วันนี้แพนอยู่ที่งาน Motor Expo 2022 ในช่วง 2-3 ปีมานี้เราเห็นรถยนต์ไฟฟ้าเปิดตัวและวิ่งบนท้องถนนมากขึ้น ตอบรับกับสถานีชาร์จที่มีมากขึ้นทุกวัน แพนพามาดูหนึ่งในผู้ขับเคลื่อนระบบนิเวศของยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคตอย่าง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยหรือ กฟผ. (EGAT) เข้ากับธีมงานปีนี้ “It’s Time. Come Touch The Future.” มีเทคโนโลยีอะไรมาบริการผู้ใช้บ้าง ตามแพนไปดูกันเลยครับ

กฟผ. ในฐานะผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้าน EV เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการ 4 ประเภท ได้แก่

เครื่องอัดประจุไฟฟ้า “EGAT Wallbox” เป็นอุปกรณ์สามัญติดรถยนต์ไฟฟ้า ที่ใช้เวลาชาร์จสักระยะ เช่น บ้าน ออฟฟิศ โรงแรม หรือห้างสรรพสินค้า ดีไซน์เรียบหรูเลยครับ ซึ่งกฟผ. นำเข้าจากประเทศสเปนและได้รับสิทธิ์จำหน่ายรายเดียวในไทย รวมถึงเป็นผู้ดูแลให้บริการติดตั้งและบำรุงรักษาอย่างครบวงจร

ระบบบริหารจัดการเครือข่ายสถานีอัดประจุไฟฟ้า หรือ Backend EGAT Network Operator Platform (BackEN) ระบบหลังบ้านที่เชื่อมโยงระบบนิเวศของยานยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด ทั้งระบบผลิตและส่งไฟฟ้า สถานีอัดประจุไฟฟ้า ยานยนต์ไฟฟ้าและผู้ใช้เข้าด้วยกัน พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.

แต่เมื่อเราต้องเดินทางไกล กฟผ.ยังมีสถานีอัดประจุไฟฟ้า “EleX by EGAT” ปัจจุบันมีสถานีพันธมิตรในเครือข่ายกว่า 80 สถานี และตั้งเป้าขยายมากกว่า 100 สถานีทั่วประเทศ ภายในสิ้นปี 2565

โดยแบ่งเป็นสถานีชาร์จเร็วแบบ DC บนถนนสายหลัก ที่ให้กำลังไฟสูง 125 kW (รถที่รับกำลังไฟได้ Porsche Benz Tesla) สามารถชาร์จแบตเพียงแค่ 20-80% ภายในเวลา 20 นาที เท่านั้นเอง เน้นการชาร์จไวและเดินทางไปต่อ
ตัดเข้าชอตแพนแนะนำ Supernova

หนึ่งในตัวอย่างที่ชาร์จไวจากกฟผ. คือ SUPERNOVA เครื่องอัดประจุไฟฟ้าที่มีจุดเด่นคือรองรับหัวชาร์จของทุกค่ายรถยนต์ทั้งแบบ CCS Type 2 หรือมาตรฐานทั่วไปของรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้ในประเทศไทยและ CHAdeMo หัวชาร์จที่ใช้งานในประเทศญี่ปุ่น

Supernova ปัจจุบันให้กำลังไฟได้สูงสุด 60 kW แต่ในอนาคตจะทำได้ถึง 100 kW โดยหากชาร์จเพียง 15 นาที รถจะวิ่งได้ถึง 100 กิโลเมตรเลยทีเดียว

และเครื่องชาร์จ AC สำหรับลูกค้าที่ใช้เวลาอยู่ในสถานที่นั้น ๆ เป็นระยะเวลาหนึ่ง เช่น ตามห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล คอนโดหรือโรงแรม

เพิ่มความสะดวกสบายแก่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในการค้นหาสถานีชาร์จด้วย แอปพลิเคชั่น “EleXA” ที่ใช้ในการค้นหาสถานีชาร์จ ไม่เพียงแต่สถานีของ EleXA เท่านั้น แต่ยังรวมถึงพันธมิตรด้วย ทำให้การจองจุดชาร์จ จ่ายเงินทำได้ง่ายภายในแอปเดียว

ทั้งนี้ระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าจะเกิดขึ้นได้ทุกคนต้องร่วมมือกันครับ ทั้งภาครัฐที่ให้การสนับสนุนในด้านภาษีและสถานีชาร์จต่าง ๆ ค่ายรถที่เสนอทางเลือกให้กับผู้ใช้ รวมถึงผู้บริโภคเองก็ควรเปิดใจให้กับเทคโนโลยีใหม่ ที่เป็นพลังงานสะอาดและไม่สร้างมลพิษให้กับโลกใบนี้