ถ้าถามว่าทำไมบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในอดีตอย่าง Nokia ถึงสามารถครองตลาดโทรศัพท์มือถือโลกได้ยาวนาน คำตอบคงหนีไม่พ้นคำว่า ‘ประสบการณ์’ และความเชี่ยวชาญในการสร้างโทรศัพท์ที่ทนทานและมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถยืนหยัดอยู่ในตลาดได้อย่างมั่นคง
แต่พอถึงยุคหนึ่งที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งข้อมูลและเทคโนโลยี การยึดมั่นใน ‘ประสบการณ์’ เพียงอย่างเดียวอาจกลายเป็นอุปสรรคสำคัญที่ฉุดรั้งแบรนด์ไว้ จนทำให้ติดกับดักความคิดแบบ ‘สมัยฉันใช้ Symbian ก็ดีอยู่แล้ว…’ จนลืมไปว่า วิธีการที่เคยใช้ได้ผลดีในอดีต ไม่ได้แปลว่าจะใช้ได้ผลดีเสมอไปในโลกยุคปัจจุบัน
เช่นเดียวกับ ‘คนมีประสบการณ์’ ในที่ทำงานของเรา หลายคนอาจจะยึดติดกับคำว่าประสบการณ์มากจนลืมไปว่านี่คือยุคที่ข้อมูลและข่าวสารต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แค่ ‘ประสบการณ์’ อย่างเดียวอาจไม่พอ วลีเด็ดอย่าง ‘สมัยฉัน…’ จึงอาจใช้ไม่ได้แล้วหรือเปล่า ?
แล้วเมื่อไหร่ที่ ‘ประสบการณ์’ จะเป็น ‘อุปสรรค’ ?
ประสบการณ์อาจกลายเป็นอุปสรรคได้อย่างง่ายดาย ถ้ามันไม่ได้ทำหน้าที่ ‘ชี้นำ’ แต่กลับกลายเป็นการ ‘ปิดกั้น’ แทน
แกนหลักของปัญหานี้คือการที่ยึดติดกับวิธีคิดแบบ ‘สมัยฉันเคยทำ…’ จนทำให้ปฏิเสธที่จะรับชุดข้อมูลหรือแนวโน้มใหม่ ๆ ที่เข้ามา หากคุณเริ่มใช้ความสำเร็จในอดีตมาเป็นเกราะกำบังการเปลี่ยนแปลงและนวัตกรรมใหม่ ๆ นั่นแหละคือสัญญาณเตือนว่าคุณกำลังติดกับดักประสบการณ์ของตัวเองแล้วล่ะ
ประสบการณ์ที่สั่งสมมาอาจกลายเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้เราปิดกั้นการเติบโต สัญญาณเหล่านี้มักแสดงออกอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น
- ปิดใจต่อแนวคิดใหม่
มีแนวโน้มที่จะตัดสินและปฏิเสธนวัตกรรมใหม่ ๆ ทันที เพียงเพราะมันเคยล้มเหลวมาแล้วในอดีต โดยไม่ได้พิจารณาเลยว่าในปัจจุบัน บริบท เครื่องมือ หรือเทคโนโลยีได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร การยึดติดกับวิธีการเดิม ๆ เช่นนี้ คือสาเหตุที่องค์กรที่ยิ่งใหญ่มักมองข้ามเทคโนโลยีที่ Disruptive และนำไปสู่ความล้มเหลวในที่สุด
- เชื่อมั่นในข้อมูลเก่ามากกว่าแนวโน้มปัจจุบัน
ให้ความสำคัญกับสัญชาตญาณหรือสถิติที่คุ้นเคยและเคยประสบความสำเร็จในอดีต มากกว่าข้อมูลและแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน ทำให้ยืนกรานที่จะใช้วิธีแบบเดิม ๆ แม้ว่าหลักฐานล่าสุดจะชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพฤติกรรมผู้บริโภคหรือสถานการณ์ตลาดได้เปลี่ยนไปแล้วก็ตาม
- ติดกับดักความเชื่อแบบเดิม ๆ (Fixed Mindset)
ยึดติดกับวิธีการทำที่ถูกต้องเพียงวิธีเดียว และมองว่าการทำนอกกรอบหรือกระบวนการที่กำหนดไว้คือความผิดพลาด แทนที่จะมองว่าเป็นโอกาสในการทดลองและเรียนรู้สิ่งใหม่ พฤติกรรมนี้สะท้อนกรอบความคิดแบบตายตัว (Fixed Mindset) ตามงานวิจัยของ แครอล ดเว็ก (Carol Dweck) ที่ระบุว่า ‘ผู้ที่เชื่อว่าความสามารถของตนเองคงที่ มักจะหลีกเลี่ยงความท้าทายใหม่ ๆ เพราะกลัวว่ามันจะคุกคามต่อภาพลักษณ์ของความเชี่ยวชาญที่ตนเองสั่งสมมา’
- ใช้ ‘ประสบการณ์’ ปิดกั้นการเรียนรู้ของคนอื่น
