เคยสงสัยไหมครับว่าเวลาเล่นเกม มือถือธรรมดา กับมือถือที่ติดพัดลมได้ จะต่างกันแค่ไหน เพื่อพิสูจน์ให้หายสงสัย วันนี้ต้าร์เอา ROG Phone 6D Ultimate มือถือเกมมิงตัวท็อปของปี 2022 มาทดสอบให้ดูแบบจัดเต็ม ผลจะเป็นยังไงไปดูกัน !

สเปก

พูดถึงมือถือเล่นเกม เราก็ต้องดูเรื่องสเปกกันก่อนครับ ชิปเซ็ตของ ROG Phone 6D Ultimate ในปีนี้ ย้ายค่ายมาใช้ Dimensity 9000+ ตัวท็อป ความเร็วระดับ 3.2GHz ของ MediaTek แทนที่ Qualcomm Snapdragon ที่เคยใส่มาให้ในปีก่อน ๆ จุดนี้หลายคนน่าจะเอ๊ะว่า แล้วประสิทธิภาพจะสุดเหมือนเดิมไหม อันนี้เดี๋ยวเรามาทดสอบให้ดูครับ

สเปกส่วนอื่นก็จะมี แรมแบบ LPDDR5X ขนาด 16GB กับความจุแบบ UFS 3.1 ขนาด 512GB, หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว อัตราส่วน 20.4:9 สว่างสูงสุดที่ 1,200 Nits ส่วน Refresh Rate ก็สูงถึง 165Hz แถมยังรองรับการแสดงผล HDR 10+ อีกต่างหาก !

ความพิเศษของ ROG Phone 6D Ultimate ในรุ่นนี้คือมีชุดระบายความร้อนด้วยพัดลมอย่าง AeroActive Cooler 6 แถมมาให้ในกล่องเลย​ แถมให้เฉพาะรุ่นนี้นะ

การทำงานจะต่างจากรุ่นก่อน ๆ ที่แค่เป่าลมใส่ฝาหลัง แต่เฉพาะในรุ่นนี้จะมีนี่ AeroActive Portal หรือช่องให้ลมไหลผ่านฟินทองแดงบน Vapor Chamber โดยตรง เหมือนกับการเป่าลมใส่ Heat Sink บนคอมเลย เขาเคลมว่าทำให้ระบายร้อนได้ดีขึ้น 20% ซึ่งจะจริงไหม เรามาทดสอบกันเลยดีกว่า

เงื่อนไขการทดสอบในครั้งนี้เราจะใช้เครื่องเดียวกัน เปิด X Mode+ หรือโหมดเร่งความแรงตัวเครื่อง คล้าย ๆ การ Overclock ที่จะทำให้เครื่องทำงานเต็มประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจะทดสอบแบบไม่ติดพัดลมก่อน จากนั้นจะพักเครื่องไว้ให้อุณหภูมิลดลง แล้วก็จะตามด้วยการติดพัดลมครับ

ส่วนแรกเราจะทดสอบ Benchmark ผ่านโปรแกรมยอดนิยมอย่าง Geekbench 5 และ 3DMark ชุด Wild Life Stress Test ที่ทดสอบต่อเนื่องถึง 20 รอบ มาดูกันว่า แบบติดพัดลม กับไม่ติดพัดลม ผลจะออกมาเป็นยังไง (ทำเหมือนทดสอบทั้งคู่ให้ดู)

การทดสอบ CPU ผ่าน Geekbench 5 ผลคะแนนแบบไม่ติดพัดลม แบบ Multi Core จะอยู่ที่ 4,247 คะแนน ส่วนเมื่อติดพัดลมแล้วก็อยู่ที่ 4,453 คะแนน ! แม้จะทดสอบแบบไม่ติดพัดลม แต่คะแนนก็สูงกว่าใน Snapdragon 8+ Gen 1 อยู่พอสมควรเลย แต่ถ้าเปิดพัดลมด้วย จะทำให้ได้คะแนนที่สูงขึ้นนั่นเอง

ส่วนการทดสอบบน 3D Mark ชุด Wild Life Stress Test คะแนนฝั่งซ้ายเป็นคะแนนของมือถืออย่างเดียว ไม่ได้ติดพัดลม จะเห็นว่าคะแนนค่อนไปทางไม่นิ่ง สูงสุดอยู่ที่ 9,520 และต่ำสุดอยู่ที่ 7,320 คะแนน ความนิ่งอยู่ที่ 77% หากเทียบกับการติดพัดลมแล้ว จะเห็นความต่างแบบชัด ๆ เลย คะแนนอยู่ที่ประมาณ 9400 คะแนน นิ่ง ๆ ที่ 98.3% ตลอดการทดสอบ ขณะเดียวกัน คะแนนี้ก็สูงกว่าบน Snapdragon 8+ Gen 1 ด้วยนะครับ

