ปี 2022 นี้ ASUS ก็ได้อัปเดตไลน์อัปโน้ตบุ๊กของตัวเองไว้หลากหลายรุ่นเลยนะครับ รวมถึง ASUS TUF Series โน้ตบุ๊กเกมมิ่งสเปกดี มาพร้อม CPU จากทาง Intel ที่ราคาประหยัด รวมถึงน้ำหนักเบาด้วย ที่อยู่ตรงหน้าผมนี้ก็คือ ASUS TUF Dash F15 ของปี 2022 รหัส FX517ZE ที่มาพร้อมกับขุมพลังซีพียู นั่นเองครับ แล้วปีนี้จะสเปกดีแค่ไหน วันนี้แพนแบไต๋ให้ดูกันครับ

สเปก

ด้วยความที่ ASUS TUF Dash F15 รุ่นนี้เป็นโน้ตบุ๊กสำหรับเล่นเกม เพราะฉะนั้นเรามาเริ่มดูที่สเปกของตัวเครื่องกันก่อนเลย โดยโน้ตบุ๊กเครื่องนี้ใช้ CPU Intel Core™ i7-12650H Gen ใหม่ล่าสุด ที่มีการแบ่ง CPU แบบ P Core หรือ Performance Core อยู่ที่ 6 Core และ E Core หรือ Efficiency Core อยู่ที่ 4 Core ด้วยกันครับ นับว่าเป็นจุดที่น่าสนใจมาก ๆ เพราะเป็นการนำเอาเทคโนโลยีคอร์ประมวลผลแบบไฮบริดมาใช้เป็นครั้งแรก ทำให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนแบบเห็นได้ชัดครับ

นอกจาก CPU แล้ว ก็ยังมีการ์ดจอเป็น RTX™ 3050Ti มีแรมแบบ GDDR6 ขนาด 4GB และยังมี MAX TGP หรืออัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าสูงสุด 75W ด้วย นอกจากนั้นทาง ASUS ยังได้ให้ฟีเจอร์ MUX Switch มา เพื่อให้เราได้ใช้ประสิทธิภาพของการ์ดจออย่างเต็มที่ด้วยนะครับ !

บางคนอาจจะยังสงสัยว่า MUX Switch นั้นคืออะไร MUX Switch นั้นมาจาก คำว่า Multiplexer (ตัวเลือกข้อมูล) เป็นไมโครชิปตัวเล็ก ๆ ที่ฝังอยู่บนเมนบอร์ดของโน้ตบุ๊ก ถ้าเปิด MUX Switch กราฟฟิกจะรันผ่านการ์ดจอแยกอย่างเดียว ทำให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด แต่จะกินแบตมาก แต่ถ้าปิด MUX Swtich ชิปจะเลือกว่าควรใช้งานการ์ดจอออนบอร์ด หรือการ์ดจอแยก งานไหนไม่ใช้งานกราฟิกมาก ก็จะสลับไปใช้การ์ดจอออนบอร์ดแทน ทำให้ประหยัดแบตเตอรี่ แต่ทุกครั้งที่สลับต้องรีสตาร์ตเครื่องด้วยนะครับ

ทีนี้เรามาลองดูผลการทดสอบกันบ้างครับ ถ้าวัดผลด้านการทำงานของ CPU Intel Core i7-12650H ผ่านโปรแกรม Cinebench R23 ทำคะแนนได้ 12,741 คะแนนในการทดสอบ Multi-Core และ 1,758 คะแนนในการทดสอบ Single-Core ซึ่งถ้าเทียบกับ intel Core i7-11370H ใน ASUS TUF Dash F15 ของปีที่แล้วที่ทำได้ 7,134 และ 1,467 คะแนน บอกได้เลยว่ามีความแตกต่างมากจริง ๆ ครับ

ต่อไปคือ Geekbench 5 ทำคะแนนไปได้ 1,759 คะแนนสำหรับ CPU Single-Core และ 8,539 คะแนนสำหรับ CPU Multi-Core ครับ สูงนะครับ เมื่อเทียบกับ ASUS TUF Dash F15 ของปีที่แล้ว ที่ทำคะแนนไปได้ 1,545 และ 5,100 คะแนนใน Multi-Core ตามลำดับ ซึ่งเป็นคะแนนที่เพิ่มขึ้นอย่างมากเลยครับ

