ถ้าพูดถึงการเก็บข้อมูลที่ไม่ได้เยอะมาก ปกติแล้วแพนก็เลือกเก็บบน External Storage จำพวก Flash Drive หรือ External ทั้งแบบ Hard Disk และ SSD ครับ แน่นอนว่ามันสะดวก หยิบจับง่าย พกไปได้ทุกที่ แต่ในขณะเดียวกันก็มีโอกาสหายหรือพังได้เช่นกัน นอกจากนี้ความจุยังมีจำกัด ใช้ไปสักพักต้องซื้อเพิ่ม พอมีเยอะชิ้น ก็จัดการไฟล์ยากด้วยครับ ถ้าจะก็อปไฟล์ก็ต้องไล่เปิดทีละอัน หรือถ้าต้องส่งไฟล์งานแบบด่วนจี๋ แล้วเราดันหยิบมาอีกตัว ไม่ได้หยิบ External HDD ตัวที่เก็บงานนั้นมาด้วย อันนี้ลำบากแน่ครับ

ช่วงหลัง ๆ แพนก็เลยเปลี่ยนมาเก็บไฟล์บน NAS หรือ Network Attached Storage อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลอัจฉริยะที่เชื่อมต่อกับเน็ตเวิร์คที่บ้านหรือที่ทำงานครับ เพราะว่าจัดการง่ายกว่า เพิ่มความจุเก็บข้อมูลได้ สำรองข้อมูลสะดวก แถมมีระบบความปลอดภัยที่ External HDD ไม่มีครับ แพนเองก็เคยรีวิว Synology NAS รุ่น DS220+ ไปแล้วย้อนไปดูกันได้ครับ หรือจะอ่านบทความในลิงก์ที่แคปชันก็ได้เช่นกันครับ

ส่วนในคลิปนี้เราจะพามาดู Synology Drive อีกฟีเจอร์เจ๋ง ๆ ที่สามารถเปลี่ยน NAS ให้กลายเป็น Cloud Storage ส่วนตัว เหมือนพวก Google Drive, OneDrive, DropBox ข้อดีคือเราจะเข้าถึงไฟล์และแชร์ไฟล์ใน NAS ที่ไหนก็ได้ โดยไม่ต้องอยู่ที่บ้านหรือออฟฟิศเลยครับ จุดนี้จะทำให้เราไม่จำเป็นต้องพก External HDD เลยก็ได้ครับ

Synology Drive เป็นหนึ่งใน Service ของ Synology ที่เราสามารถเข้าไปรับมาติดตั้งได้แบบไม่มีค่าใช้จ่าย ใช้งานได้กับ NAS ของ Synology หลายรุ่น สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเช็คในเว็บไซต์ Synology ได้เลย สำหรับการติดตั้งแค่เข้าไปที่ Package Center ค้นหาคำว่า Synology Drive แล้วกด Install แล้วทำตามขั้นตอนนิดหน่อย จากนั้นก็รีสตาร์ตหนึ่งรอบ เท่านี้ NAS ของเราก็สามารถใช้งานเป็นระบบ cloud ส่วนตัวได้แล้ว

การใช้งานของ Synology Drive ก็รองรับหลายแพลตฟอร์ม ทั้งมือถือ คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊กรองรับทั้ง Mac และ Windows หรือใช้งานบนเว็บบราวเซอร์ซึ่งเราเรียกใช้ผ่านเว็บไซต์ quickconnect.to แล้วใส่ชื่อ QuickConnect ID ที่เราตั้งไว้ก็ได้ หรือจะเปิดผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนก็ได้ครับ

วิธีใช้งานถือว่าง่ายเลยครับ เนื่องจากมี UI โดยรวมคล้าย ๆ กับบริการ Cloud เจ้าตลาด เลยไม่ต้องปรับตัวเรื่องการใช้งานสักเท่าไรครับ

ส่วนใครที่จะย้ายข้อมูลจาก External HDD มาเก็บไว้บน NAS ก็ทำได้ไม่ยากครับ แค่เสียบสายเข้ากับ USB หน้าเครื่องได้เลย จากนั้นก็เปิด Control Panel และเข้าไปที่ External Devices แล้วระบบจะให้เรา Install ส่วนเสริม exFAT พอเสร็จเราก็สามารถเข้าไปเปิดดูไฟล์ที่อยู่ใน External HDD ผ่าน File Station ได้ครับ ซึ่งชื่อจะนำด้วย usbshare ครับจากนั้นเราก็คัดลอกไปวางลงโฟลเดอร์ที่ต้องการเลย หรือจะทำผ่านเมนู USB Copy ได้เช่นกันครับ โดยไฟล์ที่วางทั้งหมดก็จะไปโผล่บน Synology Drive ด้วยนะครับ

