สมาร์ตโฟนจอพับได้อยู่กับเรามา 3 ปีแล้วนะครับ หลัง Samsung Galaxy Z Fold รุ่นแรกวางขายตั้งแต่กันยายน 2019 จนตอนนี้รุ่นที่ 4 Samsung Galaxy Z Fold4 ตัวล่าสุดมาอยู่ในมือผมเรียบร้อย ลุยรีวิวกันเลย!

ดีไซน์

เริ่มจากรูปลักษณ์หน้าตาก่อนเลย แม้ Galaxy Z Fold4 ดูเผินๆ ไม่ต่างจาก Galaxy Z Fold3 มากนัก แต่ซัมซุงก็ตั้งใจปรับปรุงรายละเอียดให้ดีขึ้น

ที่เห็นชัดที่สุดคือหน้าจอที่ชิดขอบมากขึ้นทั้งจอด้านนอกและด้านใน ด้านในกว้างขึ้น 3 mm ซึ่งหน้าจอภายในมีสัดส่วนพื้นที่แสดงผลราว 91% เมื่อเทียบกับพื้นที่ทั้งหมด ส่วน Fold3 ให้สัดส่วนพื้นที่แสดงผลราว 89% เท่านั้นเอง

นอกจากนี้ซัมซุงก็ปรับปรุงเครื่องให้บางลง 0.1 mm เวลากางออก ทำให้เวลาพับแล้วบางลงกว่าเดิม 0.2 mm พร้อมรีดน้ำหนักเครื่องเหลือ 263 กรัมเท่านั้น

เครื่องนี้คือสี Phantom Black ดำสง่าที่คงถูกใจคุณผู้ชาย นอกจากนี้ Samsung Galaxy Z Fold4 ยังมีสี Graygreen เป็นเทาอมเขียวขรึมๆ และสีสว่างอย่าง Beige ให้เลือกกัน แล้วถ้าใครซื้อผ่าน samsung.com ยังมีสีแดง Burgundy ให้เลือกเป็นสีพิเศษด้วย

ผมลองใช้งานหน้าจอภายนอก Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.2 นิ้วให้ดูนะครับ จอนี้เราจะใช้บ่อยเวลาไม่อยากกางจอหลักออกมา ถ้าถือเทีัยบกับ Galaxy Z Fold3 จะเห็นว่าหน้าจอด้านนอกนี้กว้างขึ้น ดูสมส่วนขี้น

ผมเปิด Facebook เปิดเว็บ เปิดแผนที่ก็คล่องตัวดี เคลื่อนไหวลื่นไหลด้วย Refresh Rate สูงสุด 120 Hz พิมพ์คีย์บอร์ดบนหน้าจอด้วยมือเดียวก็ได้ เพราะนิ้วโป้งลากไปสุดจออีกข้างได้ เพียงแต่ว่าเมื่อแสดงบนหน้าจอนี้ คีย์บอร์ดจะมีขนาดเล็กลง จนอาจพิมพ์ผิดได้มากขึ้นครับ

ด้วยความที่เป็นจอสัดส่วนยาวพิเศษ 23.1:9 เราเปิดหนังใน Netflix ที่เป็นจอกว้างๆ ได้เต็มพื้นที่จอมากนะครับ แถมสามารถตั้งเครื่องแบบ Flex Mode เพื่อดูหนังได้ด้วย

ส่วนถ้ากางเครื่องออกมาจะเป็นหน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 7.6 นิ้ว ซึ่งให้ความสว่างได้ถึง 1200 nit พร้อม Refresh Rate สูงสุด 120 Hz ถ้าเอาไปเปิดเนื้อหา HDR จะเห็นว่าให้ภาพได้สดใส เต็มตามากๆ ไม่เสียชื่อจอตระกูลท็อปจากซัมซุง

แล้วคุณผู้ชมเห็นไหมครับว่าในหน้าจอนี้ กล้องอยู่ตรงไหน อยู่ตรงนี้ครับ กล้องใต้จอก็ปรับปรุงเป็นรุ่นใหม่ UDC 2.0 ที่ซ่อนได้เนียนกว่าเดิม ผมว่าถ้าพัฒนาต่ออีกสัก 2-3 ปี ก็น่าจะเนียนระดับไม่รู้เลยว่ามีกล้องอยู่ตรงนี้แล้วแหละครับ

ซึ่งกล้องหน้าที่อยู่ด้านในนี้ก็สามารถใช้งานแบบ Flex Mode เวลาประชุมออนไลน์ได้ด้วย ทำให้ประชุมได้โดยไม่ต้องเอามือถือเครื่องขึ้นมาแบบสมาร์ตโฟนทั่วไป