ASUS TUF Dash F15 มาพร้อมกับ Ram แบบ DDR5 ขนาด 8GB ที่ปีนี้เราสามารถถอดเปลี่ยนได้แล้วด้วยนะครับ แถมยังใส่เพิ่มได้อีกช่องหนึ่งด้วย ส่วนหน่วยความจำ ก็เป็น SSD แบบ NVMe PCIe Gen 3.0 ขนาด 512GB ของ Intel เช่นกันครับ โดยผลการทดสอบจาก Crystaldiskmark 8 ทำคะแนนอ่านได้สูงสุดที่ 3,030 MB/S และเขียนได้สูงสุดที่ 1,635 MB/S ครับ

ทางด้านหน้าจอ ก็ใช้พาแนลจอเป็น IPS LCD ขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 หรือ Full HD 144Hz มีการแสดงผลสีแบบ 45% NTSC หรือที่ c นั่นเอง

การเล่นเกม

ร่ายผลคะแนนกันเสร็จแล้ว เรามาลองลงสนามเล่นเกมจริงกันดูดีกว่าครับ เริ่มที่ Cyberpunk 2077 โดยเราได้ตั้งค่า Preset เป็น High และได้เฟรมเรตอยู่ที่ 50 FPS นิ่ง ๆ เลย ถือว่าทำได้ค่อนข้างดีเลยครับสำหรับเรตราคานี้

ต่อด้วยเกม Metro Exodus กันบ้างครับ เกมนี้เรียกได้ว่าเป็นอีกเกมที่จะรีดประสิทธิภาพของโน้ตบุ๊กได้ค่อนข้างดีเลยด้วยครับ ฉากด้านบนที่มี Particle ของหิมะนี่ทำให้เครื่องทำงานหนักขึ้นจริง ๆ ซึ่งเราได้ตั้งค่าไว้ที่ High และเปิด DLSS สามารถเล่นได้ที่ 60 – 70 fps เลยครับ แต่ถ้าอยู่ด้านในจะได้เฟรมเรตเยอะกว่านี้อีกนะครับ

และปิดท้ายด้วยเกมที่ใครหลาย ๆ คนน่าจะชอบเล่นกัน กับ GTA V นั่นเอง โดยเราได้ปรับการตั้งค่าเป็นระดับสูงทั้งหมดเลย ซึ่งเกมนี้สามารถเล่นได้ที่ 72 FPS เลย

ทาง ASUS นั้นได้ออกแบบโน้ตบุ๊ก ASUS TUF Dash Series มาเป็นโน้ตบุ๊กเกมมิงที่มีจุดเด่นด้านความเบาของตัวเครื่องด้วยนะครับ โดยน้ำหนักของตัวเครื่องในปีนี้จะอยู่ที่เท่าไหร่ เดี๋ยวเราลองมาชั่งกันเลยครับ

น้ำหนักตัวเครื่องนั้นจะอยู่ที่ 2 กิโลกรัมเท่านั้นครับ ส่วนถ้าชั่งพร้อมกันกับอะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่ 180 W แล้วจะมีน้ำหนักที่ 2.5 กิโลกรัมครับ ซึ่งถือว่าเบากว่าโน้ตบุ๊กเกมมิงไซซ์นี้อยู่พอสมควรเลยครับ

ดีไซน์

ทางด้านดีไซน์ของ ASUS TUF F15 เครื่องนี้จะมีดีไซน์ที่มีความโมเดิร์นมากกว่าปีที่แล้วครับ โดยฝาหลังจอจะเป็นวัสดุอัลลูมิเนียม สีนี้เรียกว่าสี ‘Off Black’ ครับ ซึ่งจะเป็นสีที่ดำเข้ม ที่มีความเรียบหรูกว่าปีที่แล้ว มีโลโก้ TUF ที่จะอยู่ด้านบนขวาของฝาหลังเท่านั้น ไม่อยู่ตรงกลางเหมือนเดิมแล้ว