การจัดการไฟล์ หรือ File Management ของ Synology Drive ก็ถือว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างง่าย คล้าย Explorere และ Finder เราสามารถใช้ช่องค้นหา หาไฟล์ด้วย ชื่อ หรือนามสกุลไฟล์ได้ครับ เช่น แพนจะหาภาพ .jpeg ก็พิมพ์แล้วค้นหาได้เลยครับ ระบบก็จะแสดงผลที่หาเจอมาให้ครับ ถ้าแพนอยากรู้ว่าอันไหนเป็นไฟล์ล่าสุด ก็สามารถกดที่ไอคอน Sort ที่อยู่ถัดลงมาแล้วเลือกเป็น Modified time ได้ครับ มันก็จะเรียงตามวันที่สร้างไฟล์ขึ้นมาให้เราเลย อันนี้ถือว่าสะดวกนะครับ

นอกจากนี้ยังมีการจัดการไฟล์ยังมีเครื่องมือที่ชื่อ Labels เอาไว้แปะกำกับไฟล์หรือโฟลเดอร์เพื่อความสะดวกในการเข้าถึงด้วยนะครับ เช่น แพนสร้างป้าย Footage ไว้แล้วเอาไปแปะตามที่ต่าง ๆ เวลาแพนคลิกที่ป้าย Footage ระบบก็จะแสดงผลเฉพาะ Label นั้น ๆ เลยครับ อันนี้แล้วแต่คนจะเอาไปประยุกต์ใช้ครับ

ส่วนการใช้งานบนมือถือก็แทบไม่ต่างจากคอมพิวเตอร์เลยครับ เช่น ถ้าเราจะค้นหาไฟล์แบบด่วนก็ใช้แถบค้นหาด้านบนได้ครับ แพนจะลองพิมพ์คำว่า .jpeg ระบบก็จะแสดงผลเหมือนกันเลยครับ หรือถ้าจะเปิดไฟล์ที่แปะ Label ไว้ก็กดที่ด้านบนได้เลยครับ และก็จะเห็นรายการเหมือนกันครับ

เนื่องจากการที่เราเปลี่ยน NAS ให้กลายมาเป็น Cloud เราก็จะต้องพูดถึงเรื่องการอัปโหลดและดาวน์โหลดกันด้วยครับ โดยวิธีการอัปโหลดไฟล์มาใส่ Synology Drive ก็ไม่ยุ่งยากครับ ถ้าทำบนคอมพิวเตอร์ก็แค่ลากไฟล์มาโยนใส่ได้เลยครับ ส่วนมือถือก็ให้เข้าแอปแล้วกดไอคอน + เลือกหัวข้อ Upload จากนั้นก็เลือกไฟล์ที่ต้องการแล้วกด Upload ได้ง่าย ๆ แบบนี้

ไฟล์ที่อัปเสร็จแล้วก็จะไปโผล่อยู่ใน Synology Drive ทันทีครับ โดยทุกอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออยู่ก็จะเห็นรายการไฟล์เหมือนกันนั่นก็เพราะมันมีการ Real time syncing แบบทันทีเลยครับ ซึ่งความสามารถนี้เราสามารถเอามาใช้ Backup ไฟล์ได้ครับ ยกตัวอย่าง ถ้าเราไปเที่ยวแล้วกลัวว่ามือถือจะหายหรือพัง ก็สามารถตั้งให้ Backup ภาพถ่าย ทีนี้เราก็ไม่ต้องกลัวว่าภาพสำคัญจะหายไปแล้วครับ

เช่นหากเราไปเที่ยวแล้วทำการถ่ายภาพไว้ในกล้อง เพียงแค่เราเอาไฟล์จากกล้องลงคอม ระบบก็จะ sync ไฟล์เข้า NAS โดยอัตโนมัติ ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าหากเมมโมรี่การ์ดเกิดมีปัญหาแล้วภาพของเราจะหายไป