ลองมาดูที่การทดสอบเล่นเกมที่ชื่อว่ากินสเปกที่สุดของมือถืออย่าง Genshin Impact กันบ้างครับ (ทำเหมือนเล่นเกม) ผลออกมาแล้วครับ หากเราไม่ติดพัดลมเวลาเล่นบางครั้ง ก็จะเกิดอาการเฟรมดรอปไปเหลือประมาณ 40-50 เฟรมได้ครับ ส่วนถ้าติดพัดลมแล้วเฟรมก็จะวิ่งที่ 60 FPS นิ่งๆ เลย พัดลมช่วยได้จริง ๆ

อีกจุดที่ผมชอบคือตัวนี้มี Air Trigger หรือปุ่มสัมผัสเทคโนโลยีอัลตร้าโซนิค

ที่ให้เราตั้งค่าให้ปุ่มเพื่อใช้แตะหน้าจอแทนการเอื้อมไปแตะจริง ๆ ถึง 2 ที่ ด้วยกัน ! เวลาเล่นเกมก็จะสะดวกมาก ๆ เลยครับ ลากหัวยิงคม ๆ แน่นอน

มาดูเรื่องความร้อนกันบ้างครับ ตัวเครื่องแจ้งผ่านแผงควบคุมระหว่างเล่นเกมที่ชื่อ Game Genie ว่าอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 47 องศาถ้าไม่ติดพัดลม ซึ่งส่งผลกับการจับถือด้วยนะครับ แต่ถ้าติดพัดลมแล้วจะเหลือแค่_30 กว่าองศาเท่านั้นเอง !

และหากเราดูกราฟก็จะเห็นว่า หากติดพัดลม ก็จะรักษาอุณหภูมิได้ดีกว่า ส่วนถ้าไม่ติดอันนี้ก็จะพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ พอถึงจุดหนึ่งตัวชิปเซตจะลดประสิทธิภาพลง หรือที่เรียกว่า CPU throttling เพื่อให้อุณหภูมิลดลง ส่งผลให้คะแนนตอนทดสอบตก และ FPS ดรอปได้ครับ

เท่านี้ก็น่าจะเห็นแล้วว่ามือถือที่ติดพัดลมได้อย่าง ROG Phone 6D Ultimate มันดีกับการเล่นเกมแค่ไหน

ดีไซน์

มาต่อกันที่เรื่องดีไซน์กันบ้างครับ ต้องบอกว่าฝาหลังกระจกของ ROG Phone 6D Ultimate จะมีความเป็นไซเบอร์พังก์หน่อย ๆ สีหลักเป็นสีเทา ‘Space Gray’ ขัดด้าน ทำให้รู้สึกหรูหรา และไม่ติดลายนิ้วมือง่าย ตัดกับสีฟ้าแทรกเข้ามา

และที่ต้าร์ชอบตั้งแต่รุ่นที่แล้วคือ หน้าจอ ROG Vision ที่จะแสดงผลตามสถานการณ์ได้

อย่างเช่นเปิดหน้าจออยู่, กำลังชาร์จแบต, เปิดเกมอยู่ หรือมีสายเรียกเข้ามา อย่างที่แสดงอยู่ตอนนี้คือกำลังเปิดหน้าจออยู่ ก็จะแสดงภาพแบบนี้ ซึ่งเราก็ตั้งค่าเปลี่ยนได้ในแอปฯ Armoury Crate ที่ติดเครื่องมาได้เลยครับ เท่สุด ๆ ! แอปฯนี้ยังใช้ตั้งค่าเรื่อง X Mode ที่เราใช้ทดสอบเกมก่อนหน้านี้ได้ด้วยนะครับ !

ไม่ใช่แค่ฝาหลังนะครับที่ว้าว รอบตัวเครื่องเองก็น่าสนใจไม่แพ้กันเลย ด้านบนเป็นไมโครโฟนช่องเล็ก ๆ นี่ครับ

ส่วนฝั่งขวามี Air Trigger 2 จุดที่ผมเล่าไว้แล้ว , ปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และตรงนี้ครับ (ชี้) มีไมโครโฟนด้านข้างนี้ด้วย เหมาะกับเกมเมอร์ที่เวลาเล่นแนวนอน ไมค์จะอยู่ด้านบนพอดีเลยครับ

ด้านล่างตัวเครื่องมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ถูกใจสตรีมเมอร์ที่ต้องต่อไมค์โครโฟนเวลาไลฟ์แน่นอน, พอร์ต USB-C ที่เป็น USB 2.0 และ ไมโครโฟนอีกตัวครับ ! ไมค์ทั้ง 3 ตัวที่กล่าวมานี้ยังรองรับเทคโนโลยีการตัดเสียงรบกวนด้วยนะครับ !