เมื่อกางหน้าจอออกมา จะเห็นของใหม่ใน Samsung Galaxy Z Fold4 คือ Task Bar ตรงนี้ ทำให้การใช้งานแบบ Multi Task สลับแอปได้สะดวกกว่าเดิม เซฟ App Pair หรือการจับคู่แอปต่างๆ ไว้ก็ได้ แอปที่เพิ่งเปิดก็มาอยู่ด้านขวาของบาร์ เหมือนใช้คอมพิวเตอร์อยู่

หน้าจอ

ซึ่งจะใช้หน้าจอ 7.6 นิ้วของ Samsung Galaxy Z Fold4 ให้คุ้ม ก็ต้องเปิดหลายแอปพร้อมกันครับ จะเปิด 2 แอปทำงานพร้อมกันเป็นคู่แบบนี้ หรือสลับขึ้นเป็นแนวบน-ล่าง หรือจะเปิด Chrome พร้อมกัน 2 หน้าจอก็ทำได้ ส่วนถ้าจะเปิดพร้อมกัน 3 แอป อย่างดูวิดีโอใน Amazon Prime แล้วเปิดเฟซบุ๊กกับเว็บพร้อมกันก็ทำได้ ถ้าจะเปิดแอปเพิ่มอีกก็เปิดแบบ Pop-up เพิ่มขึ้นมาแบบนี้ ใช้เสร็จก็กดให้หุบลงไปเพื่อใช้ต่อในภายหลังได้

ถ้าต้องการเซฟการจัดหน้าต่างเอาไว้ใช้งานภายหลังก็สามารถกด … ตรงเส้นแบ่งหน้าต่าง แล้วสร้างเป็นปุ่มเรียกใช้ได้ง่ายๆ ทั้งจากหน้าโฮม, หน้า Apps Edge Panel ที่ซ่อนอยู่ทางขวานี้ หรือจะเก็บไว้ที่ Taskbar ก็ได้

แน่นอนว่า Galaxy Z Fold4 ก็ต้องรองรับ S-Pen ด้วย โดยในปีนี้มีเคสที่ขายพร้อม S-Pen เลย ทำให้สามารถพกปากกาติดไปกับเครื่องได้ง่ายๆ ครับ แต่ต้องซื้อเพิ่มนะครับ S-Pen ไม่ได้มาพร้อมเครื่อง

ซึ่งกระจกหน้าจอด้านหน้าและกระจกหลังเครื่องทำจาก Gorilla® Glass Victus+ ที่แกร่งที่สุดในตอนนี้ ก็น่าจะใช้ไปได้ยาวๆ โดยไม่มีปัญหา

ส่วนความทนทานของการพับ ซัมซุงเคลมว่ากระจก Ultra Thin Glass 2.0 ด้านในตัวเครื่อง ผ่านการทดสอบการพับมาแล้วกว่า 2 แสนครั้ง สมมุติผมกางเครื่องถี่สุดๆ เลย 100 ครั้งต่อวัน ก็จะได้มากกว่า 2000 วัน หรือมากกว่า 7 ปี โดยที่กระจกยังไม่มีปัญหาครับ

นอกจากนี้ก็ยังมีความสามารถในการป้องกันน้ำในระดับ IPX8 หรือตกน้ำลึกไม่เกิน 1.5 เมตร นานไม่เกิน 30 นาทีก็ไม่เป็นไร แต่ไม่ได้เคลมว่าป้องกันฝุ่นนะครับ

กล้อง

มาดูเรื่องกล้องกันบ้าง กล้องหลังของ Samsung Galaxy Z Fold4 ปรับปรุงจาก Fold3 อยู่ 2 จุดหลักๆ คือกล้องหลักที่ขยับจาก 12 ล้านพิกเซลเป็น 50 ล้านพิกเซล f/1.8 ทำให้ซูม 2 เท่าได้ดีขึ้น พร้อมใส่ Nightography มาด้วย ทำให้ถ่ายกลางคืนได้ดีเหมือน S22 Series แล้วจึงปรับกล้องเทเลจากเดิมซูม 2 เท่า เป็นกล้องซูม 3 เท่าความละเอียด 10 ล้านพิกเซล f/2.4 ซึ่งสามารถใช้ Space Zoom ได้สูงสุด 30 เท่า

ส่วนเลนส์ที่ 3 ที่ยังเหมือนเดิมคือเลนส์มุมกว้างมาก 12 ล้านพิกเซล f/2.2 ที่ให้มุมภาพ 123 องศา