การใช้อำนาจของประสบการณ์หรือความอาวุโสเพื่อยุติการถกเถียงหรือความคิดใหม่ ๆ ในทีม คือการติดกับดัก ‘คำสาปของความรู้’ (The Curse of Knowledge) ซึ่งเป็นแนวคิดที่นำเสนอโดยนักเศรษฐศาสตร์อย่าง โคลิน คาเมเรอร์ (Colin Camerer) หัวใจสำคัญคือ เมื่อผู้เชี่ยวชาญลืมไปว่าการไม่รู้เป็นอย่างไร พวกเขามักจะสื่อสารโดยคาดเดาว่าทุกคนก็น่าจะเข้าใจเท่ากัน (ทั้งที่อาจจะไม่จริง) ทำให้ปิดกั้นการเรียนรู้ การตั้งคำถาม และลดทอนความคิดสร้างสรรค์ของเพื่อนร่วมทีมลงไปโดยไม่รู้ตัวได้ง่าย ๆ
- จินตนาการถึงอนาคตจากข้อจำกัดในอดีต
การมองเห็นอนาคตเป็นเพียงภาพสะท้อนของอดีตเป็นสิ่งที่น่ากลัว เพราะมันปิดกั้นความสามารถในการจินตนาการถึงสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน เมื่อใดก็ตามที่เราประเมินความเป็นไปได้ของโปรเจกต์ใหม่ ๆ ด้วยการใช้ข้อจำกัดและความล้มเหลวเดิม ๆ ในอดีตเป็นตัวตั้ง นั่นหมายความว่าเรากำลังปฏิเสธโอกาสมหาศาลที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง เพราะแทนที่จะมองหาทางออกหรือนวัตกรรมใหม่ ๆ กลับเลือกที่จะจำกัดศักยภาพของตัวเองไว้ในกรงของอดีตนั่นเอง
ประสบการณ์สำคัญ แต่ต้องควบคู่กับการพยายามเรียนรู้
เมื่อเราเข้าใจแล้วว่า ‘กับดักประสบการณ์’ มันหน้าตาเป็นยังไง ต่อไปก็ถึงเวลามาดูกันว่าเราจะหนีออกจากมันได้ยังไงบ้าง หัวใจสำคัญคือการเปลี่ยนระบบคิดสู่แนวคิดว่าเราต้องเรียนรู้ตลอดเวลา ควบคู่กับประสบการณ์เดิมที่มีด้วย
- ท้าทาย ‘ความเชื่อเดิม’ ของตัวเอง
เวลาเจอไอเดียใหม่ ๆ ที่เคยล้มเหลวมาก่อน อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธด้วยประโยคเดิม ๆ แต่ให้ลองบังคับตัวเองให้หา 5 เหตุผล ว่าทำไมไอเดียนี้ถึงจะสำเร็จได้ในยุคนี้ พร้อมกับเปลี่ยนสัญชาตญาณหรือแนวคิดเก่าที่เราคุ้นเคย ให้กลายเป็นแค่สมมติฐานที่ต้องพิสูจน์ด้วยข้อมูลใหม่ ๆ เพื่อให้เราพร้อมเรียนรู้สม่ำเสมอ
- ให้พื้นที่กับความผิดพลาด
ถ้าอยากหลุดพ้นจาก Fixed Mindset เราต้องเปลี่ยนมุมมองว่า การทำนอกกรอบ หรือ ความผิดพลาดไม่ใช่เรื่องเสียหาย ไม่ใช่ความล้มเหลว แต่คือโอกาสในการเรียนรู้ และค้นพบวิธีการทำงานแบบใหม่ ๆ
- ระวัง ‘กับดักของความรู้’ ในทีม
สำหรับพี่ ๆ ซีเนียร์ที่ประสบการณ์เยอะ ๆ อาจจะต้องเปิดใจรับฟังน้อง ๆ ที่ประสบการณ์น้อยกว่าบ้าง ให้พวกเขาได้ตั้งคำถามแบบเต็มที่ เพราะบ่อยครั้งความรู้ที่ท่วมหัวของเรานั่นแหละที่ไปปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ของทีมโดยไม่รู้ตัวก็ได้
แม้เราจะรู้สึกว่าตัวเองตามทันโลกอยู่เสมอ แต่ความจริงก็คือ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าที่เราคิดมาก ดังนั้น หากคำว่า ‘สมัยฉัน…’ ที่หยิบยกขึ้นมาบ่อย ๆ นั้น ไม่ได้ถูกใช้เพื่อดึงบทเรียนมาปรับใช้ แต่กลายเป็นการตอกย้ำวิธีการเดิม ๆ ที่ไม่เข้ากับบริบทปัจจุบันแล้วล่ะก็ ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องเปิดใจ
การใช้ประสบการณ์ในอดีตที่ดีที่สุด คือการใช้มันเป็นเพียง ‘อ้างอิง’ ว่าครั้งหนึ่งเคยทำอะไรสำเร็จภายใต้เงื่อนไขแบบไหน แต่ไม่ใช่ ‘ไม้บรรทัด’ ที่ตัดสินวิธีการใหม่ ๆ ทั้งหมด การยึดติดกับความสำเร็จในอดีตจะทำให้เรามองข้ามทางแก้ปัญหาใหม่ ๆ ที่มีประสิทธิภาพกว่าในปัจจุบัน ดังนั้น จงใช้ความรู้เดิมเป็นฐาน แต่พร้อมที่จะทดลองและยอมรับแนวทางใหม่ เพื่อให้การทำงานในยุคนี้ง่ายและมีประสิทธิภาพกว่าเดิม