ส่วนฝั่งซ้ายมีพอร์ต USB-C เวอร์ชัน 3.1 และช่องเสียบซิมครับ โดยรุ่นนี้รองรับการใส่ Nano Sim 2 ช่อง ไม่รองรับการใส่ SD-Card เพิ่มเติมครับ

อีกอย่างที่ต้าร์และเกมเมอร์ชอบกันมาก นั่นก็คือลำโพงครับ ในรุ่นนี้เขาได้ให้ลำโพงเป็นลำโพงคู่ด้านหน้า ทำให้เวลาเล่นเกม เสียงจะเข้าไปทางผู้เล่นอย่างเรา ได้ยินชัดเจน ไม่โดนบังแน่นอน

แบตเตอรี่ของ ROG Phone 6D Ultimate เครื่องนี้ ให้มามากถึง 6,000 MAh เลยครับ ! เรียกได้ว่าให้มากันอย่างจุใจแน่นอน แถมยังสามารถชาร์จแบตด้วยหัวชาร์จ HyperCharge ที่ชาร์จไวถึง 65 วัตต์อีกต่างหาก จากการทดสอบ สามารถชาร์จแบตจาก 0 ไป 60% ได้ภายใน 20 นาทีเท่านั้น !

ROG Phone 6 BATMAN

นอกจากนี้เขายังมีรุ่น Limited Edition ให้กับสาวกแดนตายจากค่าย DC ด้วยนะ นี่คือ ROG Phone 6 BATMAN Edition โว้ววว! ผมจะแกะกล่องให้ดู ลายบนกล่องก็เป็นรูป Batman สุดเท่ แถมยังมีของมาให้ด้วย วางไว้ให้ฟีลเหมือนกระเป๋าเก็บอาวุธของแบทแมนเหมือนกันนะเนี่ย

Top ในกล่องจะมี BAT-SIGNAL PROJECTOR ที่จะฉายภาพ กับ เข็มจิ้มซิมรูป BATMAN ที่บอกเลยว่าโคตรเท่! โดยเขาก็ได้ให้แท่นวางเข็มจิ้มซิมแบบนี้มาด้วย พอลองเอามาเทียบกับเครื่องปกติก็จะต่างแบบนี้เลย ปกติจะดูอวกาศหน่อย ๆ แต่ถ้าเป็นรุ่น Batman ที่เป็นสี Night Black ก็จะเท่ ๆ มีเสน่ห์ความเป็นแบทแมน

แถมพอเปิดเครื่องมา นี่ มีธีมแบทแมนตั้งแต่ตอนตั้งค่าครั้งแรกเลย ซึ่งเปลี่ยนหมดตั้งแต่ภาพพื้นหลัง ธีมไอคอน ยันเสียงเรียกเข้าครับ

สเปกภายในของเครื่องนั้นเรียกได้ว่าแตกต่างจาก ROG Phone 6D Ultimate เล็กน้อย ตรงที่แรมที่ให้มาแค่ 12 GB ไม่ใช่ 16 GB และ หน่วยความจำที่มีมาให้ 256GB ไม่ใช่้ 512 แบบในรุ่น Ultimate แต่ CPU เป็น Dimensity 9000+ เหมือนเดิม เรียกว่าเป็น ROG Phone 6D ที่เพิ่มความแบทแมนเข้าไปนั่นเอง !

บอกเลยว่าแฟน Batman แบบผม จัดแน่นอน! รุ่นพิเศษนี้มีจำนวนจำกัดด้วยนะ!

กล้อง

เอาล่ะมาดูถึงสิ่งที่เขาให้มา แต่คิดว่าชาวเกมเมอร์ไม่ค่อยได้ใช้กันอย่างกล้องครับ กล้องหลักของรุ่นนี้มีขนาด 50 ล้านพิกเซล (MP) กล้องถ่ายภาพมุมกว้าง ขนาด 13MP และกล้องถ่ายภาพมาโคร 5MP ครับ ส่วนกล้องหน้านั้นได้ให้มาที่ 12 ล้านพิกเซลครับ

ภาพถ่ายทีไ่ด้มาอยู่ในระดับที่โอเคนะครับ แม้ว่าจะไม่มีการปรับแต่งสีของภาพ หรือ AI เข้ามาช่วยก็ตาม แต่ก็มีอัลกอริธึมเพื่อทำให้ HDR เป็นธรรมชาติอยู่ โดยกล้องมุมกว้างก็สามารถถ่ายได้กว้างสุดที่ 0.6 เท่าครับ ซึ่งภาพที่ได้ สีของภาพนั้นไม่ได้มีความต่างจากในกล้องถ่ายภาพหลักมากนัก ส่วนการซูม สามารถซูมได้สูงสุดที่ 8 เท่า นอกจากนี้ยังสามารถถ่ายภาพบุคคลแบบหน้าชัด หลังเบลอได้ด้วยนะครับ และการถ่ายภาพกลางคืน ก็ถ่ายได้จากโหมดกลางคืนเท่านั้นครับ ภาพจะได้ประมาณนี้เลย สุดท้าย ภาพถ่ายกล้องหน้า ก็ออกมาตามที่เห็นเลยครับ