คุณภาพภาพจาก Samsung Galaxy Z Fold4 นั้นจัดว่าดีมากสมเป็นเรือธงจากซัมซุงครับ ระบบ Scene Optimiser สามารถตรวจจับลักษณะภาพและวัตถุในภาพเพื่อจูนภาพให้ดูดีที่สุดอัตโนมัติ ไม่ว่าจะถ่ายภาพวิว ต้นไม้ กาแฟ อาหาร หรือภาพภายในอาคารก็จัดการให้ดูดีได้ รวมถึงภาพถ่ายระยะใกล้หรือมาโคร ที่แม้ไม่มีเลนส์ถ่ายใกล้โดยเฉพาะ แต่ก็สามารถใช้เลนส์หลักเข้าใกล้วัตถุได้ในระดับที่น่าพอใจ ซึ่งก็สามารถถ่าย 50 ล้านพิกเซลมาครอปได้ ถ้าต้องการรูปที่ขนาดใหญ่จริงๆ

ช่วงการซูมตั้งแต่ 0.6 เท่าทำได้ดี ให้ภาพสีสันสวยงามไม่แตกต่างจากเลนส์หลัก 1 เท่า ส่วนเลนส์ใหม่ที่ซูม 3 เท่าก็ให้ผลงานน่าพอใจ จนใช้ Space Zoom ต่อเนื่องไปถึง 10 เท่า ก็ให้ภาพขยายระดับที่ยังใช้งานได้ แต่การใช้ Space Zoom ไปจนสุดที่ 30 เท่า จะให้ภาพที่มองออกว่าเป็นอะไร แต่รายละเอียดจะหายไปเยอะ

การถ่ายในที่แสงน้อยก็เก็บรายละเอียดได้ดี ให้ภาพกลางคืนที่สวยงาม และจะสามารถดึงรายละเอียดในที่แสงน้อยเพิ่มขึ้นได้อีกถ้าใช้ Night Mode

ส่วนการถ่าย Portrait ให้สีผิวที่ดูดี เบลอฉากหลังได้เนียน หลังจากถ่ายแล้วก็สามารถปรับเอฟเฟกฉากหลังได้ด้วย
ผมโชว์ความสามารถเจ๋ง ๆ ของ Samsung Galaxy Z Fold4 ให้ดูครับ คือในแอปดูรูปของซัมซุงนั้นจะมีความสามารถแต่งรูปอยู่ แล้วยังมี AI แต่งรูปเจ๋งๆ อีกตัวซ่อนอยู่ตรงนี้ครับ กด … แล้วเลือก Object Eraser โหมดนี้เราจะเอานิ้ววงกลมเพื่อลบวัตถุที่ไม่ต้องการในรูปได้

แต่ตัวที่เจ๋งกว่าคือนี่ครับ Erase Reflections ลบเงาสะท้อนในรูป ตัวอย่างรูปนี้ ทีมงานถ่ายรูปจากตู้กระจกมา แล้วแสงสะท้อนเพียบ กด Erase Reflections ทีเดียวอยู่เลย แสงสะท้อนหายไป!

อีกปุ่มคือ Erase Shadows หรือลบเงา อันนี้ได้ใช้บ่อย เวลาถ่ายวัตถุอะไรแล้วติดเงาของมือ ก็ใช้ปุ่มนี้ลบได้เลย
มาดูวิดีโอ 4K 60 fps จาก Samsung Galaxy Z Fold4 กันครับ ซึ่งก็เก็บการเคลื่อนไหวได้นุ่มนวล มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว และเก็บเสียงได้เป็นอย่างดี โดยกล้องตัวนี้สามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุดในระดับ 8K 24 fps บ้านใครมีทีวี 8K ก็จะได้ใช้ความสามารถทีวีเต็มๆ

แต่การถ่ายที่ 60 fps จะไม่สามารถใช้เลนส์มุมกว้างมากหรือเลนส์ซูม 3 เท่าถ่ายได้นะครับ ถ้าอยากเก็บวิดีโอกว้างๆ จะถ่ายได้สูงสุดเป็น 4K 30 fps ครับ

กล้องหน้าของ Samsung Galaxy Z Fold4 นั้นให้มา 2 ตัวเช่นเดิมครับ กล้องตัวนอก 10 ล้านพิกเซล f/2.2 ส่วนกล้องด้านในที่เป็นกล้องใต้จอนั้นจะละเอียดน้อยหน่อยที่ 4 ล้านพิกเซล f/1.8 ครับ

หน้าที่ของกล้องหน้า 2 ตัวนี้ต่างกัน กล้องหน้าตัวนอก จะใช้เพื่อถ่าย Selfie และถ่าย Portrait Selfie หน้าชัดหลังเบลอได้ ส่วนกล้องหน้าด้านใน จะใช้สำหรับ Video Call เป็นหลักครับ เพราะไม่สามารถถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้

ส่วนการถ่าย Portrait Selfie ด้วยกล้องหน้าด้านนอกก็สามารถละลายฉากหลังได้เนียนดี และสามารถปรับแต่งฉากหลังภายหลังได้เหมือนถ่ายด้วยกล้องหลังครับ