ทีนี้เรามาพูดถึงการดาวน์โหลดไฟล์บ้าง ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์ก็คลิกขวาแล้วกดดาวน์โหลดได้เลยครับ ถ้าเราเลือกโหลดทั้งโฟลเดอร์ หรือโหลดหลาย ๆ ไฟล์อันนี้ระบบก็จะทำการบีบอัดไฟล์ออกมาเป็นไฟล์ Zip ให้ครับ ส่วนมือถือก็เลือกไฟล์และกดดาวน์โหลดได้เหมือนกันครับ เพียงแต่ถ้าเลือกหลาย ๆ ไฟล์จะไม่มีการบีบอัดเป็นไฟล์ Zip มาให้ครับ

ซึ่งการใช้งานปกติแล้ว ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงของไฟล์ ทั้งการอัปโหลดซ้ำหรือแก้ไขผ่านบริการอื่น ๆ แล้วกลัวว่าไฟล์เดิมหาย ก็ไม่ต้องกังวลไปครับเพราะ Synology Drive มีฟีเจอร์ Restore file version ที่ทำให้เราย้อนกลับไปดูไฟล์เวอร์ชันเก่า ๆ ได้ อันนี้รองรับไฟล์ทุกนามสกุลเลยนะครับ

ตัวอย่างคือ เวลาเราคลิกขวาที่ไฟล์ก็จะเห็นตัวเลือก Version History ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงก็จะเห็นเป็นเวอร์ชัน ๆเลยครับ ซึ่งเราสามารถกด Preview เพื่อดูหรือกด Restore เพื่อย้อนคืน หรือกด Download มาเก็บไว้ได้ครับ อันนี้รองรับไฟล์ทุกนามสกุลเลยนะครับ ถ้าเป็นไฟล์เอกสารก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงชัด ๆ เลยแต่ถ้าเป็นรูปภาพเราก็จะเห็นว่ามันเปลี่ยนไปแบบนี้ครับ

นอกจากเรื่องอัปโหลดดาวน์โหลดแล้ว เราจะต้องพูดถึงการแชร์ไฟล์กันบ้างครับ Synology Drive ก็มีความสามารถนี้เช่นกันครับ

โดยเราแชร์ให้คนที่เราต้องการได้สองแบบครับคือ Permissions แชร์แบบภายในสำหรับคนที่มีแอคเคาท์ในการ Login เข้าระบบซึ่งอันนี้จะเหมาะกับการแชร์ในบริษัทหรือองค์กรครับ

ส่วนอีกแบบคือ Public Link อันนี้แพนว่าน่าสนใจเลย เพราะเมื่อเรากดแชร์ระบบจะสร้างลิงก์ไว้ให้เลยครับ ซึ่งสามารถก็อปปี้แล้วส่งให้ปลายทางเข้ามาดูหรือดาวน์โหลดได้ทันที ซึ่งอันนี้สามารถตั้งค่าได้ตอนที่เราแชร์นะครับ ว่าจะให้ดูอย่างเดียวหรือแก้ไขได้ ถ้าเราตั้งค่าไว้ให้เขาดูอย่างเดียว ก็จะใส่ข้อกำหนดเพิ่มเติมได้ว่า จะอนุญาตให้ดาวน์โหลดหรือก็อปปี้ด้วยไหม

ยกตัวอย่างแพนจะส่งงานให้ลูกค้าใช่ไหมครับ แล้วอยากให้เขาดูอย่างเดียวแพนก็มาติ๊กตรงนี้เลย คนที่ได้ลิงก์ไปก็จะทำได้แค่ดู แต่โหลดไปเก็บไว้ไม่ได้ ซึ่งแพนว่าดีกับการใช้งานในบริษัทหรือองค์กรเลยครับ เพราะช่วยสร้างความปลอดภัยให้กับข้อมูลของเราที่แชร์ไปได้

นอกจากนี้เรายังสามารถใส่รหัสผ่านป้องกันได้ด้วยนะ ถ้าไม่มีรหัสก็เปิดหรือดาวน์โหลดไฟล์ไม่ได้ครับ หรือถ้าอยากจะกำหนดวันหมดอายุของลิงก์ก็ทำได้เช่นกันครับ เช่น แพนสร้างลิงก์นี้ขึ้นมาแล้วส่งให้คนอื่น เขาก็จะเห็นหน้าแบบนี้เลยครับ

ส่วนการตั้งเวลา Backup ข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ลง Synology Drive แบบอัตโนมัติ ก็ทำได้เช่นกันครับ แต่อันนี้ต้องทำผ่านแอป Synology Drive ที่ติดตั้งลงเครื่องนะครับ ซึ่งทำได้ทั้ง macOS และ Windows เลยครับ