พอเราเปิดฝาตัวเครื่องมา ก็จะเห็นโลโก้ของ ASUS อยู่ด้านล่างของจอครับ ส่วนด้านบนของจอก็จะมีไมค์โครโฟนคู่ด้านซ้ายและขวา และตรงกลางก็จะเป็นกล้องเว็บแคมนั่นเอง ระหว่างที่โปรแกรมใด ๆ เข้าถึงกล้องของเราอยู่ ก็จะมีไฟสีขาวขึ้นข้าง ๆ กล้องด้วย เพิ่มความปลอดภัยให้เราได้อย่างดีเลย

ภาพจากกล้อง มีคุณภาพอยู่ที่ 720P ครับ จะเห็นได้ว่าเสียงของแพนมีเสียงรบกวนค่อนข้างน้อย เพราะแพนได้เปิดโหมด AI Noise Cancelation เอาไว้ด้วย แถมยังเป็นแบบ Two-Way อีกด้วย ทำให้ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายส่งเสียงหรือรับเสียงก็สามารถตัดเสียงรบกวนได้ในเครื่องเดียวเลย

ถัดลงมาที่คีย์บอร์ดของตัวเครื่องกันบ้างครับ ส่วนคีย์บอร์ดนั้นเป็นแบบ Full Sized มีปุ่มครบทุกปุ่ม พร้อมกับ Numpad นอกจากนั้นยังมีแผง ‘Hotkey’ เหมือนกับในซีรี่ส์ ROG ที่จะให้เรากดเพื่อเพิ่มหรือลดเสียง รวมถึงปิดไมโครโฟนได้ง่าย ๆ รวมถึงยังมีปุ่มให้เรากดเข้าโปรแกรม Armory Crate ได้ในปุ่มเดียวด้วย ด้านล่างเป็น Trackpad ที่ปีนี้ใหญ่ขึ้นจากปีที่แล้วถึง 27% เรียกได้ว่าใหญ่จุใจเลย นอกจากนั้น ASUS TUF F15 ของปีที่แล้วจะมี Texture ที่อยู่บริเวณที่วางมือของเราเวลาพิมพ์ครับ แต่ปีนี้มาแบบเรียบ ๆ เลย ถูกใจสายมินิมอลแน่นอน

ส่วนระบบระบายความร้อนของเครื่องนี้ก็มีช่องระบายอากาศออกถึง 4 ช่อง บริเวณด้านซ้าย – ขวา และด้านหลังของตัวเครื่อง โดยรับอากาศเย็นเข้าจากด้านล่างของตัวเครื่องนี่แหละครับ ส่วนด้านในก็มีฮีตไปป์ถึง 5 เส้นที่ช่วยดึงความร้อนออกจากบนบอร์ดได้ทั้งจาก CPU และ GPU เลย

ต่อด้วยเรื่องของพอร์ตที่ ASUS TUF Dash F15 เครื่องนี้ให้มาบ้างครับ โดยฝั่งซ้ายจะมีพอร์ตชาร์จแบต, พอร์ต LAN, HDMI เวอร์ชัน 2.0b, USB-C แบบ Thunderbolt 4 ซึ่งปกติจะมาพร้อมกับโน้ตบุ๊กที่ใช้ CPU ของ Intel ด้วย, พอร์ต USB-C แบบ USB 3.2 Gen 2 ที่สามารถใช้เป็น Display Port, G-Sync และ Power Delivery 100W ได้อีกด้วย แม้ว่าจะจ่ายไฟไม่มากเท่าแลอแดปเตอร์ปกติ แต่ก็ยังสามารถใช้งาน เล่นเกม และชาร์จแบตได้อยู่ ตรงนี้แพนมองว่าที่ ASUS ให้อะแดปเตอร์มา 180W ก็เพราะเผื่อไว้ให้ใช้งานพลังงานระหว่างชาร์จได้อย่างเต็มที่ครับ, USB-A 3.2 Gen 1 อีกช่อง แล้วก็ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. แบบคอมโบครับ

