ 101,945 คะแนน และปิดท้ายกับความเร็วอ่านเขียนของ SSD ที่ทดสอบบน Crystal Diskmark ได้ค่าอ่านอยู่ที่ 6758 เมกาไบต์/วินาที และเขียนอยู่ที่ 4841 เมกาไบต์/วินาที

และแล้วก็ได้เวลาทดสอบเกมกันเสียที! เริ่มกันกับ Horizon Zero Dawn ปรับทุกอย่างแบบอัลตร้าเฟรมเรตที่ได้ตลอดการทดสอบการเล่นนั้นนิ่งและสูงกว่า 60 fps ตลอดการเล่นมีตกลงมาบ้างน้อยครั้งซึ่งก็ไม่รู้สึกหรือขัดจังหวะเกมเพลย์แต่อย่างใด

ถัดมากับ Halo Infinite เช่นเดียวกัน ปรับทุกอย่างแบบอัลตร้าเปิดทุกฟีเจอร์ที่เกมมี โดยเฟรมเรตที่ได้ถ้าเป็นฉากในอาคารจะเกิน 60 fps ตลอด ศัตรูเยอะ หรือมีพาร์ติเคิลเอฟเฟกต์มากขนาดไหน ก็ไม่ตกลงไปน้อยกว่า 60 fps เลย แต่หากเป็นฉากที่ต้องอยู่นอกอาคาร เฟรมเรตในจังหวะแรก ๆ จะหล่นฮวยจนน่าตกใจ ก็ต้องรอให้ตัวเกมโหลดฉากเสร็จก่อนเฟรมถึงจะค่อยกลับมาโอเค ซึ่งก็อาจจะไม่ได้แตะที่ 60 fps ซึ่งหากต้องการเล่นเฟรมที่เสถียรตลอดการเล่น ผมแนะนำให้ปรับตั้งค่ากราฟิกไว้ที่ High ก็เพียงพอแล้วครับ

ปิดท้ายกันกับ Ultimate Epic Battle Simualtor 2 เกมแกง CPU เพราะสามารถ Generate โมเดลตัวละครมาสู้กันได้หลักล้าน ซึ่งเราก็จัดไปตามนั้นครับ ทำการสร้างยูนิต 2 ทัพ ฝั่งแรกเป็นดาราดังผู้เป็นมีมระดับสากลอย่าง ชัค นอร์ริสจำนวน 20 ตัว ส่วนอีกฝั่งคือกองทัพสปาร์ตันผู้เกรียงไกร 1 ล้านตัว! ผลสรุปนั้น i7 gen 12 เอาอยู่ครับ! เฟรมเรตที่เสถียรโดยมากจะอยู่ที่ 40 – 45 fps ซึ่งจะยิ่งน้อยลงเมื่อทำการแพนกล้องไปใกล้โมเดลที่อยู่กันเป็นจำนวนมาก และจะเฟรมจะกลับมาเยอะขึ้นก็ต่อเมื่อแพนกล้องออกมาไกล ๆ สนามรบซึ่งก็จะอยู่ที่ประมาณ 50 fps ขึ้นไป

และแล้วเราก็มาถึงข้อสังเกตที่กองบรรณาธิการแบไต๋จะฝากไว้ให้คุณผู้ชมเสมอ สำหรับ Lenovo Lenovo Legion 5i รุ่นรหัส 15IAH7H ทางเราเสียดายเรื่องของ Storage เริ่มต้นที่ให้มาแค่ SSD 512GB

กับอีกข้อ หากเทียบกับรุ่น Lenovo Legion 5 สองพลัง AMD ที่เราเพิ่งจะรีวิวที่ได้ความละเอียดจออยู่ที่ WQHD (2560×1440) หรือ 2K แต่ในรุ่นนี้กลับได้เพียง FHD 1920 x 1080 เท่านั้น

รีวิวที่ดีต้องมีราคา!

สำหรับ Lenovo Legion 5i ในรุ่นรหัส 15IAH7H สนนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ “56,990 บาท” ราคานี้นอกจากจะตอบโจทย์เกมเมอร์ทั้งความแรงและภาพลักษณ์ ก็ยังได้ประกัน แพ็กเกจ Legion Ultimate Support 4 ปี ประกอบไปด้วย

  • บริการซ่อมแบบ onsite
  • บริการ Call Center ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน โดยช่างเทคนิคผู้ชำนาญ พร้อมให้การสนับสนุน และให้คำปรึกษาในการปรับแต่งเครื่องเพื่อการเล่นเกมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ยังมี ประกันอุบัติเหตุ Accidental Damage Protect (ADP) ให้ได้อุ่นใจกันถึง 2 ปี