ส่วนวิดีโอกล้องหลัง สามารถถ่ายได้สูงสุดที่ 8K 24FPS ครับ ซึ่งการจะถ่ายความละเอียดเท่านี้ จำเป็นต้องมีการปิดกันสั่นวิดีโอ และถ่ายด้วยฟอร์แมต H.265 เท่านั้น ตรงนี้ต้าร์อยากแนะนำให้ถ่ายด้วยความละเอียด 4K 60FPS ที่สามารถเปิดกันสั่นวิดีโอได้จะได้ผลที่ดีกว่าครับ ภาพและเสียงได้ได้ชมอยู่นี้ก็เป็น 4K 60FPS นะ ! ส่วนการถ่ายวิดีโอกล้องหน้าก็จะถ่ายได้สูงสุดที่ 4K 30FPS หรือ Full HD 60FPS เท่านั้นครับ

ก็ถือว่ากล้องของ ROG Phone 6D Ultimate ใช้ได้นะครับ แต่ยังไง๊ ยังไง ก็เทียบกับมือถือเรือธงไม่ได้ จุดนี้ผมคิดว่า ถ้า ASUS จะทำอุปกรณ์พกพา ROG อีกสักรุ่น ตัดเอากล้องออก ใช้แต่ Wifi ไม่ต้องใส่ซิม แล้วมาพร้อมจอย Kunai ให้เป็นเครื่องเล่นเกมพกพา Android ไปเลยในราคาไม่แพง เกมเมอร์อย่างเราก็สนใจนะครับ

เอาล่ะครับ เรามาพูดถึงข้อสังเกตกันบ้าง จุดแรกที่ต้าร์เจอคือ พัดลม AeroActive Cooler 6 ที่ค่อนข้างหนาไปสักหน่อย เวลาต่อใช้แล้วจะกินพื้นที่ทั้งด้านหลังและด้านข้างเยอะ รู้สึกจับไม่ถนัดมือ และตัวพัดลมนั้น กินแบตค่อนข้างเยอะ แม้จะไม่ได้เปิดหน้าจอก็ตาม แนะนำว่าให้เสียบสายชาร์จด้านล่างพัดลมไปด้วย เล่นไปด้วยก็จะดีกว่าเยอะเลยครับ อีกจุดก็คือน้ำหนักตัวเครื่องที่หนักถึง 247 กรัมครับ และยังไม่รวมพัดลมอีกนะ แต่ถ้าถือเล่นด้วยมือทั้ง 2 ข้างก็จะตัดปัญหานี้ไปได้ครับ

เรียกได้ว่าในประเทศไทย ROG Phone 6 Series ก็ได้ออกมาครบถ้วนทุกรุ่นแล้ว ในไลน์อัปตอนนี้จะมีรุ่น ROG Phone 6, ROG Phone 6 Pro, ROG Phone 6D และ ROG Phone 6D Ultimate ตัวท๊อปสุด ในมือผมนี่ล่ะครับ ซึ่งจะมีแค่รุ่น 6D, 6D Ultimate เท่านั้นนะที่จะได้ใช้ CPU เป็น Dimensity 9000+!

รีวิวที่ดีต้องมีราคา

สำหรับราคาของ ROG Phone 6D Ultimate เปิดตัวอยู่ที่ 42,990 บาท ซึ่งจะแถมพัดลม AeroActive Cooler 6 มาให้ด้วย ถ้าเป็นรุ่นอื่น ๆ ต้องซื้อแยก ในราคา 2990 บาทนะครับ

นอกจากนี้ยังมี KUNAI 3 GAMEPAD หรือจอยต่อแยก มาขายในราคา 3,990 บาทด้วยนะครับ ส่วน ROG Phone 6 Batman Edition รุ่น Limited นี้ ก็มีราคาอยู่ที่ 34,990 บาทครับ ทั้งสองรุ่นนี้พร้อมวางจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ตั้งแต่เวลา 21:00 น. ของวันที่ 8 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไปในช่องทางออนไลน์ออฟฟิเชียลของ ASUS ทุกช่องทาง และผ่านตัวแทนจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายนนี้ !

ใครที่อยากได้เกมมิงสมาร์ตโฟนที่ให้มาสุด ทั้งด้านดีไซน์แสนเท่ และสเปกที่เร็วแรงถูกใจเกมเมอร์แบบนี้ ตามไปจัดกันได้เลยครับ !