วิธีทำคือให้เราไปที่หัวข้อง Backup Task จากนั้นก็คลิก Create backup task แล้วเลือกโฟลเดอร์ต้นทางจากคอมพิวเตอร์ และปลายทางในไดรฟ์ครับ อันนี้แพนจะตั้งให้ Backup โฟลเดอร์ Document ไว้ครับ แล้วเราถึงจะมาจิ้มตัวเลือกว่าจะให้ Backup แบบไหน Continuous คือทุกครั้งเวลามีการเปลี่ยนแปลง หรือ Manual backup ที่เราต้องคลิกเอง สุดท้ายเป็น Scheduled backup ที่ตั้งเวลาล่วงหน้าไว้ครับ อันนี้แพนจะตั้งไว้ว่า backup ทุกวันเวลา 6 โมงเย็นหลังเลิกงาน พอถึงเวลาระบบก็จะจัดการให้เสร็จสรรพเลยครับ จุดนี้จะช่วยให้ไฟล์หรือข้อมูลปลอดภัยขึ้นครับ

ข้อดีและข้อสังเกต

ทีนี้เราจะมาพูดถึงข้อดีและข้อสังเกตของการใช้งาน Synology Drive บน Synology NAS แทนการพก External HDD กันบ้างครับ

ข้อดีของการใช้แทน External HDD อย่างแรกก็คือ มีความจุเก็บมากกว่า และเลือกความจุที่ต้องการได้ครับ ปกติแล้วถ้าใช้ External HDD ก็จะต้องเลือกความจุที่เขากำหนด พอเต็มก็ต้องซื้อลูกใหม่ พอเก็บไปหลาย ๆ ลูกเวลาต้องการหาไฟล์ ก็ลำบากต้องมานั่งไล่เปิดว่าไฟล์ที่ต้องการอยู่ใน External HDD ลูกไหน แต่ Synology NAS มีระบบการจัดการไฟล์ที่ง่ายและสะดวกอย่างที่แพนโชว์ให้ดูเลย

ข้อดีต่อมาคือไฟล์เราปลอดภัยกว่าการเก็บบน External HDD ครับเพราะ Synology NAS มีทั้งระบบ Backup ที่หลากหลาย และทำงานได้แบบอัตโนมัติ จะตั้งให้ Backup จาก PC ไปยัง NAS หนึ่งชั้น แล้วกันเหนียวด้วยการ backup จาก NAS ไป Cloud อีกชั้นก็ได้ครับ อันนี้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องข้อมูลสูญหายได้เลยครับ ส่วน External HDD อันนี้ต้องกดเอง และมีโอกาสที่พังจนไฟล์หายด้วยครับ

ข้อดีต่อมาคือจะเป็นมือถือ หรือโน้ตบุ๊ก ก็สามารถเข้าถึงไฟล์หรือข้อมูลได้จากทุกที่บนโลกครับ ขอแค่มีอินเทอร์เน็ตก็พอ

ข้อดีสุดท้ายคือการแชร์ไฟล์มีความปลอดภัยสูง เราสามารถกำหนดสิทธิ์ได้ว่า ใครสามารถเข้าถึงไฟล์นี้ได้บ้าง และยังตั้งรหัสผ่านหรือกำหนดวันหมดอายุของลิงก์ที่แชร์ไฟล์ไปได้ครับ

ส่วนข้อสังเกตที่แพนเจอจากการใช้งานคือ ความเร็วของการรับ-ส่งข้อมูล ขึ้นอยู่กับความเร็วของอินเทอร์เน็ต ทั้งฝั่งส่งและฝั่งรับครับ บางทีแพนอยู่ข้างนอกแล้วต้องการเปิดดูไฟล์ใหญ่ๆ แล้วใช้เน็ตมือถือ อันนี้จะใช้เวลาค่อนข้างนานครับ ต่างจาก External HDD ที่หยิบขึ้นมาเสียบ แล้วเปิดไฟล์ได้เลยครับ แต่ถึงอย่างนั้นถ้าเราใช้เน็ตแบบ 5G ข้อสังเกตนี้อาจจะไม่เจอก็ได้ครับ

สำหรับฟีเจอร์ที่แพนเล่าให้ฟังทั้งหมดนี้ แพนคิดว่า Synology Drive จะทำให้เราสามารถใช้ NAS แทน External HDD, Flash Drive รวมถึงบริการ Cloud ได้เลยครับ ซึ่งใครที่สนใจก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ลิงก์ที่แพนทิ้งไว้ให้ในแคปชันได้เลยครับ รวมถึงเขามีกิจกรรมให้ร่วมสนุกด้วยนะครับ