พอเป็นกล้องที่อยู่บนเครื่องพับได้อย่าง Samsung Galaxy Z Fold4 ทำให้ใช้งานได้หลายท่าทางมาก
ตั้งแต่ถือถ่ายปกติ แล้วให้หน้าจอด้านนอกแสดงตัวอย่างภาพให้ผู้ถ่ายดู

หรือกางเอาแล้วไปวางบนโต๊ะ แล้วชูมือเพื่อถ่ายรูป ซึ่งก็สามารถวางให้ใช้กล้องหลังคุณภาพสูงถ่ายได้เช่นกัน

หรือตั้งเครื่องบนโต๊ะเพื่อถ่ายวิดีโอ แล้วใช้ฟังก์ชัน Auto Framing เพื่อให้กล้องถ่ายวิดีโอแบบแพน-ซูม อัตโนมัติก็ได้ แล้วพอหน้าจอถ่ายรูปกว้างขึ้นก็สามารถโชว์ภาพที่เพิ่งถ่ายเสร็จบนจอได้ทันที

มาดูรอบเครื่องกันบ้าง ยังคงดีไซน์ไม่แตกต่างจากรุ่นที่แล้ว คือมีปุ่มเร่งเสียง-ลดเสียง และปุ่มล็อกหน้าจอที่เป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ด้านขวา ซึ่งสแกนได้รวดเร็วดี แต่ถ้านิ้วเปียกจะสแกนติดยากหน่อย มีถาดใส่ซิมอยู่ทางซ้ายที่ใส่ได้ 2 ซิม แต่ใส่ MicroSD ไม่ได้ และไม่มีช่องหูฟังตามสไตล์ของสมาร์ตโฟนเรือธง ส่วนลำโพงเป็นสเตอริโอคู่บน-ล่างที่ให้เสียงได้ดังกังวาลดี

แบตเตอรี่

ส่วนแบตเตอรี่ เราใช้งานทั่วไป เปิดเว็บ เปิดไลน์ เปิดเฟซบุ๊ก ไม่ได้เล่นเกม ก็สามารถใช้งานได้จบวันครับ เราใช้งานตั้งแต่ 8 โมง ถึง 3 ทุ่ม เหลือแบตราวๆ 20% และซัมซุงเคลมว่าสามารถชาร์จ 0-50% ใน 30 นาทีด้วยหัวชาร์จ USB-C 25 Watt นะครับ แต่ในกล่องไม่มีหัวชาร์จมานะครับ ต้องซื้อแยกหรือใช้ของเก่าที่มีอยู่แล้ว

สเปก

Samsung Galaxy Z Fold4 ใช้ชิปใหม่ล่าสุดคือ Qualcomm Snapdragon 8+ Gen 1 พร้อมแรม 12 GB และเครื่องที่รีวิวนี้ก็มีความจุ 256 GB ครับ ซึ่งผลการทดสอบด้วย Geekbench 5 ก็ได้คะแนน Multicore ไป 3626 คะแนน สูงกว่า Fold3 ที่ใช้ชิป Snapdragon 888 ราว 400 คะแนน

ส่วนการทดสอบประสิทธิภาพกราฟิกด้วย 3Dmark ชุด Wildlife Stress Test ทดสอบหนัก 20 นาที ก็ได้คะแนนสูงสุดไปที่ 7896 คะแนน และต่ำสุดเมื่อเครื่องร้อนอยู่ที่ 4260 คะแนน ซึ่งก็สูงกว่า Fold3 ที่ได้สูงสุดราว 5400 คะแนน และต่ำสุดที่ 3400 คะแนนอยู่พอสมควรเลย

ส่วนความร้อนเมื่อใช้งานหนัก ก็ขึ้นไปอยู่ราวๆ 42 องศาทั้งด้านหน้าและด้านหลังครับ โดยความร้อนจะสูงสุดบริเวณด้านข้างกล้องหลักของเครื่อง

จุดสังเกต

Samsung Galaxy Z Fold4 เราว่าจอพับด้านในน่าจะปรับปรุงขึ้นจากรุ่นที่แล้วได้อีกนะครับ เพราะก็ยังเห็นรอยพับด้านในได้ชัดอยู่ดี แล้วก็มีช่องว่างที่บานพับ ทำให้ฝุ่นเข้าไปอยู่ระหว่างจอด้านในได้ง่าย

ราคา

Samsung Galaxy Z Fold4 เปิดตัวด้วยราคา 59,900 บาทสำหรับรุ่น 256 GB ส่วนรุ่น 512 GB ราคา 65,900 บาท และ 1 TB ราคา 75,900 บาท ก็ถ้าชอบต้องจัดครับ