ส่วนฝั่งขวาของตัวเครื่องจะมีแค่ USB-A 3.2 Gen 1 เพียงแค่ช่องเดียวเท่านั้น ตรงนี้แพนว่าดีนะครับ เพราะว่าเวลาเราใช้งานโน้ตบุ๊กแบบมีเมาส์ ก็จะไม่เกะกะเวลาใช้งานด้วยครับ แต่ก็จะเป็นปัญหาเล็กน้อยสำหรับคนถนัดซ้ายครับ
ส่วนด้านการเชื่อมต่อไร้สายนั้นจะเป็น WiFi 6 ของทาง Intel และ Bluetooth 5.2 ที่รับส่งข้อมูลได้รวดเร็วครับ

ทางด้านซอฟต์แวร์ที่มีมาให้ในเครื่องจะเป็น Windows 11 Home ที่มาพร้อมโปรแกรม Armoury Crate ที่สามารถควบคุมการทำงานของตัวเครื่องได้เยอะมากเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นการปิด-เปิดการทำงานของ MUX Switch ผ่านหน้า System Configuration หรือระบบตรวจเช็กการทำงานของตัวเครื่องในขณะนั้น ทั้ง CPU การ์ดจอ อุณหภูมิ หรือความเร็วของพัดลมด้วยครับ

ข้อสังเกต

รีวิวจากทางแบไต๋ จะให้ข้อสังเกตเอาไว้กับคุณผู้ชมเสมอเลยครับ โน้ตบุ๊ก ASUS TUF Dash F15 เครื่องนี้แม้จะมีความเร็ว แรงด้วย CPU Intel Core i7 Gen 12 แต่ก็ยังมีจุดให้สังเกตอยู่ครับ โดยคีย์บอร์ดรุ่นใหม่ของปีนี้ยังคงไม่มีไฟบอกสถานะการทำงานของ Numlock นะครับ และปุ่มลูกศรที่ปกติใช้เล่นเกมกันมีปุ่มขนาดครึ่งเดียว ทำให้ตอนเล่นเกมจะกดได้ยาก อย่างสุดท้ายคือไฟ Backlit ที่ปีนี้มาในสีขาวอย่างเดียว ไม่สามารถเปลี่ยนได้ ซึ่งมีคนชอบและไม่ชอบต่างกันไปครับ

อีกเรื่องก็คือ SSD ที่มีขนาดเพียงแค่ 512 GB เท่านั้น สำหรับสายเกมที่เกมเดี๋ยวนี้ขนาดจะปาไป 100GB ต่อเกมเข้าไปแล้ว บอกได้เลยว่ายังไม่พอนะครับ ยังดีที่เราสามารถเพิ่ม SSD แบบ M.2 nVME Gen 4.0 ไดีอีก 1 ช่องนะครับ และก็แรม น่าเสียดายที่ทาง ASUS ให้มาแค่ 8GB เท่านั้น ถ้าเริ่มต้นที่ 16GB เลยจะดีกว่านี้มากครับ

รีวิวที่ดี ก็ต้องมีราคา

สำหรับ ASUS TUF Dash F15 รหัส FX517ZE ที่มาพร้อม CPU Intel Core i7-12650H ตัวแรงรุ่นล่าสุดจาก Intel นั้นมีราคาอยู่ที่ 40,990 บาทครับ ในราคานี้คุณจะได้ประกันแบบ Global Warranty นานถึง 2 ปี พร้อมกับประกันอุบัติเหตุ Perfect Warranty ใน 1 ปีแรกด้วยครับ แต่เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนดนะ ! แพนว่าโน้ตบุ๊กเกมมิงของ Intel ปีนี้นี่น่าสนใจจริง ๆ ครับ กับ CPU ที่เป็นแบบ Hybrid CPU แบ่งคอร์ที่ทำได้ทั้งงานหนัก ๆ และประหยัดพลังงานแบบนี้ ดูรีวิวจบแล้วอยากได้ ก็ตามไปซื้อกันได้เลยครับ !

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส