Panasonic เป็นหนึ่งในแบรนด์ทีวีในดวงใจผมตลอดมานะครับ อยู่คู่คนไทยมายาวนานจากรุ่นสู่รุ่น ผมเองก็ได้รีวิวทีวีของพานาโซนิคมาหลายตัว ก็ประทับใจเรื่องภาพมาทุกตัว และตอนนี้ Panasonic LX800 Series ทีวีรุ่นล่าสุดก็มาอยู่กับแบไต๋แล้ว

นี่คือ Panasonic LX800 ขนาดใหญ่ที่สุดคือ 75 นิ้ว ซึ่งรุ่นนี้ถือเป็นทีวีตัวท็อปในกลุ่มหน้าจอแบบ LED จากพานาโซนิคแล้ว ถ้าเป็นรุ่นสูงกว่านี้จะเป็นกลุ่มจอ OLED ครับ

แต่ถึงเป็นตัวท็อป ราคาก็ไม่แรงนะครับ เปิดตัวมาแค่ 45,990 บาทเท่านั้นเอง ถือเป็นทีวีขนาด 75 นิ้วที่ราคาดีรุ่นหนึ่ง เป็นจอ 4K HDR Dolby Vision แถมได้ Android TV ด้วย ส่วนรุ่นเริ่มต้นคือขนาด 43 นิ้วนั้นราคาไม่ถึง 20,000 ครับ!
สิ่งแรกที่ผมชอบเกี่ยวกับ Panasonic LX800 คือคุณภาพภาพครับ ด้วยเทคโนโลยีเฉพาะตัวของพานาโซนิคเลยคือ Hexa Chroma Drive ที่ใช้แม่สี 6 สีมาผสมกันเป็นภาพที่สวยงาม สีสันดูสวยอิ่มแบบสมจริง

นอกจากนี้ยังรองรับ HDR เต็มขั้น ทั้ง HDR10, HLG หรือ Dolby Vision ที่ถ้าเปิด Netflix ก็จะเห็นโลโก้ชัดเจนว่ารองรับแบบนี้ ซึ่งแผงหน้าจอของทีวีรุ่นนี้เป็นแบบ HDR Bright Panel Plus ให้ความสว่างสูงสุด 550 nit จัดว่าสว่างใช้ได้เลยสำหรับทีวีที่ใช้ในบ้าน พร้อมให้ขอบเขตสีกว้างด้วย ซึ่งเรื่องความสว่างของจอนั้นจำเป็นมากกับเรื่อง HDR จอที่สว่างเพียงพอ ถึงจะสามารถขับรายละเอียดของภาพในระบบ HDR ออกมาได้สมบูรณ์

พูดถึงความสว่างไปแล้ว มาดูความมืดกันบ้างครับ ทีวีจะภาพสวยแค่ไหน ส่วนหนึ่งก็อยู่กับว่าแสดงผลสีดำได้มืดแค่ไหนครับ

หน้าจอ

หน้าจอของทีวีรุ่นนี้เป็นแบบ Adaptive Backlight Dimming ที่สามารถปรับความสว่างทั้งหน้าจอขึ้นลงตามความสว่างโดยรวมของภาพได้ แม้จะไม่ใช่ระดับ Local Dimming ที่ลดความสว่างของแสงเป็นโซนได้ แต่จอนี้ก็สามารถแสดงสีดำได้ลงลึกและเข้มได้ดี เพราะพานาโซนิคพัฒนาระบบประมวลผล 4K Studio Colour Engine ซึ่งมีระบบ Micro Dimming เพื่อจูนส่วนมืดและสว่างของภาพให้ได้ Contrast สูงขึ้น ทำให้ส่วนสว่างก็สดใส และส่วนมืดก็เข้มได้ขนาดนี้

แถมเมื่อไม่ใช่จอแบบ Local Dimming ก็ไม่มีอาการ Blooming ที่เราจะเห็นเป็นวงแสงสว่างเป็นดวง ๆ รอบซับไตเติ้ลสีขาวที่แสดงบนฉากหลังสีเข้ม ลองดูครับ Panasonic LX800 ไม่มีปัญหานี้เลย

แล้วยังมี 4K Up Converter เพื่อปรับจูนวิดีโอที่ความละเอียดน้อยกว่า 4K ให้แสดงผลได้ชัดเจนบนจอ 4K ตัวนี้ด้วยครับ

ในส่วนของโหมดภาพก็มีให้เลือกมากมาย ทั้งโหมดไดนามิกที่ให้แสงสีสันเข้มชัด โหมดผู้สร้างภาพยนตร์ที่จูนสีภาพให้เหมาะกับการดูหนัง หรือโหมดกีฬาหรือเกมส์ ก็เลือกใช้ให้เหมาะกับการรับชมได้

อีกเทคโนโลยีที่ทีวียุคนี้ขาดไม่ได้แล้วคือ MEMC หรือ Motion Estimation and Motion Compensation ที่เราเรียกง่าย ๆ ว่าการแทรกเฟรม ทำให้ภาพเคลื่อนไหวดูนุ่มนวลขึ้น เหมือนถ่ายมาแบบ 60 fps จริง ๆ

ซึ่งภาพตอนนี้เราปิด MEMC ไว้ก่อน แล้วเปิดให้ดู จะเห็นว่าภาพดูเคลื่อนไหวนุ่มนวลขึ้นจริง แบบดูไม่หลอกตาด้วย ซึ่งจะแทรกเฟรมภาพขึ้นมาสูงสุดที่ 60 Hz ครับ

ซึ่งองค์ความรู้เรื่องการปรับจูนคุณภาพภาพทั้งหมดนี้ก็ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น พานาโซนิคที่ทำทีวีมานาน ก็สะสมองค์ความรู้ไว้มาก ภาพจาก Panasonic LX800 จึงสวยแบบนี้ไงครับ

ลำโพง

Panasonic LX800 มีลำโพงขนาด 10 W อยู่ 2 ตัวด้านล่างนี้ครับ ก็ให้เสียงได้ดีพอสำหรับการใช้งานทั่วไปในบ้าน ซึ่งก็มีโหมดเสียงให้ปรับได้ทั้งโหมดมาตรฐานเพื่อใช้งานทั่วไป โหมดเพลง เพื่อจูนเสียงให้เหมาะกับการฟังเพลงโดยเฉพาะ หรือโหมดเน้นเสียงพูด โหมดกีฬา

นอกจากนี้ยังสามารถเปิดเสียงเซอร์ราวให้เสียงมีมิติเพิ่มขึ้นได้ รวมถึงเปิด Dolby Atmos จากตัวทีวีเองก็ได้ หลังจากเปิดแล้ว แอป Netflix ก็จะแสดงโลโก้ Atmos ออกมาด้วย เพื่อให้เลือกเสียงระดับ Atmos ที่ดีที่สุดมาใช้ได้ครับ ก็ลองเปิดฟังกันดูได้ครับว่าชอบเสียงแบบไหนมากกว่ากัน

แต่ถ้าอยากอัปเกรดเสียงจากทีวีให้ดีขึ้น ก็สามารถต่อ Soundbar เสริมได้ครับ ทีวีรุ่นนี้มีพอร์ต eARC มาตรฐานการต่อชุดเครื่องเสียงตัวล่าสุดที่ใช้งานง่าย และสามารถส่งเสียงคุณภาพสูงมาด้วย หมดปัญหาการใช้งานกับซาวด์บาร์

และลองดูดี ๆ Panasonic LX800 มีช่องต่อเสาอากาศทีวีดิจิทัลได้โดยตรง ซึ่งเมื่อเรารับสัญญาณจากเสาหนวดกุ้ง ก็สามารถอัดรายการทีวีลง Flash Drive หรือฮาร์ดดิสก์ได้ยาวสุด 3 ชั่วโมงด้วยครับ

ส่วนถ้าคุณมีลำโพง Bluetooth อยู่แล้วอยากต่อให้เสียงจากทีวีไปออกลำโพง bluetooth ก็ทำได้ง่าย ๆ แค่กดปุ่ม Audio Link บนรีโมตนี้ ก็จะเข้าหน้าเชื่อมต่อ Bluetooth อย่างรวดเร็ว และกดเชื่อมกับลำโพง Bluetooth ได้ทันทีให้เสียงลำโพงแบบนี้ครับ

ในทางกลับกัน ถ้าคุณต้องการให้ทีวีกลายเป็นลำโพง Bluetooth เอาเพลงจากมือถือไปออกทีวีก็ทำได้ผ่านปุ่ม Audio Link เหมือนเดิมครับ ก็จะมีอีกตัวเลือกหนึ่งเพื่อเปลี่ยนทีวีเป็นตัวรับ Bluetooth แล้วเสียงจากมือถือก็ออกมาได้แบบนี้ รองรับ Bluetooth 5.0 ด้วยนะ

ส่วนการใช้เล่นเกม เราทดลองต่อกับ PlayStation 5 ให้ดูนะครับ ก็ให้ภาพสวยงาม ลื่นไหล แสดงผลแบบ HDR ได้ ซึ่งเมื่อเปิดหน้าข้อมูลการเชื่อมต่อจะเห็นว่ารองรับการเชื่อมต่อ 4K 60 Hz แบบ HDR ในรูปแบบ YUV422 พร้อมรองรับ ALLM หรือ Auto Low Latency Mode เพื่อให้ทีวีรับรู้ว่ากำลังต่อกับเครื่องเกมอยู่และปรับภาพให้หน่วงน้อยลง โยกจอยแล้วภาพเปลี่ยนทันที!

แต่ทีวีรุ่นนี้ไม่รองรับ VRR ที่จะปรับเฟรมเรตให้ตรงกับที่ PlayStation 5 ต้องการนะครับ รวมถึงไม่รองรับเทคโนโลยี G-Sync หรือ FreeSync ครับ

Panasonic LX800 ใช้งาน Android TV 11 นะครับ พอเป็นระบบของ Google ก็ง่ายแล้วก็คุ้นเคยเลย ตั้งแต่ Google Assistant ที่สั่งงานด้วยเสียงได้เลย จะสั่งผ่านรีโมต หรือสั่งโดยตรงหน้าทีวีแบบไม่ถือรีโมตเลยก็ได้ ไม่ว่าเปิด-ปิดอุปกรณ์ในบ้าน ค้นหาเนื้อหาที่ต้องการ ดูข้อมูลสภาพอากาศหรืออื่น ๆ ก็ทำได้ด้วยคำสั่งเสียงทั้งนั้น

นอกจากนี้ยังลงแอปได้เพียบครับ Android TV ถือเป็นระบบสำหรับทีวีที่มีแอปในไทยเยอะที่สุดแล้ว Netflix, Youtube, WeTV, HBO, Amazon Prime, iQiyi, True IDTV พวกนี้รองรับอยู่แล้ว แต่ที่พิเศษคือ Apple TV, Disney+ Hotstar ก็ลงได้ หรือ bilibili สำหรับคอการ์ตูนก็ติดตั้งลงไปในทีวีได้เลย หรือจะเป็นแอปฟังเพลงอย่าง Spotify, Joox, Tidal ก็ลงได้โดยไม่ต้องต่อกล่องแยก

ส่วน VIU แม้ทีวีจะไม่ได้รองรับโดยตรง ด้วยข้อจำกัดของตัวแอปเอง แต่ก็สามารถเปิดในมือถือ แล้วยิงขึ้นจอผ่าน Chromecast ได้เลย ดูจอใหญ่คุณภาพสูงได้เหมือนกัน

รีโม

มาดูตัวรีโมตกันบ้าง Panasonic สามารถผสมผสานความเป็นรีโมตแบบคลาสสิก ปุ่มเยอะ ๆ เปลี่ยนช่องง่าย ๆ ที่คนใช้ทีวีมายาวนานจะคุ้นเคยกันดี เข้ากับดีไซน์ของรีโมตในยุคปัจจุบันที่เป็นรีโมตหน้าแคบ ดูเปรียว แถมด้านบนยังมีปุ่มลัดให้เพียบ จะเปิด Netflix, Youtube, Amazon Prime หรือเปิดหน้าแอปทั้งหมดก็กดได้ง่าย ๆ มีปุ่มลัดในการเข้าไปเปลี่ยนโหมดภาพด้วย ใช้ง่ายครับ

จุดสังเกต

สำหรับ Panasonic LX800 เราคิดว่ายังขาดฟังก์ชัน AirPlay ไปครับ ทำให้สะท้อนหน้าจอจากอุปกรณ์แอปเปิ้ลโดยตรงไม่ได้ ต้องซื้อแอปสะท้อนหน้าจอพวก AirPlay Cast ,Miracast มาใช้เพิ่ม ส่วนใครใช้ Android จะไม่มีปัญหานี้ เพราะสามารถใช้ Chromecast สะท้อนหน้าจอได้เลย

นอกจากนี้ด้วยความที่ LX800 ใช้แผงหน้าจอแบบ VA ซึ่งมีจุดเด่นที่ให้ความดำในภาพได้ลึก แต่ก็ทำให้การมองทีวีจากมุมมองด้านข้าง สีสันและความดำของหน้าจอจะจืดลงไปครับ

รีวิวที่ดีต้องมีราคา

Panasonic LX800 มีทั้งหมด 5 ขนาดคือ 43 นิ้ว, 50 นิ้ว, 55 นิ้ว ,65 นิ้ว และ 75 นิ้วที่เรารีวิวกันในวันนี้ ซึ่งมีราคาเปิดตัวตามภาพนี้เลยครับ

และคำแนะนำจากคนที่ซื้อทีวีมาโชกโชนอย่างผม สำหรับผลิตภัณฑ์อย่างทีวี ให้ลองสอบถามราคาและโปรโมชันบัตรต่าง ๆ หรือการผ่อนที่หน้าร้านอีกครั้งนะครับ แล้วคุณจะได้ราคาถูกลดลงกว่าราคาเปิดตัวไปอีกหลายพัน!

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส